ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา"แม้ว-อ้อ"ซื้อที่ดินรัชดา คณะผู้พิพากษาลงมติ 5 ต่อ 4 "ทักษิณ"ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ให้จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วน"พจมาน"ให้ยกฟ้อง เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง องค์คณะผู้พิพากษาศาลฯอ่านคำพิพากษา คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ
วันนี้(21 ต.ค.)เวลา 14.00 น.องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาท ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีและเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ม.4 , 100 และ 122 ประมวลกฎหมายอาญา ม.33, 83, 86, 91, 152 และ 157 ขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยหลังศาลได้อ่านคำฟ้อง และผลการไต่สวนฝ่ายโจทก์ และ จำเลยแล้ว โดยจำเลยทั้ง 2 ปฎิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้ ในการอ่านคำพิพากษาช่วงแรก ศาลได้วินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายที่ จำเลยทั้ง 2 ยกเป็นข้อต่อสู้ โดยศาลฏีกาได้ชี้ว่า คตส. มีอำนาจในการตรวจสอบและยื่นฟ้องในคดีดังกล่าวได้ พร้อมกับชี้ว่า กองทุนฟื้นฟู ฯ เป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ที่จะแจ้งความดำเนินคดี ผู้ที่ทำให้กองทุนฟื้นฟูเสียหายได้ ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยกฎหมาย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 ม.4 มีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินร่วมกับ รัฐมนตรี อื่น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ใช้บังอยู่ ส่วนประเด็นข้อต่อสู้ที่ ทางฝ่ายจำเลยแย้งว่า กรณีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีอำนาจการสั่งการคณะกรรมการกองทุนฟฟื้นฟูได้ ซึ่งมีพยานเบิกความว่า กรรมการแต่ละคนก็อยู่ใต้กำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ซึ่งมีสิทธิให้คุณให้โทษได้ ทั้งนี้ นายกฯ เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล มีอำนาจควบคุมราชการทั้ง ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น มีอำนาจ สั่งยับยั้ง และสั่งสอบสวน มีอำนาจบังคับบัญชา ทุกตำแหน่ง ในสังกัด ทุกกระทรวง ทบวง กรม ศาลจึงมีมติ 6 ต่อ 3 ชี้ว่า นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจกำกับและสั่งการกองทุนฟื้นฟูฯ ข้อต่อสู้ของจำเลย ทั้ง 2 มิอาจรับฟังได้
ประเด็นเรื่องทำให้กองทุนฟื้นฟูได้รับความเสียหายจากการประมูลซื้อขายที่ดินหรือไม่ จำเลยที่ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี มีฐานะมั่งคั่ง เป็นบุคคลที่มีอำนาจ บารมี ทางการเมืองสูง การที่มีการประมูลราคาการขายที่ดินดังกล่าวจะได้ราคามากหรือได้น้อย ย่อมมีผลถึงสถานะทางการเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบอยู่ ขณะที่จำเลยที่ 2 เป็นภริยาและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป โดยก่อนมีการประมูลขายที่ดิน ก็ได้มีข่าวแพร่กระจายไปก่อนแล้วว่า ภริยานายกรัฐมนตรีจะร่วมประมูลราคาด้วย และอาจกล่าวได้ว่าค่านิยมของข้าราชการส่วนใหญ่ มักจำยอมต่อผู้มีอำนาจ กระบวนการจัดการประมูลราคาครั้งที่ 2 ที่มีการกำหนดวงเงินมัดจำขั้นต่ำสูงถึง 100 ล้านบาท ทำให้สามารถกันผู้เข้าประมูลให้น้อยลง จึงมีผู้เสนอราคาเพียง 3 ราย ได้แก่ บริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล เดเวอร์ล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เสนอราคาสูงสุด แต่ยังต่ำว่าราคาขั้นต่ำที่เคยกำหนดไว้ในการประมูลครั้งแรก
เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร่วมประมูลทั้ง 2 รายรู้ว่ากำลังเสนอราคาแข่งกับจำเลยที่ 2 ซึ่งผู้ประมูลทั้ง 2 รายรู้ดีว่า ไม่สมควรชนะการประมูลครั้งนี้ จำเลยที่ 2 จึงชนะการประมูล จึงเป็นที่เห็นว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่สามารถขายที่ดินทั้ง 4 แปลงได้ประโยชน์เท่าที่ควร จึงถือเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมโดยชัดเจน ซึ่งต้องห้ามไม่กระทำตามมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดิน จึงถือว่าเป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรค 3 ส่วนที่จำเลยที่ 1 ทำอ้างว่าการลงนามยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายเป็นเพียงการปฏิบัติตามระเบียบราชการนั้น เมื่อจำเลยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันพิสูจน์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย องค์คณะผู้พิพากษจึงมีมติ 5 ต่อ 4 ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำฝ่าฝืน มาตรา 100 อนุ 1 ซึ่งต้องรับโทษตามมาตรา 122 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ข้อต่อสู้ของ จำเลยทั้ง 2 ฟังไม่ขึ้น
องค์คณะผู้พิพากษาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลกองทุนเพื้อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 การซื้อขาย ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนบุคคลขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งต้องห้ามมิให้กระทำ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2552 มาตรา 100(1) ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 122 วรรคหนึ่ง
ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น มาตรา 100 เป็นบทบัญญัติให้การกระทำเป็นความผิดเนื่องจากผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งยังบัญญัติให้การกระทำของคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐถึงเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเอง แต่มาตรา 122 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา 100 ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้ลงโทษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ฝ่าฝืนมาตรา 100 ไม่ได้ระบุให้ลงโทษรวมไปถึงคู่สมรสหรือบุคคลอื่นด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิด และไม่ต้องร่วมรับโทษตามมาตรา 122 กับจำเลยที่ 1
สำหรับความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 เมื่อจำเลยที่ 1 มีความผิดเพราะถือว่า การดำเนินกิจการประมูลซื้อขายที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ เป็นการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 ด้วยฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 2 ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงหาใช่เพราะเป็นเจ้าพนักงานมี หน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นตามบทบัญญัติของมาตรา 152 หรือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157
การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว และจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 ด้วย
ส่วนคำขอให้ริบทรัพย์นั้น การที่จำเลยที่ 2 ร่วมประมูลราคาและทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทนั้นหาได้เป็นความผิดในตัวเองไม่ เหตุที่เป็นความผิดสืบเนื่องจากฐานะของจำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กฎหมายห้ามมิให้กระทำสัญญาหรือมีส่วนได้เสียกับหน่วยงานของรัฐเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 มีความผิดและต้องรับโทษในความผิดดังกล่าวที่ดินพิพาทจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองได้มาจากการกระทำความผิด ส่วนเงินที่จำเลยที่ 2 ชำระราคาที่ดินพิพาทไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงทรัพย์ทั้งสองอย่างจึงไม่ใช่ทรัพย์อันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) และ (2)
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชนแต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายทั้งที่จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมืองให้เหมาะสมกับที่ได้รับการไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญยิ่ง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ และพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100(1) วรรคสาม และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
เนื่องจากจำเลยที่ 1 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อมาปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง จึงให้เพิกถอนหมายจับจำเลยที่ 2 เฉพาะคดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรอบศาลฎีกา มีผู้มาให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กว่า 200 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 กองร้อย กว่า 300 นาย คอยรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ภายหลังการทราบคำพิพากษาแล้ว นายวรัญชัย โชคชนะ ได้นำหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ ประกอบด้วย ไทยรัฐ บ้านเมือง ข่าวสด เดลินิวส์ คม ชัด ลึก แนวหน้า และ สยามรัฐ ที่พาดหัวกรณี ผบ.เหล่าทัพจี้ให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก มาเผายังบริเวณทางเข้าศาลด้วย
ภายหลัง นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ อัยการจะทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยวันพรุ่งนี้(22ต.ค.) จะมาขอคัดลอกคำพิพากษาจากศาล แล้วให้คณะทำงานดำเนินการแปล รายงานต่ออัยการสูงสุดแล้วแจ้งให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ ซึ่งมีนายถาวร พาณิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน ดูแลติดตามการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งที่ผ่านมาคณะทำงานชุดนี้ได้มีการเตรียมงานมาตลอด ดังนั้น ตอนนี้เหลือแค่ขั้นตอนการคัดคำพิพากษาและเตรียมเอกสารบางส่วนที่เกี่ยวกับคดี ส่วนเหตุที่จะนำตัวมาได้หรือไม่ได้มันมีหลายปัจจัย ถ้าเป็นในส่วนของประเทศไทยเราก็สามารถดำเนินการได้ แต่จากที่ผ่านมาบางคดีมีการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลต่างประเทศ ซึ่งเราไปยุ่งกับเขไม่ได้ หากว่าเรื่องนี้จะล่าช้าต่อจากนี้คงไม่ได้อยู่ที่อัยการสูงสุด ส่วนเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณทำเรื่องขอลี้ภัย นั้น ถือว่าเป็นเรื่องระหว่างประเทศอัยการมีหน้าที่ประสานงานส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเท่านั้น
เมื่อถามว่า มั่นใจแค่ไหนว่าจะดำเนินการเรื่องนี้สำเร็จ นายเศกสรรค์ กล่าวว่า เราจะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจริงจังอยู่แล้วเพราะก่อนจะมีคำพิพากษาเราก็ตั้งคณะทำงานรองรับอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวซักอีกว่า จำเลยเป็นอดีตนายกฯจะมีผลต่อการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ นายเศกสรรค์ กล่าวว่า ไม่มีผลอัยการทำงานตามหน้าที่และพยานหลักฐานที่ได้มาจากคตส. และไม่เป็นห่วงฝ่ายการเมืองในกระทรวงการต่างประเทศจะเข้ามาแทรกแซง เพราะทุกฝ่ายทุกหน่วยราชการมีหน้าที่ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่า เมื่อจำเลยยื่นอุทธรณ์จะส่งผลต่อการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ นายเศกสรรค์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรคณะทำงานก็พร้อมจะทำคดีตลอดเวลาส่วนเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็สามารถกระทำได้เลย ไม่ต้องรอให้ผลการอุทธรณ์สิ้นสุด
ระทึก! ศาลเริ่มพิพากษา “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดินแล้ว
ศาลออกกฎเหล็กคุมเข้มพิพากษา “แม้ว-อ้อ” หวั่นลิ่วล้อออกฤทธิ์!
อัยการยัน “แม้ว-อ้อ” ขอลี้ภัย ไม่กระทบขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการเชื่อเหตุ “แม้ว-เมีย” หนี! ศาลไม่เลื่อนพิพากษาทุจริตซื้อที่ดิน
อัยการรอตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ ก่อนล่าตัว “แม้ว-อ้อ” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการแถลงปิดคดีย้ำผิด “แม้ว-อ้อ” ขอศาลริบที่ดิน-เงินซื้อ 772 ล้าน
ศาลตั้งองค์คณะยึดทรัพย์ “แม้ว-อ้อ” นัดสั่งคดี 16 ต.ค.นี้
ย้อนรอยก่อนสู่วันตัดสินโทษ"แม้ว-มาน"อาชญากรแผ่นดิน
ศาลพิพากษา “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ 17 ก.ย.นี้
ศาลหมายเรียก “พิชิฏ ชื่นบาน” เบิกความคดีที่ดินรัชดาฯ
“อัยการ” พร้อมตามตัว “แม้ว-อ้อ” ผู้ร้ายข้ามแดนมารับโทษ!
ทนาย “แม้ว” ยึดคำสั่งนายใหญ่ปฏิเสธซักค้านพยาน!
ศาลดับฝัน “แม้ว” ขอหยุดเวลาเข้าคุก ชี้หลบหนีสละสิทธิ์ไม่สู้!
อาชญากร “แม้ว-อ้อ” เหลี่ยมจัด! ขอศาลจำหน่ายคดี-ถอนทีมทนาย
อัยการพร้อมขอ “แม้ว-อ้อ” ส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการศึกษาข้อ กม.รอเอกสารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนขอส่งตัว “แม้ว-อ้อ” ผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการเตรียมตั้งคณะทำงาน ลากคอ “แม้ว-อ้อ” กลับไทย
ทนายยัน “แม้ว-อ้อ” กลับแน่วันนี้
เตือน “ทักษิณ-พจมาน” เสี่ยงหมายจับ เบี้ยวรายงานตัว 11 ส.ค.นี้
ไต่สวนที่ดินรัชดาฯ! 6 จนท.รัฐ เบิกความช่วย “แม้ว-อ้อ”
ทนายยัน “ทักษิณ” กลับมาสู้คดีแน่
ศาลอนุญาต “แม้ว-อ้อ” บินถลาไปญี่ปุ่น-จีน
“อุดม” เบิกความมัด “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ
“แก๊งทนายชั่ว” เหลี่ยมจัดส่งทนาย ยื้อสอบปากคำ!
22 ส.ค.ถึงคิว “แม้ว-อ้อ” ปิดคดีที่ดินรัชดาฯ
“หม่อมเต่า” ให้การมัด “เมียแม้ว” ซื้อที่ดินไม่เหมาะสม
สืบที่ดินรัชดา “วีระ” ขอศาลถอนประกัน “แม้ว-อ้อ” เหตุน่าเชื่อเอี่ยวสินบน 2 ล้าน
“ทักษิณ” ยื้อเวลาเข้าคุก อ้างกฎหมาย ป.ป.ช.ขัดรัฐธรรมนูญ!
“อ้อ” นำพยาน 22 ปากสู้คดีโกงที่รัชดาฯ
“หญิงอ้อ” แจงศาล! ซื้อที่ดินเรื่องส่วนตัวไม่ผิด
“แม้ว-อ้อ” ยกข้อกฎหมายสู้โกงที่ดินรัชดา-อ้าง “คตส.” บางคนโกรธเคือง
“รักเกียรติ” ย้ำการจะสั่งพิจารณาลับคดี “แม้ว-อ้อ” ขึ้นอยู่กับศาลสั่งเท่านั้น
“ชวน” ห่วงอำนาจมืดล้วงลูกกระบวนการยุติธรรม
ตามคาด! “จำเลยแม้ว” อาจลี้ภัยเมืองนอก ศาลอนุญาตพิจารณาคดีลับหลัง
ศาลอนุญาต “จำเลยแม้ว” บินปร๋อไปนอกได้เกือบเดือน
ตร.งัดแผนเดิมดูแล “จำเลยแม้ว” ขึ้นศาล ทุจริตที่ดินรัชดาฯ
พบก่อน “ทักษิณ” ขึ้นศาล “กระรอกร่วงจากฟ้า อีการ้องทัก”
ตั้ง 2 ข้อแม้ให้ประกัน “จำเลยแม้ว” ห้ามไปนอก-ก่อความเสียหายทางคดี
ย้อนรอยคำฟ้องจำเลย “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดิน
จำเลยที่ 1 ทุจริตที่ดินรัชดา ถึงศาลฎีกาฯ เข้ามอบตัวแล้ว!
ศาลฎีกาฯเตือนตำรวจต้องจับจำเลย “ทักษิณ” ส่งดำเนินคดี
อัยการจ้องค้านประกันตัว “แม้ว”
“อ้อ” ปฏิเสธโกงที่ดินรัชดา! พร้อมแจ้งศาล “แม้ว” กลับมาสู้คดี พ.ค.นี้
ศาลฎีกาเลือก “วัฒนชัย-เกรียงชัย” เป็นองค์คณะคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ
ศาลห้าม “พจมาน” ออกนอกประเทศ! ให้ประกัน 5 ล้าน
หญิงอ้อเตรียมบินกลับไทย - ศาลฎีกานักการเมืองพร้อมรับ
“แม้ว” จ๋อย!! ศาลยกฟ้องคดี คตส.
อัยการชุดตามล่า “แม้ว” กลับไทยแล้ว!!
“แม้ว” แฮปปี้! หลังศาลจำหน่ายคดีที่ดินรัชดาฯ
ยกฟ้อง “อ้อ” ฟ้อง “นาม” ศาลชี้! เปรียบเหมือนโจรปล้นชาติไม่หมิ่นประมาท
โฆษกศาลชี้คดีทุจริต “แม้ว-พจมาน” ไม่เข้าเงื่อนไขส่งผู้ร้ายข้ามแดน
โฆษกศาลชี้คณะผู้พิพากษาคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ เข้าคิวเกษียณ ไม่กระทบรูปคดี
อัยการประสานอังกฤษส่งกลับ “มิสเตอร์แฟรงค์” ผู้ร้ายข้ามแดน!
สั่งจับ “ทักษิณ-พจมาน” เชื่อตั้งใจ “หลบหนี” เบี้ยวขึ้นศาล!
ศาลพร้อมพิจารณาคดี “แม้ว-เมีย” ทุจริตซื้อที่ดินนัดแรก
อัยการหารือ หาก “แม้ว-อ้อ” เบี้ยวมานัดศาลคดีที่ดินรัชดา
ศาลเตือน “นพดล” ระวังปาก! ชี้อาจเข้าข่ายละเมิด
ศาลออกหมายเรียก “แม้ว-อ้อ”- ให้อัยการส่งถึงหน้าบ้าน
อัยการพบ “ทักษิณ” ซุกหัวลอนดอน “หญิงอ้อ” นอนซมสิงคโปร์
คดีที่ดินรัชดาฯส่อเค้ายุ่ง ศาลสั่งอัยการระบุที่อยู่จริง “แม้ว-อ้อ” ในคำฟ้อง
“ทองหล่อ โฉมงาม” คุมคดี “แม้ว-เมีย” ทุจริตซื้อที่ดิน
ผู้พิพากษาคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ประชุมเลือกเจ้าของสำนวนพรุ่งนี้
“ทักษิณ” ใช้บัตรนายกฯ รับรอง “เมีย” ซื้อที่ดิน
ขัดขวางประกวดราคา-ปลดล็อกอาคารสูง!!
“ทักษิณ-พจมาน” เป็นจำเลยทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ แล้ว
อัยการ-ศาลพร้อมเชือด! “แม้ว-เมีย” ทุจริตที่ดินรัชดาฯ พรุ่งนี้
อัยการแจกสำเนาฟ้อง “แม้ว-เมีย” ทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ
สั่งฟ้อง “แม้ว-อ้อ” ทุจริตที่ดินรัชดาฯ - ส่งศาลฎีกาการเมืองเชือด!
ศาลชี้ คตส.มีอำนาจ! ยกฟ้อง “พจมาน” แก้เกี้ยวสู้คดีโกงที่ดินรัชดาฯ
“หญิงอ้อ” เดือดปุด! ฟ้อง คตส.ยกพวงคดีที่ดินรัชดาฯ
อัยการประกาศิต! “ทักษิณ” ต้องมาขึ้นศาล!
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง องค์คณะผู้พิพากษาศาลฯอ่านคำพิพากษา คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ
วันนี้(21 ต.ค.)เวลา 14.00 น.องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาท ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีและเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ม.4 , 100 และ 122 ประมวลกฎหมายอาญา ม.33, 83, 86, 91, 152 และ 157 ขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยหลังศาลได้อ่านคำฟ้อง และผลการไต่สวนฝ่ายโจทก์ และ จำเลยแล้ว โดยจำเลยทั้ง 2 ปฎิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้ ในการอ่านคำพิพากษาช่วงแรก ศาลได้วินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายที่ จำเลยทั้ง 2 ยกเป็นข้อต่อสู้ โดยศาลฏีกาได้ชี้ว่า คตส. มีอำนาจในการตรวจสอบและยื่นฟ้องในคดีดังกล่าวได้ พร้อมกับชี้ว่า กองทุนฟื้นฟู ฯ เป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ที่จะแจ้งความดำเนินคดี ผู้ที่ทำให้กองทุนฟื้นฟูเสียหายได้ ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยกฎหมาย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 ม.4 มีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินร่วมกับ รัฐมนตรี อื่น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ใช้บังอยู่ ส่วนประเด็นข้อต่อสู้ที่ ทางฝ่ายจำเลยแย้งว่า กรณีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีอำนาจการสั่งการคณะกรรมการกองทุนฟฟื้นฟูได้ ซึ่งมีพยานเบิกความว่า กรรมการแต่ละคนก็อยู่ใต้กำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ซึ่งมีสิทธิให้คุณให้โทษได้ ทั้งนี้ นายกฯ เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล มีอำนาจควบคุมราชการทั้ง ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น มีอำนาจ สั่งยับยั้ง และสั่งสอบสวน มีอำนาจบังคับบัญชา ทุกตำแหน่ง ในสังกัด ทุกกระทรวง ทบวง กรม ศาลจึงมีมติ 6 ต่อ 3 ชี้ว่า นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจกำกับและสั่งการกองทุนฟื้นฟูฯ ข้อต่อสู้ของจำเลย ทั้ง 2 มิอาจรับฟังได้
ประเด็นเรื่องทำให้กองทุนฟื้นฟูได้รับความเสียหายจากการประมูลซื้อขายที่ดินหรือไม่ จำเลยที่ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี มีฐานะมั่งคั่ง เป็นบุคคลที่มีอำนาจ บารมี ทางการเมืองสูง การที่มีการประมูลราคาการขายที่ดินดังกล่าวจะได้ราคามากหรือได้น้อย ย่อมมีผลถึงสถานะทางการเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบอยู่ ขณะที่จำเลยที่ 2 เป็นภริยาและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป โดยก่อนมีการประมูลขายที่ดิน ก็ได้มีข่าวแพร่กระจายไปก่อนแล้วว่า ภริยานายกรัฐมนตรีจะร่วมประมูลราคาด้วย และอาจกล่าวได้ว่าค่านิยมของข้าราชการส่วนใหญ่ มักจำยอมต่อผู้มีอำนาจ กระบวนการจัดการประมูลราคาครั้งที่ 2 ที่มีการกำหนดวงเงินมัดจำขั้นต่ำสูงถึง 100 ล้านบาท ทำให้สามารถกันผู้เข้าประมูลให้น้อยลง จึงมีผู้เสนอราคาเพียง 3 ราย ได้แก่ บริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล เดเวอร์ล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เสนอราคาสูงสุด แต่ยังต่ำว่าราคาขั้นต่ำที่เคยกำหนดไว้ในการประมูลครั้งแรก
เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร่วมประมูลทั้ง 2 รายรู้ว่ากำลังเสนอราคาแข่งกับจำเลยที่ 2 ซึ่งผู้ประมูลทั้ง 2 รายรู้ดีว่า ไม่สมควรชนะการประมูลครั้งนี้ จำเลยที่ 2 จึงชนะการประมูล จึงเป็นที่เห็นว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่สามารถขายที่ดินทั้ง 4 แปลงได้ประโยชน์เท่าที่ควร จึงถือเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมโดยชัดเจน ซึ่งต้องห้ามไม่กระทำตามมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดิน จึงถือว่าเป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรค 3 ส่วนที่จำเลยที่ 1 ทำอ้างว่าการลงนามยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายเป็นเพียงการปฏิบัติตามระเบียบราชการนั้น เมื่อจำเลยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันพิสูจน์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย องค์คณะผู้พิพากษจึงมีมติ 5 ต่อ 4 ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำฝ่าฝืน มาตรา 100 อนุ 1 ซึ่งต้องรับโทษตามมาตรา 122 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ข้อต่อสู้ของ จำเลยทั้ง 2 ฟังไม่ขึ้น
องค์คณะผู้พิพากษาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลกองทุนเพื้อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 การซื้อขาย ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนบุคคลขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งต้องห้ามมิให้กระทำ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2552 มาตรา 100(1) ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 122 วรรคหนึ่ง
ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น มาตรา 100 เป็นบทบัญญัติให้การกระทำเป็นความผิดเนื่องจากผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งยังบัญญัติให้การกระทำของคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐถึงเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเอง แต่มาตรา 122 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา 100 ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้ลงโทษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ฝ่าฝืนมาตรา 100 ไม่ได้ระบุให้ลงโทษรวมไปถึงคู่สมรสหรือบุคคลอื่นด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิด และไม่ต้องร่วมรับโทษตามมาตรา 122 กับจำเลยที่ 1
สำหรับความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 เมื่อจำเลยที่ 1 มีความผิดเพราะถือว่า การดำเนินกิจการประมูลซื้อขายที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ เป็นการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 ด้วยฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 2 ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงหาใช่เพราะเป็นเจ้าพนักงานมี หน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นตามบทบัญญัติของมาตรา 152 หรือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157
การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว และจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 ด้วย
ส่วนคำขอให้ริบทรัพย์นั้น การที่จำเลยที่ 2 ร่วมประมูลราคาและทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทนั้นหาได้เป็นความผิดในตัวเองไม่ เหตุที่เป็นความผิดสืบเนื่องจากฐานะของจำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กฎหมายห้ามมิให้กระทำสัญญาหรือมีส่วนได้เสียกับหน่วยงานของรัฐเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 มีความผิดและต้องรับโทษในความผิดดังกล่าวที่ดินพิพาทจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองได้มาจากการกระทำความผิด ส่วนเงินที่จำเลยที่ 2 ชำระราคาที่ดินพิพาทไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงทรัพย์ทั้งสองอย่างจึงไม่ใช่ทรัพย์อันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) และ (2)
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชนแต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายทั้งที่จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมืองให้เหมาะสมกับที่ได้รับการไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญยิ่ง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ และพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100(1) วรรคสาม และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
เนื่องจากจำเลยที่ 1 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อมาปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง จึงให้เพิกถอนหมายจับจำเลยที่ 2 เฉพาะคดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรอบศาลฎีกา มีผู้มาให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กว่า 200 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 กองร้อย กว่า 300 นาย คอยรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ภายหลังการทราบคำพิพากษาแล้ว นายวรัญชัย โชคชนะ ได้นำหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ ประกอบด้วย ไทยรัฐ บ้านเมือง ข่าวสด เดลินิวส์ คม ชัด ลึก แนวหน้า และ สยามรัฐ ที่พาดหัวกรณี ผบ.เหล่าทัพจี้ให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก มาเผายังบริเวณทางเข้าศาลด้วย
ภายหลัง นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ อัยการจะทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยวันพรุ่งนี้(22ต.ค.) จะมาขอคัดลอกคำพิพากษาจากศาล แล้วให้คณะทำงานดำเนินการแปล รายงานต่ออัยการสูงสุดแล้วแจ้งให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ ซึ่งมีนายถาวร พาณิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน ดูแลติดตามการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งที่ผ่านมาคณะทำงานชุดนี้ได้มีการเตรียมงานมาตลอด ดังนั้น ตอนนี้เหลือแค่ขั้นตอนการคัดคำพิพากษาและเตรียมเอกสารบางส่วนที่เกี่ยวกับคดี ส่วนเหตุที่จะนำตัวมาได้หรือไม่ได้มันมีหลายปัจจัย ถ้าเป็นในส่วนของประเทศไทยเราก็สามารถดำเนินการได้ แต่จากที่ผ่านมาบางคดีมีการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลต่างประเทศ ซึ่งเราไปยุ่งกับเขไม่ได้ หากว่าเรื่องนี้จะล่าช้าต่อจากนี้คงไม่ได้อยู่ที่อัยการสูงสุด ส่วนเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณทำเรื่องขอลี้ภัย นั้น ถือว่าเป็นเรื่องระหว่างประเทศอัยการมีหน้าที่ประสานงานส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเท่านั้น
เมื่อถามว่า มั่นใจแค่ไหนว่าจะดำเนินการเรื่องนี้สำเร็จ นายเศกสรรค์ กล่าวว่า เราจะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจริงจังอยู่แล้วเพราะก่อนจะมีคำพิพากษาเราก็ตั้งคณะทำงานรองรับอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวซักอีกว่า จำเลยเป็นอดีตนายกฯจะมีผลต่อการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ นายเศกสรรค์ กล่าวว่า ไม่มีผลอัยการทำงานตามหน้าที่และพยานหลักฐานที่ได้มาจากคตส. และไม่เป็นห่วงฝ่ายการเมืองในกระทรวงการต่างประเทศจะเข้ามาแทรกแซง เพราะทุกฝ่ายทุกหน่วยราชการมีหน้าที่ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่า เมื่อจำเลยยื่นอุทธรณ์จะส่งผลต่อการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ นายเศกสรรค์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรคณะทำงานก็พร้อมจะทำคดีตลอดเวลาส่วนเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็สามารถกระทำได้เลย ไม่ต้องรอให้ผลการอุทธรณ์สิ้นสุด
ระทึก! ศาลเริ่มพิพากษา “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดินแล้ว
ศาลออกกฎเหล็กคุมเข้มพิพากษา “แม้ว-อ้อ” หวั่นลิ่วล้อออกฤทธิ์!
อัยการยัน “แม้ว-อ้อ” ขอลี้ภัย ไม่กระทบขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการเชื่อเหตุ “แม้ว-เมีย” หนี! ศาลไม่เลื่อนพิพากษาทุจริตซื้อที่ดิน
อัยการรอตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ ก่อนล่าตัว “แม้ว-อ้อ” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการแถลงปิดคดีย้ำผิด “แม้ว-อ้อ” ขอศาลริบที่ดิน-เงินซื้อ 772 ล้าน
ศาลตั้งองค์คณะยึดทรัพย์ “แม้ว-อ้อ” นัดสั่งคดี 16 ต.ค.นี้
ย้อนรอยก่อนสู่วันตัดสินโทษ"แม้ว-มาน"อาชญากรแผ่นดิน
ศาลพิพากษา “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ 17 ก.ย.นี้
ศาลหมายเรียก “พิชิฏ ชื่นบาน” เบิกความคดีที่ดินรัชดาฯ
“อัยการ” พร้อมตามตัว “แม้ว-อ้อ” ผู้ร้ายข้ามแดนมารับโทษ!
ทนาย “แม้ว” ยึดคำสั่งนายใหญ่ปฏิเสธซักค้านพยาน!
ศาลดับฝัน “แม้ว” ขอหยุดเวลาเข้าคุก ชี้หลบหนีสละสิทธิ์ไม่สู้!
อาชญากร “แม้ว-อ้อ” เหลี่ยมจัด! ขอศาลจำหน่ายคดี-ถอนทีมทนาย
อัยการพร้อมขอ “แม้ว-อ้อ” ส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการศึกษาข้อ กม.รอเอกสารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนขอส่งตัว “แม้ว-อ้อ” ผู้ร้ายข้ามแดน
อัยการเตรียมตั้งคณะทำงาน ลากคอ “แม้ว-อ้อ” กลับไทย
ทนายยัน “แม้ว-อ้อ” กลับแน่วันนี้
เตือน “ทักษิณ-พจมาน” เสี่ยงหมายจับ เบี้ยวรายงานตัว 11 ส.ค.นี้
ไต่สวนที่ดินรัชดาฯ! 6 จนท.รัฐ เบิกความช่วย “แม้ว-อ้อ”
ทนายยัน “ทักษิณ” กลับมาสู้คดีแน่
ศาลอนุญาต “แม้ว-อ้อ” บินถลาไปญี่ปุ่น-จีน
“อุดม” เบิกความมัด “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ
“แก๊งทนายชั่ว” เหลี่ยมจัดส่งทนาย ยื้อสอบปากคำ!
22 ส.ค.ถึงคิว “แม้ว-อ้อ” ปิดคดีที่ดินรัชดาฯ
“หม่อมเต่า” ให้การมัด “เมียแม้ว” ซื้อที่ดินไม่เหมาะสม
สืบที่ดินรัชดา “วีระ” ขอศาลถอนประกัน “แม้ว-อ้อ” เหตุน่าเชื่อเอี่ยวสินบน 2 ล้าน
“ทักษิณ” ยื้อเวลาเข้าคุก อ้างกฎหมาย ป.ป.ช.ขัดรัฐธรรมนูญ!
“อ้อ” นำพยาน 22 ปากสู้คดีโกงที่รัชดาฯ
“หญิงอ้อ” แจงศาล! ซื้อที่ดินเรื่องส่วนตัวไม่ผิด
“แม้ว-อ้อ” ยกข้อกฎหมายสู้โกงที่ดินรัชดา-อ้าง “คตส.” บางคนโกรธเคือง
“รักเกียรติ” ย้ำการจะสั่งพิจารณาลับคดี “แม้ว-อ้อ” ขึ้นอยู่กับศาลสั่งเท่านั้น
“ชวน” ห่วงอำนาจมืดล้วงลูกกระบวนการยุติธรรม
ตามคาด! “จำเลยแม้ว” อาจลี้ภัยเมืองนอก ศาลอนุญาตพิจารณาคดีลับหลัง
ศาลอนุญาต “จำเลยแม้ว” บินปร๋อไปนอกได้เกือบเดือน
ตร.งัดแผนเดิมดูแล “จำเลยแม้ว” ขึ้นศาล ทุจริตที่ดินรัชดาฯ
พบก่อน “ทักษิณ” ขึ้นศาล “กระรอกร่วงจากฟ้า อีการ้องทัก”
ตั้ง 2 ข้อแม้ให้ประกัน “จำเลยแม้ว” ห้ามไปนอก-ก่อความเสียหายทางคดี
ย้อนรอยคำฟ้องจำเลย “แม้ว-อ้อ” ทุจริตซื้อที่ดิน
จำเลยที่ 1 ทุจริตที่ดินรัชดา ถึงศาลฎีกาฯ เข้ามอบตัวแล้ว!
ศาลฎีกาฯเตือนตำรวจต้องจับจำเลย “ทักษิณ” ส่งดำเนินคดี
อัยการจ้องค้านประกันตัว “แม้ว”
“อ้อ” ปฏิเสธโกงที่ดินรัชดา! พร้อมแจ้งศาล “แม้ว” กลับมาสู้คดี พ.ค.นี้
ศาลฎีกาเลือก “วัฒนชัย-เกรียงชัย” เป็นองค์คณะคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ
ศาลห้าม “พจมาน” ออกนอกประเทศ! ให้ประกัน 5 ล้าน
หญิงอ้อเตรียมบินกลับไทย - ศาลฎีกานักการเมืองพร้อมรับ
“แม้ว” จ๋อย!! ศาลยกฟ้องคดี คตส.
อัยการชุดตามล่า “แม้ว” กลับไทยแล้ว!!
“แม้ว” แฮปปี้! หลังศาลจำหน่ายคดีที่ดินรัชดาฯ
ยกฟ้อง “อ้อ” ฟ้อง “นาม” ศาลชี้! เปรียบเหมือนโจรปล้นชาติไม่หมิ่นประมาท
โฆษกศาลชี้คดีทุจริต “แม้ว-พจมาน” ไม่เข้าเงื่อนไขส่งผู้ร้ายข้ามแดน
โฆษกศาลชี้คณะผู้พิพากษาคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ เข้าคิวเกษียณ ไม่กระทบรูปคดี
อัยการประสานอังกฤษส่งกลับ “มิสเตอร์แฟรงค์” ผู้ร้ายข้ามแดน!
สั่งจับ “ทักษิณ-พจมาน” เชื่อตั้งใจ “หลบหนี” เบี้ยวขึ้นศาล!
ศาลพร้อมพิจารณาคดี “แม้ว-เมีย” ทุจริตซื้อที่ดินนัดแรก
อัยการหารือ หาก “แม้ว-อ้อ” เบี้ยวมานัดศาลคดีที่ดินรัชดา
ศาลเตือน “นพดล” ระวังปาก! ชี้อาจเข้าข่ายละเมิด
ศาลออกหมายเรียก “แม้ว-อ้อ”- ให้อัยการส่งถึงหน้าบ้าน
อัยการพบ “ทักษิณ” ซุกหัวลอนดอน “หญิงอ้อ” นอนซมสิงคโปร์
คดีที่ดินรัชดาฯส่อเค้ายุ่ง ศาลสั่งอัยการระบุที่อยู่จริง “แม้ว-อ้อ” ในคำฟ้อง
“ทองหล่อ โฉมงาม” คุมคดี “แม้ว-เมีย” ทุจริตซื้อที่ดิน
ผู้พิพากษาคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ประชุมเลือกเจ้าของสำนวนพรุ่งนี้
“ทักษิณ” ใช้บัตรนายกฯ รับรอง “เมีย” ซื้อที่ดิน
ขัดขวางประกวดราคา-ปลดล็อกอาคารสูง!!
“ทักษิณ-พจมาน” เป็นจำเลยทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ แล้ว
อัยการ-ศาลพร้อมเชือด! “แม้ว-เมีย” ทุจริตที่ดินรัชดาฯ พรุ่งนี้
อัยการแจกสำเนาฟ้อง “แม้ว-เมีย” ทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ
สั่งฟ้อง “แม้ว-อ้อ” ทุจริตที่ดินรัชดาฯ - ส่งศาลฎีกาการเมืองเชือด!
ศาลชี้ คตส.มีอำนาจ! ยกฟ้อง “พจมาน” แก้เกี้ยวสู้คดีโกงที่ดินรัชดาฯ
“หญิงอ้อ” เดือดปุด! ฟ้อง คตส.ยกพวงคดีที่ดินรัชดาฯ
อัยการประกาศิต! “ทักษิณ” ต้องมาขึ้นศาล!