ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “บริษัท ไรมอน แลนด์” รุกตลาดอสังหาฯภูเก็ต เปิดตัวโครงการใหม่ริมหาดสุรินทร์ “อมัลฟี” วิลลาระดับท็อปเอนด์ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ขายมหาเศรษฐีทั่วโลกหลังละ 300-400 ล้าน ธันวาคมนี้ ไม่หวั่นเศรษฐกิจโลกถดถอยกลุ่มลูกค้าระดับท็อปเอนด์มีกำลังซื้อตลอด
มร.เฮนรี่ ยัง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ว่า ภายหลังจากที่บริษัท ไรมอนแลนด์ ได้เข้ามาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ในรูปแบบคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โครงการ กะตะ การ์เด้นส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดกะตะ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีทั้งหมด 33 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 450 ล้านบาท ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จและลูกค้าได้เข้าอยู่อาศัยแล้ว
ส่วนโครงการที่สอง คือ โครงการเดอะไฮทส์ ภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดกะตะเช่นกัน มีทั้งหมด 51 ยูนิต ตอนนี้ขายไปเกือบหมดแล้วเหลือแค่ 6 ยูนิตที่เป็นสัดส่วนต้องขายให้ลูกค้าคนไทยตามที่กฎหมายกำหนด คาดว่า จะก่อสร้างเสร็จภายในเดือนธันวาคมปีนี้ โครงการมีมูลค่า 1,200 ล้านบาท
มร.เฮนรี เผยต่อว่า ทั้งสองโครงการที่ดำเนินการไปแล้ว เป็นคอนโดมิเนียมที่รองรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีโครงการที่จะลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตที่เป็นวิลลาระดับท็อปเอนด์ ภายใต้โครงการ “อมัลฟี”
โครงการนี้บริษัทใช้เวลาในการศึกษาด้านกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ เป็นเวลา 2 ปี ระหว่างการลงทุนในรูปแบบของคอนโดมีเนียมหรือวิลลา ในที่สุดบริษัทได้ตัดสินใจเลือกที่จะลงทุนในรูปแบบของวิลลาระดับท็อปเอนด์ เพราะได้เปรียบกว่าคอนโดฯทั้งในแง่ของกฎหมายข้อบังคับต่างๆและการทำตลาด
ทั้งนี้ เพราะจากผลการศึกษา พบว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะซบเซาอย่างไร ตลาดวิลลาระดับท็อปเอนด์ยังมีดีมานด์อยู่ตลาด โดยเฉพาะวิลลาในระดับราคาที่ 3-12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงมั่นใจว่าแม้ในขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะซบเซา การเปิดโครงการวิลลาระดับท็อปเอนด์ไม่น่าจะมีปัญหาในด้านการตลาด
โครงการอมัลฟี เป็นโครงการลงทุนพัฒนาอสังหาฯโครงการที่ 3 ในภูเก็ตของบริษัท ตั้งอยู่ที่ใกล้กับโรงแรมอมันปุรี หาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีเนื้อที่ทั้งหมด 37 ไร่ มีทั้งหมด 16 ยูนิต โดยมีเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น ที่กำหนดเนื้อที่และรูปแบบของวิลลา ส่วนที่เหลืออีก 12 หลังไม่กำหนดเนื้อที่ให้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า อยู่ที่หลังละ 1,200-1,400 ตร.ม.ส่วนราคาขายนั้นยังไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่ไม่ต่ำกว่าหลังละ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 100 ล้านบาท ไปจนถึง 300-400 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าโครงการนี้จะอยู่ที่ 4,000-4,500 ล้านบาท คาดว่า จะเปิดโครงการประมาณเดือนธันวาคมนี้ และจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี ขณะนี้เริ่มปรับพื้นที่ไปแล้วในบางส่วน
สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เน้นไปยังกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติระดับท็อปเอนด์ ในประเทศใกล้เคียง อย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง รัสเซีย รวมไปถึงคนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและทำงานในประเทศไทย เป็นต้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อวิลลาเพื่อการพักผ่อนมากกว่าที่จะซื้อเพื่อลงทุนในการปล่อยเช่า โดยในแต่ละปีกลุ่มเศรษฐีกลุ่มนี้จะเดินทางมาพักผ่อนปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
มร.เฮนรี่ ยังกล่าวถึงการลงทุนด้านอสังหาฯในภูเก็ตในอนาคต ว่า ทาง ไรมอน แลนด์ มีแผนที่จะลงทุนในภูเก็ตเพิ่มอีก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการหาที่ดินลงทุนอาจจะเป็นโรงแรมแต่ก็ยังไม่ชัดเจนอยู่ระหว่างเลือกว่าจะลงทุนเกี่ยวกับอะไร แต่อยากจะเข้ามาลงทุนในลักษณะใกล้เคียงกับทางลากูน่า คือ มีทั้งโรงแรม สนามกอล์ฟและบ้านหรู รองรับลูกค้ากลุ่มตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงระดับบน เพราะการลงทุนในลักษณะดังกล่าวเป็นที่ต้องการของตลาดและเป็นโครงการที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมาก เนื่องจากชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มลูกค้ารู้สึกถึงความปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
นายเฮนรี่ ยังกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจอสังหาฯในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเชา ว่า ภาวะการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกทั้งด้านการเงินและเศรษฐกิจกระทบทุกภาคส่วน แต่ในส่วนของอสังหาฯระดับบนนั้นคิดว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตลาดบนถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อตลอดแม้ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยก็ตาม ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้นโครงการวิลลาระดับท็อปเอนด์ที่เปิดตัวขายแล้วมีประมาณ 5-10 โครงการ แต่ที่เริ่มก่อสร้างจริงๆ มีไม่กี่โครงการ