เมื่อเวลา 12.20 น.ที่ผ่านมา นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยอ้างว่า กรณีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น เป็นส่วนหนึ่งของเกมที่วางแผนโดยคนภายนอกที่จะทำลายประชาธิปไตย โดยเขาเป็นเพียงเหยื่อ เพราะฉะนั้นเขาจึงขอถอนตัวเองออกจากเกมอำนาจ เพื่อรักษาขุนให้อยู่รอด และชัยชนะของประชาธิปไตยในบั้นปลาย โดยจะยื่นใบลาออกในสัปดาห์นี้ และมีผลในสัปดาห์หน้า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายจักรภพ เพ็ญแข แถลงข่าวลาออก
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจอีกครั้ง ว่า ไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง แต่มาถึงวันนี้มีกระบวนการกดดันรัฐบาลจากกลุ่มบุคคลและพรรคการเมือง เพื่อโค่นล้มรัฐบาล จึงเห็นว่า เพื่อรักษาเรือลำใหญ่ จึงจำเป็นต้องสละตำแหน่ง และขอยืนว่า จะต่อสู้ทางคดีต่อไป โดยไม่ได้หวังว่าจะได้ความเป็นธรรมจากกระบวนยุติธรรมเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างบรรทัดฐานขจัดฉ้อฉลให้หมดสิ้นไปจากสังคม
นายจักรภพ กล่าวยืนหยัดว่า จะต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำตัวเป็นพระเจ้าและชี้นำประเทศไปเสียทุกเรื่อง เมื่อเห็นว่า ภาระไปตกหนักอยู่ที่รัฐบาล โดยเฉพาะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กระทั่งเกิดเสียงร่ำลือว่าจะมียึดอำนาจซ้ำ โดยใช้ตนเป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงมีความจำเป็นต้องรักษาขุนเพื่อปกป้องรัฐบาล จึงตัดสินใจลาออกและยื่นใบลาออกในวันนี้
โดยหวังว่า การลาออกในครั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะยุติการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันรัฐบาล และขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้โอกาสตัดสินใจจนถึงวินาทีสุดท้าย รวมทั้งขอโทษผู้สนับสนุนการลาออกครั้งนี้ไม่ใช่ความท้อถอย แต่เป็นหมากทางการเมือง
รายละเอียด นายจักรภพ แถลงข่าวลาออก
"เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมได้แถลงข่าวกับท่านทั้งหลายไปแล้วครั้งหนึ่ง เพื่ออธิบายถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการหมิ่นเบื้องสูง ผมได้อธิบายไปว่า มีความบริสุทธิ์ใจ และมีเจตนาที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไรในการบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาแล้ว และที่สำคัญก็คือว่า ได้บอกผ่านพี่น้องสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนด้วยว่า ผมมีแนวทางในการต่อสู้กับความฉ้อฉลในครั้งนี้อย่างไร ขอเรียนว่า ในบัดนี้ผมก็ยังคิดอย่างนั้นอยู่ และจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิดนี้เลย ผมไม่มีเจตนาใดๆ ในการหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งก็จะได้พิสูจน์ทราบในกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายกันต่อไป
คำบรรยายเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 นั้น เป็นคำบรรยายทางวิชาการ ต่อที่ประชุมซึ่งเปิดกว้างต่อคนทั้งหลาย ไม่มีการหลบเร้น และเป็นคำบรรยายที่เกิดขึ้นมานานถึง 10 เดือน ก่อนที่จะได้รับพพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเป็นรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นจึงอยากเรียนในประเด็นแรกว่า ผมจะต่อสู้ในคดีนี้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยไม่ได้หวังเพียงความยุติธรรม และความเป็นธรรมสำหรับตนเองเท่านั้น แต่หวังไปถึงว่า ผมจะมีส่วน ไม่มากก็น้อย ในการวางบรรทัดฐานบางอย่างเพื่อให้สังคมนี้ฉ้อฉลน้อยลง ทำลายกันด้วยวิชามารได้ยากขึ้น และหวังว่าจะทำให้เกิดแสงสว่างทางปัญญามากขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้น ลำพังตัวผมคนเดียว ผมไม่ถอยแน่ เพราะผมไม่อาจปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรฯ ทำตัวเป็นพระเจ้าที่ชี้นำประเทศนี้ได้ แต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ ทุกอย่างกลับไปตกหนักอยู่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นธรรม ในที่สุดก็เกิดกระแสข่าวที่ไม่เป็นมงคลขึ้นมากมาย ทั้งความมุ่งหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาล ทั้งในรัฐสภา และนอกรัฐสภา เสียงร่ำลือในเรื่องการยึดอำนาจรัฐประหาร และการไล่รุกเข้ามาเรื่อยๆ ของผู้เล่นต่างๆ ตามแผนที่วางกันไว้แล้วของคนภายนอก
ในขบวนการวิชามารทั้งหมดนี้ อยากจะเรียนว่า "ผมเป็นเพียงเหยื่อ" รายเดียวในทั้งหมดเท่านั้น แต่ก็มีความร้อนแรงมาก เพราะเรื่องที่เขาจับนั้นไปโยงกับสถาบันระดับสูง ผมจึงสรุปในใจว่า ผมมีความจำเป็นต้องรักษาขุนไว้ให้รอด เพื่อประชาธิปไตยจะได้ชัยชนะในบั้นปลาย
จะสังเกตว่าในช่วง 3 วันนี้ มีข่าวออกมาทั้งบนดินและใต้ดิน ทั้งข่าวว่า ผมเสี้ยมผู้ใหญ่ในฟากรัฐบาลให้ชนกันเพื่อตัวจะได้อยู่รอด ข่าวว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ก็เลยไม่ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ข่าวเหล่านี้เป็นความสามานย์ที่คนกุข่าวจะต้องชดใช้บาปกรรมของตนเองในไม่ช้านี้ แต่ก็เป็นตัวอย่างว่า คนในฟากรัฐบาลเราเองบางครั้งก็เผลอสายตาสั้นไปร่วมแห่กับฝ่ายตรงกันข้ามเขาด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นบทเรียนสำหรับคราวนี้ก็คือ พุทธภาษิตที่ว่า "วินาศกาเล วิปริตพุทธิ" เมื่อถึงคราววินาศ ปัญญาย่อมวิปลาสไปนั้น ต้องไม่พยายามให้เกิดขึ้น
เมื่อเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักเหตุผล แต่เป็นเกมอำนาจล้วนๆ แล้วท่านนายกรัฐมนตรีก็เป็นผู้ได้รับผลดังกล่าวนั้น ผมจึงต้องตัดสินใจถอดตนเองออกจากเกมอำนาจนี้ เพื่อรักษาเรือลำใหญ่ไว้ให้รอด ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ และจะได้ยื่นใบลาออกในวันนี้ โดยให้มีผลในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้สะสางงาน และเตรียมส่งไม้ให้กับผู้รับผิดชอบต่อจากผมด้วยความราบรื่น
การลาออกในครั้งนี้ น่าจะส่งผลให้คนหยุดพูดเรื่องการรัฐประหารกันเสียที และน่าจะมีผลยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆ ที่อ้างเหตุผลทางการเมืองมาเคลื่อนไหว ถ้าหากเกมนี้ยังดำเนินต่อไป โดยมุ่งตีเมืองขึ้นไปเรื่อยๆ ผมก็หวังว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างชัดเจนในการพิทักษ์บ้านเมืองให้พ้นจากมือของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีเหล่านี้
ผมขอขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ท่านมีความเป็นสุภาพบุรุษตั้งแต่ต้นจนนาทีสุดท้าย ผมมีความศรัทธา มีความเคารพในวิธีทางการเมืองของท่านนายกรัฐมนตรี และจะยึดหลายอย่างในตัวท่านเป็นแบบอย่างในทางการเมืองต่อไป ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใหญ่ ให้แนวทางที่เป็นสติปัญญาและความสว่างกับนักการเมืองรุ่นหลัง จะเรียกว่ารุ่นลูก รุ่นหลาน ก็ไม่ผิดจากความจริง ให้ได้รู้แนวทางที่จะเดินต่อไป ท่านนายกรัฐมนตรีมีความหมายและมีความสำคัญในการรักษาบ้านเมืองในระยะนี้ เพราะฉะนั้นเหตุใดก็ตามที่จะนำไปสู่ผลกระทบต่อตัวท่านโดยตรง ผมจะยอมไม่ได้
นี่คือเหตุผลที่เมื่อวันจันทร์ ผมได้แถลงที่นี่ว่าผมจะสู้ต่อไป แต่มาวันนี้ถึงได้กลับเป็นการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เหตุผลก็ง่าย สั้นๆ นิดเดียวครับ เราต้องรักษาท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไว้ให้รอดในระยะนี้ เพื่อประชาธิปไตยจะได้รอดในระยะยาว
และสุดท้าย ผมต้องขอกล่าวคำนี้ครับ "ผมขอโทษผู้สนับสนุนตัวผมเอง" ซึ่งคงจะทำให้ท่านผิดหวังที่มีวันนี้เกิดขึ้น หวังว่าเมื่อท่านฟังเหตุผลตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้แล้ว ท่านก็คงพลอยเข้าใจไปด้วย ว่าผมไม่ได้มีความคิดที่จะลาออก ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมจะพิสูจน์ตนเองในทางกฎหมายต่อไป และจะวางบรรทัดฐานไม่ให้คนมาใช้เรื่องแบบนี้เพื่อการทำลายกันได้ง่ายเหมือนที่เกิดกับตัวผมเองอีกด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ขอให้ผู้สนับสนุนทุกท่านได้ทราบว่า ไม่ใช่ความอ่อนแอ ทดท้อ ไม่ใช่การถอยเพื่อที่จะถอดใจทั้งสิ้น นี่เป็นเพียงขั้นตอนทางการเมือง ซึ่งเราต้องรักษาส่วนรวมไว้เท่านั้นเอง ขอโทษท่านผู้สนับสนุนถ้าหากทำให้ท่านผิดหวัง แต่ในระยะยาวแล้วท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ขอบคุณมากครับ"
ช่วงถาม - ตอบ
ถาม - (เสียงไม่ชัด)
จักรภพ - ในขั้นนี้ผมให้ความสำคัญกับการสู้คดีเป็นอันดับ 1 เนื่องจากว่าเราได้ดำเนินการไปแล้วในกระบวนการยุติธรรม ความเห็นของตำรวจ อัยการ ศาล ถ้าหากกระบวนการนี้จะต้องไปถึงขั้นนั้น ก็จะเป็นเรื่องที่ผมต้องนำกลับมาและวางแผนในการต่อสู้กับคดี ผมยังไม่มองไปไกลถึงขั้นอนาคตทางการเมือง ผมมองการแก้ไขปัญหาในระยะนี้ แล้วก็เอาเรื่องประชาธิปไตยบ้านเมืองเป็นเป้าหมายที่จะยาวต่อไป นี่คือสิ่งที่จะทำต่อไปหลังจากได้เวลากลับคืนมาในช่วงนี้
ถาม - (เสียงไม่ชัด)
จักรภพ - คงจะได้เห็นกันอยู่แล้วล่ะครับ ผมคิดว่าเราเห็นข่าวกันอยู่ทุกวัน เพียงแค่เอาตัวละครแต่ละตัวมาต่อภาพกัน แล้วเขียนเชื่อมโยงกันแบบที่เขาเรียกว่าแผนที่ความคิด หรือ Mind Mapping ก็จะเห็นเองว่ามันหลายแฉก หลายมิติ ขนาดไหน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่มีความสำคัญในตอนนี้ มันจะมีความสำคัญในระยะต่อไป ต้องอย่าลืมว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศท่านยังไม่รู้ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไรบ้าง ท่านเองเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ และเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องง่าย สั้น ตรง ก็คือใครได้รับเลือกตั้งเขาก็ควรได้รับโอกาสในการบริหารประเทศ ถ้าหากมีคนที่ดีกว่า และถึงคราวเลือกตั้ง คนใหม่ก็ได้เข้ามา พี่น้องประชาชนก็มองกันง่าย สั้น ตรง อย่างนี้เพราะฉะนั้นใครจะมาอ้างเหตุผลเพื่อจะทำลายประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนก็ย่อมไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่เราจะใช้เวลาในช่วงนี้ของคดีนี้ คือการทำให้คนได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ว่าเขาเข้ามายึดประชาธิปไตยกันอย่างไร นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ยังมีอะไรให้เห็นอีกมากทีเดียว
ถาม - ระหว่างที่ต่อสู้คดีจะมีการรื้อฟื้น นปก.ขึ้นมา เหมือนกับเป็นเวทีชี้แจงอีกทางหนึ่งด้วยไหม
จักรภพ - ไม่จำเป็นครับ เนื่องจากเราเคารพกระบวนการยุติธรรม และเรามีหน้าที่ในการที่จะให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ให้คำตอบสุดท้ายกับเรื่องแบบนี้ เพราะฉะนั้นการใช้กลวิธีทางมวลชนใดๆ ไม่ว่าจะในชื่อใดก็ตาม ผมเห็นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ในการต่อสู้คดีของผมเลย
ถาม - คุณจักรภพพูดถึงการรัฐประหาร แสดงว่าคุณจักรภพก็เข้าใจว่าตัวเองก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งในการที่จะรัฐประหารหรือเปล่า
จักรภพ - ไม่ใช่หรอกครับ ผมพูดว่ามันมีข่าวร่ำลือในระยะนี้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นความกดดันต่อรัฐบาลและท่านนายกรัฐมนตรี และเป็นเหตุในท้ายที่สุดทำให้ผมตัดสินใจที่จะถอดชนวนตัวเอง
ถาม - นอกต้องการจะปกป้องท่านนายกฯ แล้วการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสรุปสำนวนการไต่สวนในเบื้องต้นมีผลกับการตัดสินใจของคุณจักรภพ
จักรภพ - ไม่มีผลเลยครับ การสรุปคดีในขั้นต้นของตำรวจนั้นเป็นไปตามวิธีพิจารณาความอาญา คดีไหนก็ต้องทำอย่างนี้ ท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจทำถูกต้องแล้ว และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินคดีนี้มาตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้ในอนาคต ประเด็นก็คือว่า เรายอมรับกระบวนการยุติธรรมแล้ว เราก็ต้องยอมให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนนั้น มีเพียงเท่านี้ครับ ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจ เรื่องนี้ผมได้ตัดสินใจด้วยเหตุผลหลักอย่างที่ได้แถลงไปแล้ว
ถาม - มีการตั้งข้อสังเกตไหมว่าทำไมผลการสอบสวนของตำรวจออกมาเร็วอย่างนี้ และสอดรับกับกระแสข่าวว่ากองทัพไม่เอาตัวคุณจักรภพ และมีผู้ใหญ่อาจจะลอยแพคุณจักรภพ
จักรภพ - ถ้าจะมีข้อสงสัยแบบนั้นก็ขอให้เป็นสื่อมวลชน และประชาชนสงสัยแทนผมเถอะครับ ตัวผมมีหน้าที่แค่นำตัวเองเข้าไปสู่กระบวนการ และหวังว่ากระบวนการจะดำเนินไปอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ และยุติธรรมเท่านั้นเอง
ถาม - การตัดสินใจลาออกเกี่ยวข้องกับแรงกดดัน หรือคำแนะนำจากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รวมถึงท่านนายกฯ ด้วยไหม
จักรภพ - ทั้งหมดนี้มันมีหลายประเด็นให้พิจารณา แต่อย่างที่ได้บอกแล้ว ความจริงมันก็ง่าย สั้น ตรง เมื่อเราเห็นว่าความกดดันมันไปผิดที่ แทนที่จะไปสู่คนที่ก่อเรื่องขึ้นมา กลับกลายเป็นท่านนายกฯ ต้องมารับผลอันหนักหนาในเรื่องนี้ ผมเองยอมรับไม่ได้ ผมมีความเคารพต่อท่านเป็นอย่างสูง และท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงขั้นนี้ ผมก็ต้องยกตัวเองออกจากภาระของท่าน โดยที่ท่านไม่เคยได้พูดจาอะไรแบบนี้เลย เพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง
ถาม - เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณไหม
จักรภพ - มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครเป็นเฉพาะอยู่แล้วเรื่องแบบนี้ ยกเว้นตัวผมเองเท่านั้นเองที่จะต้องตัดสินใจว่าเราจะเอาอย่างไรทางการเมือง เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเล็กๆ ของรัฐมนตรี 1 คน และเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่เหตุการณ์นี้มันจะบอกอะไรเยอะ เกี่ยวกับว่าใครเป็นอย่างไร และใครเป็นอย่างไรนี้ มันจะเป็นเนื้อหาสำคัญของยุทธศาสตร์ ในการต่อสู้เพื่อรักษาประชาธิปไตยในปัจจุบันและในอนาคต
ถาม -(เสียงไม่ชัด)
จักรภพ - ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นคนพิเศษ ท่านได้แสดงความมั่นคงทางด้านจิตใจ ทางด้านจุดยืนทางการเมือง ท่านเองนั้นไม่เคยปกป้องผมเป็นการส่วนตัว ไม่เคยสัญญา ไม่เคยส่งสัญญาณแบบนั้นเลย ท่านเพียงแต่ถามว่าพร้อมพิสูจน์ตนเองในกระบวนการยุติธรรมไหม นี่หมายถึงว่าย้อนกลับไปตอนต้นของเรื่องนะ ผมก็ตอบว่า พร้อมครับท่านครับ ท่านนายกฯ ก็เลยไปแนวนั้น ผมก็เลยยืนกันอยู่ในแนวนั้น ทั้งท่านนายกฯ ทั้งผมเองก็ยืนอยู่ในแนวเดียวกันนั่นเอง เพราะฉะนั้นประเด็นสำคัญก็คือว่า ความเห็นอื่นๆ ก็เป็นเรื่องประกอบเข้ามา ไม่ใช่เป็นความเห็นหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
ถาม -(เสียงไม่ชัด)
จักรภพ - ผมไม่ต้องการการปกป้องจากใคร ยกเว้นต้องการกระบวนการยุติธรรมที่จะสามารถคุ้มครองผู้ที่ถูกกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นตัวผมเอง หรือพี่น้องประชาชนอีก 64 ล้านคนได้ การปกป้องกันทางการเมืองมันทำไม่ได้หรอกถ้าหากว่าผิด แต่ถ้าหากว่า เราจะช่วยกันเพื่อจับตามองว่ากระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นไปอย่างที่ควรเป็น จริงหรือไม่ นั่นมีประโยชน์ เพราะฉะนั้นเรื่องแบบที่ถามมาก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน จะแสดงหรือไม่แสดงนั้นไม่มีผลต่อตัวผมเท่าไร
ถาม - (เสียงไม่ชัด)
จักรภพ - ผมไม่ใช่เนื้อร้ายครับ ถ้าหากแค่เอาคำพูดของคน มาบอกว่าคนนี้กลายเป็นเนื้อร้ายเพราะเขาพูดอย่างนั้น มันก็คงจะไม่ใช่ประเทศแล้วล่ะ คงจะเป็นกลุ่มก๊วนอะไรบางอย่าง เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของขั้นตอนทางการเมือง