“มาร์ค” เผยการบินไทยปั้นข้อมูลเท็จ อ้างเหตุย้ายสนามบินไปสุวรรณภูมิเพราะขาดทุน 600 ล้านบาท ยืนยันข้อเท็จจริงขาดทุนแค่ 200 ล้านบาท ปฏิเสธขัดแย้ง “โสภณ” จี้ให้ทบทวนข้อตกลงที่กำหนดการย้ายในวันที่ 29 มี.ค.นี้
วันนี้ (12 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการย้ายสนามบินของบริษัทการบินไทยว่า วานนี้หลังจากพูดคุยกันในที่ประชุมครม.เศรษฐกิจการตัดสินใจต้องเป็นการตัดสินใจของบริษัท ซึ่งเราได้ให้ข้อสังเกตุไปและได้สอบถามนาย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมได้ให้สัมภาษณ์ ซึ่งได้อธิบายการตัดสินใจของบริษัทก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีการตอบคำถามเรื่องนี้ทางกระทู้สดของรัฐสภาต้องไปตอบให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายของรัฐบาลเป็นผู้กำหนด นายอภิสิทธิ์กล่าวยอมรับว่า นโยบายสนามบินเป็นเรื่องของรัฐบาล ขณะนี้ถ้าการบินไทยจะตัดสินใจย้ายไปสุวรรณภูมิ ทางสายการบินอื่นๆ ที่ใช้สนามบินดอนเมืองก็ยังใช้อยู่ และทราบว่ามีความเป็นไปด้วยซ้ำที่จะขยายสนามบินดอนเมืองแต่อยู่ที่ความพร้อมของเขา เพราะฉะนั้น นโยบายรัฐบาลดูเรื่องสนามบิน ขณะเดียวกัน ได้ให้ข้อสังเกตแก่การบินไทยว่า การตัดสินใจถ้านโยบายสนามบินยังไม่เรียบร้อย ถ้าทำแล้วฝืนความรู้สึกลูกค้าตนเองโดยเฉพาะลูกค้าคนไทย หากทำแล้วต้องเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารอยู่ดี มีคำถามเยอะซึ่งหากการบินไทยยืนยันก็ต้องตอบให้ได้
เมื่อถามว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะให้มีสนามบินเดียวหรืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะให้มีการเอาข้อมูลมาพิจารณา เพราะวานนี้ (11 มี.ค.) ได้สอบถามข้อมูลกันตัวเลขยังไม่ชัดเจน เมื่อถามว่านายโสภณให้สัมภาษณ์ว่าเห็นด้วยกับการให้บริษัท การบินไทย ย้ายไปทำการที่สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว เป็นการงัดข้อกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่าถูกถามว่า ครม.คัดค้านหรือไม่ ซึ่งนายโสภณก็ตอบว่า ครม.ไม่ได้คัดค้านมีประเด็นที่หยิบยกมาพูดกันและให้เป็นเรื่องการตัดสินใจของการบินไทย เมื่อถามว่าสรุปว่ามีมติให้ย้ายการบินไทยในวันที่ 29 มี.ค. ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มติของการบินไทยเป็นอย่างนั้น แล้วก็ทำตารางการบิน ข้อห่วงใยมีอยู่ว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจจะกระทบต่อลูกค้าที่จองตั๋วตามตารางการบินใหม่แล้วหรือไม่ ซึ่งวันที่ 29 มี.ค.เป็นการตัดสินใจของการบินไทย
เมื่อถามว่ารัฐบาลยังกั๊กอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวอธิบายว่า ต้องดูตัวเลข เมื่อวานที่ซักไซ้ไล่เรียงกันคือ ฝ่ายที่สนับสนุนว่าจะให้เป็นสนามบินเดียว เมื่อถูกซักถามตัวเลขมั่นใจหรือไม่ว่าถ้าไปสนามบินเดียวแล้วจะไม่กลับมาใช้สนามบินดอนเมือง ตัวเลขไม่ชัด อย่างที่ตนเรียนว่า ถูกสร้างขึ้นมารองรับ 45 ล้านบาท วันนี้เกิน 40 กว่าล้านแล้วในภาวะที่เศรษฐกิจผิดปกติ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นเชื่อเลยว่าใกล้ หรืออาจจะเกิน 45 ล้านบาท ตนถามว่าขยายทันหรือไม่ และมีประเด็นในเชิงเศรษฐกิจในภาพรวมซึ่งเรามีสินทรัพย์ของสนามบินดอนเมืองอยู่แล้ว ในภาวะอย่างนี้สมควรที่จะใช้สินทรัพย์ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างไร เมื่อวานนี้การชี้แจงเขามุ่งไปที่ตัวสายการบิน ซึ่งเราบอกว่าจริงๆ สายการบินน่าจะดูเรื่องนโยบายสนามบินก่อน บังเอิญตอนที่การบินไทยมาในปี 50 มาโดยสมัครใจ รัฐบาลในขณะนั้นเพียงแต่บอกว่าเปิดสนามบินดอนเมืองใครอยากมาก็มา การบินไทยก็มาโดยสมัครใจ และวันนี้เขาก็บอกว่าสมัครใจที่จะย้ายออกไป
เมื่อถามว่า คิดว่าจะใช้เวลาอีกนานหรือไม่ในการตัดสินใจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าเขาทำข้อมูลมาสมบูรณ์ ก็ตัดสินใจได้ ซึ่งเราได้ขอข้อมูลไปแล้ว ให้เวลากระทรวงคมนาคม 2 สัปดาห์ เมื่อซักอีกว่ารัฐบาลมีข้อมูลในมือพร้อมตัดสินใจอยู่แล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ แต่สิ่งที่ได้มาเรายังไม่พอใจกับข้อมูลที่ได้รับมาเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) เพราะยังไม่เพียงพอในหลายๆ เรื่องจึงขอให้ไปทำมาให้ชัดเจน ทั้งเรื่องการรองรับแผนการการขยาย การประมาณการ ผลกระทบเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน ถ้าบอกว่าจะใช้สนามบินเดียวต้องมีคำตอบพร้อมๆ กันไปว่าสนามบินดอนเมืองจะใช้ทำอะไร ซึ่งตรงนี้ยังไม่มี เมื่อถามไปก็บอกว่ายังไม่มีแผน ยังไม่มีความชัดเจน และทางกระทรวงคมนาคมยังทำงานภายใต้สมมติฐานที่จะผลักดันเป็นสนามบินเดียวโดยความเข้าใจว่าการมีสนามบินเดียวจะเป็นการสนับสนุนศูนย์กลางการบิน ซึ่งใน ครม.เศรษฐกิจมีหลายท่านให้ข้อสังเกตว่าแนวคิดการให้เป็นศูนย์กลางการบิน กับแนวคิดการใช้สนามบินเดียวมันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน หลายเมืองในขณะนี้ยุคหลังทำตัวเป็นศูนย์กลางโดยมีมากกว่า 1 สนามบิน ฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นข้อสังเกตที่ให้นำกลับไปพิจารณาด้วย อย่าไปบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน
เมื่อถามอีกว่า ทำไมรัฐบาลอยู่ภายใต้การบินไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนก็ได้ย้ำไปว่ารัฐบาลต้องดูภาพใหญ่ก่อนและให้ผู้ประกอบการตัดสินใจภายใต้กติกาที่เป็นรัฐบาลกำหนดนโยบายมากกว่าที่จะให้เขาตัดสินใจไปโดยที่คิดว่าตัดสินใจแล้วมีผลต่อนโยบาย เมื่อถามว่า การตัดสินใจของกระทรวงคมนาคมอาจจะเอื้อประโยชน์ให้คิงเพาเวอร์ หรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อวานก็ได้ตั้งข้อสังเกตเพราะมีการตั้งคำถามเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้น คนตัดสินใจต้องชี้แจงให้ได้ว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะอะไร
“ข้อสังเกตทั้งหลายเราก็ให้ไป เพราะถือว่าในส่วนของการบินไทยเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจโดยอ้างว่า ทำแบบนี้เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งอ้างมา 600 ล้าน แต่เมื่อดูตัวเลขไม่คิดว่าเป็น 600ล้าน เพราะที่ลดจริงๆ ชัดๆ ประมาณ 200 กว่าล้าน คำถามคือถ้าเราบอกเขาว่า เขาขอลดต้นทุน 200ล้าน แล้วเราไม่ลดต้นทุนให้มันก็แปลกอยู่ แต่เราต้องบอกว่า 200 ล้าน ต้องไปชั่งน้ำหนักกับอีกด้านหนึ่ง และจริงๆ 200 ล้าน คงไม่ใช่ ตัวหลักในการปรับโครงสร้างหรือฟื้นฟู ซึ่งต้องเกิดขึ้นในเดือน เม.ย.นี้อีก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เป็นเรื่องแปลกหรือไม่ตัวเลขจริงแค่ 200 ล้าน แต่กลับนำเสนอ 600 ล้าน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาอ้างเรื่องบุคลากรเราก็จี้ลงไปว่าใช่หรือเปล่า เพราะถ้าลดตรงนี้แล้วปรับไปตรงนั้นก็ต้องมีค่าใช้จ่ายต้องหักลบกลบกัน