ศาลแพ่ง สั่งคุ้มครองชั่วคราวห้าม “หญิงอ้อ” โอนขายที่ดินรัชดาฯ จนกว่าคดีกองทุนฟื้นฟูฯ ฟ้องเรียกคืนที่ดินจะมีคำพิพากษา หรือศาลมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีหลักฟ้องเรียกคืนที่ดิน ศาลนัดสืบพยาน 2 มิ.ย.นี้
วันนี้ (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 412 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ยื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราวขอให้ศาลสั่งห้ามคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำหน่าย จ่าย โอน ที่ดินรัชดาภิเษกจำนวน 4 แปลงจำนวน 33 ไร่เศษ มูลค่า 772 ล้านบาท หลังจากที่กองทุนฟื้นฟูฯ ยื่นฟ้องคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่ 5379/2552 เรื่องโมฆะกรรม ให้สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรัชดาฯ เป็นโมฆะ และให้ศาลสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนที่คุณหญิงพจมาน เป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว และให้คุณหญิงพจมาน ส่งมอบที่ดินคืนกองทุนฟื้นฟูฯ โดยในสำนวนคดีเดียวกันนี้คุณหญิงพจมาน ได้ยื่นฟ้องแย้ง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้กองทุนฟื้นฟูฯ คืนเงินค่าซื้อขายที่ดิน และค่าเสียหาย รวม 800 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย
โดยศาลพิเคราะห์คำร้องคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาของโจทก์ และคำคัดค้านของจำเลยในชั้นไต่สวนแล้วเห็นว่า สภาพบังคับตามคำขอท้ายของโจทก์ มีเหตุผลและความจำเป็นเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้บังคับได้ตามคำร้องโจทก์ จึงมีคำสั่งห้ามไม่ให้จำเลย ขาย จำหน่าย จดทะเบียนโอน หรือทำนิติกรรมใดในที่ดินโฉนดเลขที่ 2298, 2299, 2300 และ 2301 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.ไว้ชั่วคราว ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.254 (2) (3)
ส่วนที่จำเลยคัดค้านว่า หากศาลมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวจะเป็นการขัดขวางการใช้ที่ดินของจำเลย ทำให้จำเลยเสียประโยชน์ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์นำเงินค่าที่ดินจำนวน 772 ล้านบาท มาวางเป็นเงินประกันต่อศาลนั้น เห็นว่าการที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำขอคุ้มครองชั่วคราววางประกันค่าเสียหาย ต้องเป็นเรื่องที่เห็นว่าอาจเกิดความเสียหายภายหลังที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเท่านั้น ขณะที่พยานหลักฐานของจำเลย มีนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมานเบิกความว่า ที่ดินดังกล่าวจำเลยมีไว้เพื่อประโยชน์ในการสร้างบ้านพักอาศัย ไม่มีเจตนานำไปสร้างคอนโดมีเนียมหรือโครงการหมู่บ้านจัดสรร หรือนำที่ดินนั้นออกขาย ดังนั้นหากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวจำเลยจะได้รับความเสียหายเพราะไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวได้ ศาลเห็นว่า คำเบิกความของฝ่ายจำเลยเป็นเพียงลักษณะการคาดคะเน โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าหากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวแล้วจำเลยจะเสียหายอย่างไรบ้าง กรณียังไม่มีเหตุเพียงพอให้โจทก์วางเงินประกันตามคำคัดค้านของจำเลย จึงมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ด้าน นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประสาสน์ ทนายความของคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า ขอพิจารณากฎหมายอีกครั้งว่าจำเลยมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอย่างไร ซึ่งเดิมทีเราไม่ได้ติดใจเรื่องคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพราะไม่เคยคิดจะนำที่ดินพิพาทนี้ไปขาย แต่มีไว้เพื่อสร้างบ้านพักให้บุตรของคุณหญิงพจมาน โดยประเด็นหลักที่เราต้องการต่อสู้คือ การฟ้องแย้งในสำนวนหลักที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้กองทุนฟื้นฟูฯ คืนเงินค่าซื้อขายที่ดินคืนจำนวน 772 ล้านบาท พร้อมค่าเสียหายในการใช้ประโยชน์ที่ดินรวมกับการชำระดอกเบี้ย โดยเรายืนยันว่ากระบวนการซื้อขายที่ดินนั้นดำเนินการโดยถูกต้องตามกฎหมาย กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นผู้ดำเนินการจัดประกวดราคาซื้อขายที่ดินเอง และทราบตั้งแต่ต้นแล้วว่าคุณหญิงพจมาน ร่วมประมูลแต่กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นผู้พิจารณาให้ชนะการประกวดราคาเองเพราะเสนอวงเงินซื้อที่ดินสูงสุด หากเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องกองทุนฟื้นฟูฯ ไม่ควรขายที่ดินให้ตั้งแต่ต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการพิจารณาคดีที่กองทุนฟื้นฟูฯ ยื่นฟ้องเรียกคืนที่ดินจากคุณหญิงพจมาน ศาลนัดสืบพยานครั้งแรกวันที่ 2 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.