“ประพันธ์-พิเชฐ” เชื่อทหารยืนข้าง ปชช.บนเหตุผลความถูกต้อง ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือรัฐบาล แนะจับตาย้ายเลขาฯ ป.ป.ส.มีเงื่อนงำ หวังผ่องถ่ายรายชื่อพ่อค้ายาเสพติด ในนโยบายปราบปรามยาเสพติดสมัย “ทักษิณ” พร้อมเรียกร้องพรรคร่วมฯ ถอนตัวออกมา เพื่อไถ่บาป ปลดชนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ย้ำยังไม่สายเลิกพายเรือให้โจรนั่ง
วันนี้ (3 มิ.ย.) ประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ถึงจุดยืนของกองทัพที่จะไม่ใช้กำลังกับประชาชนว่า ทหารมีบทเรียนให้ตนเองมาแล้ว หากยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับประชาชนก็จะอยู่ได้ไม่นาน การจะตัดสินใจทำอะไรทหารต้องมีสติ ยึดหลักเหตุผล เมื่อกองทัพออกมาแถลงจุดยืนแบบนี้ก็สบายใจได้ เพราะทหารจะไม่มีวันตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลอย่างแน่นอน อย่าไปเชื่อสมัคร ทุกวันนี้ยังคิดที่เล่นงานผู้ชุมนุมโดยการใช้กำลังสลาย แต่ทหารทักท้วง ทหารจึงออกมาแถลงจุดยืนตอกย้ำว่ากองทัพจะยืนข้างประชาชน ในขณะที่ตำรวจไม่มีความสำนึก
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่นายสมัครออกวิทยุว่าจะสลายการชุมนุม มีทหารหลายคนโทรมาบอกตนว่า อย่าไปเชื่อนายสมัครพูดโกหก เพราะทหารไม่เคยคิดและไม่เห็นด้วยในการใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด บ้านเมืองเรายังมีทหารดีๆ จำนวนมาก เช่นคนมีจุดยืนอย่าง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม คณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือรัฐบาลทักษิณ และเป็นผู้สอบสวนจน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯ จากพรรคพลังประชาชนได้ใบแดง แต่ขณะนี้ถูกเล่นงาน โดยตั้งกรรมการสอบ แค่พูดว่าถ้ารัฐบาลสมัคร ยังเป็นรัฐบาลอยู่อาจจะเกิดการปฎิวัติได้ เรื่องนี้ไม่ชอบธรรม เราต้องเป็นกำลังใจให้ท่าน
อดีต สนช.ยังกล่าวถึงกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อ้างเหตุความผิดของผู้ชุมนุม ในเรื่องการจราจร และการมั่วสุมว่า เหตุผลฟังไม่ขึ้น การมั่วสุมจะต้องเข้าข่ายกฎหมายอาญา มาตรา 215 คือ จะต้องโดยมีเจตนากระทำผิดกฎหมาย เช่น เจตนาทำร้ายร่างกาย ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีเจตนาเช่นนั้น ไม่เหมือนกับกรณีม็อบ นปก.ที่ไปบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสุลานนท์ ประธานองคมนตรี เมื่อครั้งที่ผ่านมา นั่นจึงเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 215 อย่างชัดเจน ทำไมไม่ไปจับ ป่านนี้คดียังไม่มีความคืบหน้าเลย ตำรวจทำอะไรกันอยู่
“ในสมัยที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมีการปลดนายสมัครออกจากรัฐมนตรี นายสมัครจึงผิดหวังเลยเข้าร่วมกันพวกไปปลุกระดมประชาชนผ่านทางวิทยุยานเกราะ ออกมาต่อต้านให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มีการยุยงส่งเสริมให้ประชาชนฆ่ากัน เผาทำลายสถานที่ราชการหลายแห่ง สร้างสถานการณ์จนเกิดรัฐประหาร หลัง 6 ตุลา 19 สุดท้ายได้รับปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรีตามต้องการ อย่างนี้ผิดกฎหมายชัดเจน แต่ในขณะที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นอย่างสงบเรียบร้อยปราศจากอาวุธ จะมีความผิดได้อย่างไร เหตุผลของตำรวจฟังไม่ขึ้น”
นอกจากนี้ นายประพันธ์ยังกล่าวถึงข่าวการโยกย้าย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ว่า เรื่องนี้ต้องจับตาดูให้ดี โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม ที่จะมีการผ่องถ่าย รายชื่อพ่อค้ายาเสพติดใน นโยบายฆ่าตัดตอน สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่จัดการอะไรเลย ทำให้วิตกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีก เพราะนโยบายนี้เป็นเหตุให้มีการฆ่าตัดตอน คนตายกว่า 2,400 ศพ ตายรายวันวันละ 20-30 ศพ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เป็นคดีอาญา พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวกกลัวกันมาก ว่าจะติดคุก เพราะได้ฆ่าคนเป็นพันๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ์ ที่ถูกฆ่าโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม จึงต้องรีบทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อย กลบเกลื่อนความผิดตัวเอง อีกทั้งมีเจตนาต้องการสถาปนารัฐตำรวจ ขณะนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รอจ่อคิวนั่งตำแหน่งผบ.ตร.คนต่อไปต่อจาก พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.
“นายสมัครมีปัญญาจัดการอย่างไรบ้าง กลับมีเจตนาสานต่อนโยบาย พ.ต.ท.ทักษิณ ทำตามใบสั่งเท่านั้น เป็นสัญญานแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารแล้ว ทุกวันนี้คนผิดก็ยังลอยนวล ซึ่งเชื่อว่าผลการสอบสวนเรื่องนี้อยู่ในมือนายสมัครแล้ว แต่ไม่จัดการเอาคนผิดมาลงโทษ รัฐบาลนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะถ้ามีการ พ.ต.ท.ทักษิณ กลัวถูกเล่นงานเรื่องนี้จนต้องติดคุก”
นายประพันธ์ ยังกล่าวเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล ปลดชนวนความขัดแย้งทั้งหมด โดยการถอนตัวออกมา อย่าพายเรือให้โจรนั่ง วันนี้ยังไม่สาย ประชาชนยังให้อภัยได้ ไม่อยากให้พรรคร่วมรัฐบาลแสดงปาหี่หากินไปวันๆ ทั้งที่เคยแถลงสัญญา 5 ข้อ ไปแล้ว ขณะนี้ก็เห็นแล้วว่ารัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำ ได้สานต่อนโยบาย พ.ต.ท.ทักษิณ หลายเรื่อง แล้วพรรคร่วมรัฐบาลยังออกมาบอกว่า นายสมัครไม่ได้มาปรึกษาหารือเรื่องการจะสลายผู้ชุมนุม ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลควรถอนตัวออกมา ถ้าไม่ถอนก็ตกเป็นโจรเหมือนเขา อย่าช่วยต่อท่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะสนองพระราชดำรัสให้คนดีปกครองบ้านเมือง ขณะเดียวกันควรหยุดเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญจนกว่า 13 คดี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะสิ้นสุดกระบวนการ
ด้าน นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิฯ กล่าวว่า กองทัพยืนอยู่บนความมีเหตุผล การที่ทหารจะตัดสินใจทำอะไร ทหารจะยึดเหตุผลบนความหนักแน่ ซึ่งล่าสุด พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ก็ให้สัมภาษณ์ว่าจะเลือกอยู่ข้างฝ่ายธรรมะและประชาชน ส่วนใครที่คิดร้ายจะใช้กำลังความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของประชาชน สุดท้ายต้องได้รับกรรม
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.หมดไทย บอกว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไร้สาระคนเกลียดทั้งบ้านทั้งเมือง ระหว่างมอบนโยบายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และยังให้ปลัดอำเภอ ปลัดจังหวัดทั่วประเทศไปชี้แจงต่อประชาชนในจังหวัดตัวเองว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ พูดไม่เป็นความจริงและอย่าให้ประชาชนมาชุมนุม เรื่องนี้ถ้าแน่จริงตนขอท้าให้ ร.ต.อ.เฉลิม เอาสื่อของรัฐมาถ่ายทอดการชุมนุมได้เลยว่าใครกันแน่ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนจะได้รู้เสียที