‘จักรภพ’ ยอมลาออก ขอสู้คดี อ้างไม่ผิดคดีหมิ่นเบื้องสูง ไม่เปลี่ยน ‘ทัศนคติ’ โบ้ยเป็นส่วนหนึ่งของเกมอำนาจ จึงขอถอนตัวออกมา เพื่อรักษา “ขุน” ให้อยู่รอด มีผลในสัปดาห์หน้า อาฆาต "ปชป.-พันธมิตรฯ" ลั่นไม่ปล่อยให้ทำตัวเป็นพระเจ้า ชี้นำประเทศ เชิดชู"หมัก"สุภาพบุรุษ แบบอย่าง ขณะที่ “พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์” คนชงคดี เดินหน้าเอาผิด แจ้งความดำเนินคดี “โจนาธาน เฮด” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซี หมิ่นฯต่อ เชื่อสนิท “แม้ว” เผย “หม่อมปลื้ม-จุฑามาศ” โผล่แจม ร่วมฟังด้วย "ตุ๊ดตู่"ยันไม่ทอดทิ้ง ด้าน"อภิสิทธิ์" จี้กระบวนการยุติธรรมจัดการ ผบ.สส. รอดูสำนึกระยะยาว ด้านพปช.ไม่ทันไรเปิดศึกแย่งเก้าอี้ นปก.ฟัด ‘เนวิน ชิดชอบ’
วานนี้ (30 พ.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นาย จักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชน โดยมีสมาชิกจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) กว่า 20 คน มาให้กำลังใจ
นายจักรภพ กล่าวว่า ได้เคยแถลงมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่ออธิบายถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการหมิ่นเบื้องสูง โดยได้อธิบายไปว่า มีความบริสุทธิ์ใจ และมีเจตนาที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างไรในการบรรยาย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ยังคิดอย่างนั้นอยู่ และจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิดนี้เลย ตนไม่มีเจตนาใดๆ ในการหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งจะได้พิสูจน์ทราบในกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป เพราะ คำบรรยาย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.50 นั้น เป็นคำบรรยายทางวิชาการต่อที่ประชุมซึ่งเปิดกว้างต่อคนทั้งหลาย ไม่มีการหลบเร้น และเป็นคำบรรยายที่เกิดขึ้นมานานถึง 10 เดือน ก่อนที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรี
"ผมจะต่อสู้ในคดีนี้ต่อไป อย่างไม่หยุดยั้ง โดยไม่ได้หวังเพียงความยุติธรรม และความเป็นธรรม สำหรับตนเองเท่านั้น แต่หวังไปถึงว่า ผมจะมีส่วนไม่มากก็น้อยในการวางบรรทัดฐานบางอย่าง เพื่อให้สังคมนี้ฉ้อฉลน้อยลง ทำลายกันด้วยวิชามารได้ยากขึ้น และหวังว่า จะทำให้เกิดแสงสว่างทางปัญญามากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นลำพังด้วยผมคนเดียว ผมไม่ถอยแน่ เพราะไม่อาจปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรฯ ทำตัวเป็นพระเจ้า ที่ชี้นำประเทศนี้ได้" นายจักรภพ กล่าว
อ้างเสียสละตัวเองเพื่อรักษาขุน
นายจักรภพ กล่าวว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ ทุกอย่าง กลับไปตกหนักอยู่ที่นายกรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นธรรม ในที่สุดก็เกิดกระแสข่าวที่ไม่เป็นมงคลขึ้นมากมาย ทั้งความมุ่งหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาล ทั้งในรัฐสภา และนอกรัฐสภา เสียงร่ำลือในการยึดอำนาจ รัฐประหาร และการไล่รุกเข้ามาเรื่อยๆ ของผู้เล่นต่างๆ ตามแผนที่วางกันไว้แล้วของคนภายนอกในขบวนการวิชามารทั้งหมดนี้ จึงอยากจะเรียนว่า ตนเป็นเพียงเหยื่อรายเดียวในทั้งหมดเท่านั้น แต่ก็มีความมีร้อนแรงมาก เพราะเรื่องที่เขาจับนั้น ไปโยงกับสถาบันระดับสูงจึงสรุปในใจว่า มีความจำเป็นต้องรักษาขุนไว้ให้รอด เพื่อประชาธิปไตย จะได้ชัยชนะในบั้นปลาย
นายจักรภพ กล่าวว่า จะสังเกตว่าในช่วง 3 วันนี้ มีข่าว ออกมาทั้งบนดินและใต้ดินว่า ตนเสี้ยมผู้ใหญ่ในฟากรัฐบาลให้ชนกัน เพื่อตัวจะได้อยู่รอด ข่าวว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ก็เลยไม่ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ข่าวเหล่านี้เป็นความสามารที่คนกุข่าวจะต้องชดใช้บาปกรรมของตัวเองในไม่ช้านี้ แต่ก็เป็นตัวอย่างว่า
"คนในฟากรัฐบาลเราเอง บางครั้งก็เผลอสายตาสั้น ไปร่วมแห่กับฝ่ายตรงกันข้ามเขาด้วย ฉะนั้นสิ่งที่มีความสำคัญ และเป็นบทเรียนสำหรับคราวนี้ก็คือ พุทธสุภาษิตที่ว่า "วินาศกาเล วิปริตพุทธิ" ถึงคราววินาศ ปัญญายุควิปลาสไปนั้น ต้องไม่พยายามให้เกิดขึ้น เมื่อเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักเหตุผล แต่เป็นเกมอำนาจล้วนๆ และท่านนายกรัฐมนตรี ก็เป็นผู้ที่ได้รับผลดังกล่าวนั้น ผมจึงต้องตัดสินใจถอดตนเองออกจากเกมอำนาจนี้ เพื่อรักษาเรือลำใหญ่ไว้ให้รอด ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ และจะยื่นใบลาออกในวันนี้ เพื่อให้มีผลในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้สะสางงาน และเตรียมส่งไม้ให้กับผู้รับผิดชอบต่อจากผมด้วยความราบรื่น"นายจักรภพ กล่าว
ขอบคุณ "หมัก" ที่ช่วยอุ้มชู
นายจักรภพ กล่าวว่า การลาออกในครั้งนี้น่าจะส่งผลให้คนหยุดพูดเรื่องการรัฐประหารกันเสียที และน่าจะมีผลยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆ ที่อ้างเหตุผลทางการเมืองมาเคลื่อนไหว หากเกมนี้ยังดำเนินต่อไป โดยมุ่งตีเมืองขึ้นไปเรื่อยๆ ตนก็หวังว่า รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างชัดเจนในการพิทักษ์บ้านเมืองให้พ้นจากมือของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีเหล่านี้
"ผมขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี และจะยึดหลายอย่างในตัวท่านเป็นแบบอย่างในทางการเมืองต่อไป ฉะนั้นเหตุใดก็ตามที่จะนำไปสู่ผลกระทบต่อตัวท่านโดยตรง ผมจะยอมไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ผมได้เคยแถลงไปว่า จะสู้ต่อไป แต่มาวันนี้ เป็นการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เหตุผลง่าย สั้นนิดเดียว เราต้องรักษานายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไว้ให้รอดในระยะนี้ "
ปัดไม่ใช่ "แม้ว" สั่ง
เมื่อถามว่า การลาออกนั้นเกี่ยวข้องกับข้อแนะนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับใครเป็นการเฉพาะอยู่แล้วในเรื่องแบบนี้ ยกเว้นตัวเองเท่านั้นเองที่ต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรทางการเมือง
“เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเล็กๆของรัฐมนตรีหนึ่งคนและเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่มีความสำคัญอะไรแต่เหตุการณ์นี้จะบอกอะไรเยอะเกี่ยวกับว่าใครเป็นอย่างไร”นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามว่า อะไรจะเป็นสิ่งที่นำไปให้ตำรวจเพื่อให้เชื่อได้ว่าไม่ได้หมิ่นฯสถาบันฯ นายจักรภพ กล่าวว่า ตำรวจขออะไรมาก็จะขอนำเสนอให้ทุกอย่าง ในขึ้นนี้เพียงแค่ว่าเราก็คงจะต้องนำเสนอเรื่องของประวัติผลงานที่ผ่านมา ว่าได้ถวายงานให้กับพระบรมราชวงศ์อย่างไร บางเรื่องที่บอกไม่ได้ก็คงจะไม่ส่ง บางเรื่องที่บอกได้ก็คงจะส่ง แต่ทั้งหมดนี้ก็ขอให้ได้ทราบว่าเป็นเรื่องของการสร้างภาพขึ้นมาให้เป็นเช่นนั้น เมื่อไรที่หลักฐานชี้มาว่าของจริงกับภาพไม่ได้เป็นเช่นนั้นเรื่องนี้มันก็จบ ตนไม่วิตกกังวลใดๆ
เมื่อถามว่า ภาพการพบกันระหว่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีกับพ.ต.ท.ทักษิณ มีผลกับการตัดสินใจลาออกหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากข่าวเช้าวันนี้เอง และไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปพบกัน ฉะนั้นจึงไม่มีผลเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำในภายหลังการแถลงว่าเมื่อถามว่า ตัดสินใจลาออกตอนกี่โมง นายจักรภพกล่าวว่า ตนไม่ลงละเอียดขนาดนั้น เอาแค่ว่าอาบน้ำแล้วตัดสินใจ เมื่อถามว่าตัดสินใจหลังจากเห็นภาพที่พ.ต.ท.ทักษิณยกมือไหว้พล.อ.เปรมใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวย้ำว่า ตนเห็นภาพเมื่อเช้านี้ แต่ตัดสินใจตั้งแต่วันที่29พ.ค.แล้ว และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็นอนหลับสบายดีตามวิสัย
มือปราบ ‘เพ็ญ’ แจ้งความเพิ่ม
วันเดียวกันที่กองปราบปราม พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวน สน.บางมด ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับ นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคเอเชีย ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กรณีนำเสนอภาพข่าวผ่านเว็บไซต์ www.bbcnews.com ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พร้อมกันนี้ ยังเข้าให้การเพิ่มเติมในคดีของ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกด้วย พร้อมกับนำเอกสารการถอดคำพูดจากภาษาอังกฤษในการแถลงข่าวของ นายจักรภพ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 จำนวน 42 แผ่น เอกสารภาพถ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ นายโจนาธาน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับในกรณีของนายโจนาธาน นอกจากมีการเสนอภาพข่าวในเว็บไซต์ www.bbcnews.com ซึ่งไม่เหมาะสมแล้ว ยังได้เคยไปเป็นพิธีกรในการจัดงานสัมมนาของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 ที่มี นายจักรภพ เป็นผู้บรรยาย แสดงให้เห็นว่า นายโจนาธาน นายจักรภพ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสนิทสนมกันและมีเจตนาที่จ้องทำลายสถาบัน นายโจนาธาน เฮด มีชื่อปรากฎอยู่ว่าเป็นผู้จัดทำเว็บไซด์ดังกล่าวจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนพบหลักฐานเพิ่มเติมกรณีที่ นายจักรภพ ได้แปลคำบรรยายงานสัมมนาผู้สื่อข่าวต่างประเทศของตนเอง ระหว่างการตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มีเนื้อหาการแปลคำบรรยายไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริง เพราะแม้แต่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาก็เข้าใจความหมายว่าหมายถึงอะไร ส่วนที่บอกว่าตนแปลความหมายผิดนั้น จริงแล้วถ้ารู้ความเป็นมารากฐานของศัพท์ก็จะรู้ความหมายชัดเจนว่าตนไม่ได้แปลผิด เพราะตนได้ปรึกษากับนักวิชาการด้านภาษาศาสตร์มาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการบรรยายของ นายจักรภพ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จัดขึ้นนั้น มี ม.ล.ณัฏฐกร เทวกุล หรือ หม่อมปลื้ม นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังด้วย
"ตุ๊ดตู่" ยันไม่ทอดทิ้ง "เพ็ญ"
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำ นปก. กล่าวว่ากลุ่มนปก.ยืนยันที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายจักรภพ แต่ข้อเท็จจริงในทางรูปคดี นายจักรภพ ต้องต่อสู้คดีเอง ไม่มีใครสามารถปกป้องใครได้ แต่ในฐานะมิตรร่วมรบกันมา พวกเราไม่ใช่เป็นนักเลือกตั้งพอเกิดเหตุและจะต้องถอยหนีกันจะยืนหยัดเคียงข้างกันและวันที่นายจักรภพ เดินไปทางพบพนักงานสอบสวนพวกตนก็จะไปด้วย และจะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปประกันตัวไม่มีปัญหาอะไร
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ปิดปากเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการลาออกของนายจักรภพ
ชี้ "เพ็ญ" ยอมเป็นแพะแทน "แม้ว"
ด้าน นายสุริยะใส ตกะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เรื่องนายจักรภพ ลาออก เป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องใหญ่คือ มีการพูดถึงใครในสปีช คนที่ควรจะเดือดร้อนมากน่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ขณะนี้ดูเหมือนไม่เดือดร้อนเลย เป็นแพะหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ ถือเป็นสมมติฐานที่รัฐบาลต้องมีความชัดเจนให้กับสังคม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการปลดเรื่องนี้ไม่ให้เป็นชนวนขัดแย้ง เพราะฉะนั้นเมื่อนายจักรภพจะลาออกจริง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม จะได้ไม่มีปัญหาที่จะต้องมาพูดกันในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม
ไม่ทันไรเปิดศึกแย่งเก้าอี้ ‘เพ็ญ’
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีแทนนาย จักรภพ เพ็ญแข ที่ลาออกไป ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าภาคกทม.จะขอโควตานี้มาว่า ไม่เป็นความจริง โควตานี้ยังเป็นของนปก.อยู่ ไม่มีใคร หรือไม่มีภาคใดที่จะไปแย่งมาเป็นโควตาของตัวเองได้
แหล่งข่าวจากอดีตแกนนำ นปก.เปิดเผยว่า คนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีแทนนาย จักรภพ เพ็ญแข คือนาย สงคราม เลิศกิจไพโรจน์ เนื่องจากเป็นนายทุนคนสำคัญที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของนปก.มาตั้งแต่เริ่มต้นเคลื่อนไหว และยังเป็นเจ้าของห้างอิมพีเรียล ที่กลุ่มนปก.ใช้เป็นที่ทำการ และใช้เป็นสถานีออกอากาศของสถานีพีทีวี ด้วย อย่างไรก็ตามแกนนำปนก.ส่วนใหญ่ยังเป็นห่วงหากให้นายสงคราม มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทน เนื่องจาก ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ เคยยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายสงคราม ว่าไม่จบการศึกษาปริญญาตรี ดังนั้นหากแต่งตั้งไปอาจทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังได้
ขณะที่แหล่งข่าวในพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ขณะที่นาย เนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เตรียมดันนาย พงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้มาดำรงตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ แทนนายจักรภพ
ผบ.สส.รอดูสำนึกระยะยาว
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึง กรณีที่นาย จักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งทำให้กองทัพหายอึดอัดใจหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ทุกคนเหมือนตน คือ อยากให้มองภาพเมืองไทยดีมากๆ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีมาก แต่ภาพนั้นมันไม่ได้อย่างที่ใครหลายคนและตนฝัน แต่ถ้าค่อยๆก้าวไปสู่ตรงนั้น เราก็จะค่อยพอใจเหมือนกรุงโรมที่ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ทั้งนี้ การที่นายจักรภพลาออกเป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่คิดว่าตัดสินใจได้เหมาะสม ก็ดีใจ
เมื่อถามว่า นายจักรภพ ลาออก แต่ไม่แสดงความรับผิด พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า “ความรู้สึกหรือสำนึกระยะยาวเป็นเรื่องที่เปลี่ยนกันได้ แต่อย่างน้อยการตัดสินใจช่วงสั้นๆ ได้ก้าวออกไปในทางที่คนทั้งหลายมองว่าเหมาะสม ส่วนระยะยาวค่อยว่ากันอีกที เพราะเวลาเปลี่ยนและอะไรต่างๆเปลี่ยนได้ทั้งนั้น ความเหมาะสมบางยุคก็ไม่เหมือนกัน แต่ก้าวที่สันๆต้องก้าวให้ถูกเสมอ และระยะยาวจะไปในทางที่ถูก แต่ถ้ามองระยะยาวว่ามีจุดมุ่งหมายอย่างไร และมองระยะสั้นคิดว่าไปตรงนี้อันตรายก็เลี่ยงซะหน่อย และถ้าพูดถึงการตัดสินใจของนายจักรภพเห็นว่าเหมาะสม และไม่ใช้เวลานานมากนัก”
เมื่อถามว่า การที่นายจักรภพลาออกจะทำให้กลับไปเล่นการเมืองข้างถนนแล้วทำการเมืองรุนแรงหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนมองโลกแง่ดี แต่ไม่อยากพูดอะไรลึกๆ อยู่ที่สำนึกแต่ละคน ไม่ได้หมายถึงคนๆเดียว หากมองแง่ดีทุกคนพยายามทำหน้าที่ให้ดี หากไปเล่นอะไรข้างถนนไม่ว่าใครก็ตามเป็นเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่และเสียหาย เล่นอะไรต้องให้ดีและสร้างสรรค์
วานนี้ (30 พ.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นาย จักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชน โดยมีสมาชิกจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) กว่า 20 คน มาให้กำลังใจ
นายจักรภพ กล่าวว่า ได้เคยแถลงมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่ออธิบายถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการหมิ่นเบื้องสูง โดยได้อธิบายไปว่า มีความบริสุทธิ์ใจ และมีเจตนาที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างไรในการบรรยาย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ยังคิดอย่างนั้นอยู่ และจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิดนี้เลย ตนไม่มีเจตนาใดๆ ในการหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งจะได้พิสูจน์ทราบในกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป เพราะ คำบรรยาย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.50 นั้น เป็นคำบรรยายทางวิชาการต่อที่ประชุมซึ่งเปิดกว้างต่อคนทั้งหลาย ไม่มีการหลบเร้น และเป็นคำบรรยายที่เกิดขึ้นมานานถึง 10 เดือน ก่อนที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรี
"ผมจะต่อสู้ในคดีนี้ต่อไป อย่างไม่หยุดยั้ง โดยไม่ได้หวังเพียงความยุติธรรม และความเป็นธรรม สำหรับตนเองเท่านั้น แต่หวังไปถึงว่า ผมจะมีส่วนไม่มากก็น้อยในการวางบรรทัดฐานบางอย่าง เพื่อให้สังคมนี้ฉ้อฉลน้อยลง ทำลายกันด้วยวิชามารได้ยากขึ้น และหวังว่า จะทำให้เกิดแสงสว่างทางปัญญามากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นลำพังด้วยผมคนเดียว ผมไม่ถอยแน่ เพราะไม่อาจปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรฯ ทำตัวเป็นพระเจ้า ที่ชี้นำประเทศนี้ได้" นายจักรภพ กล่าว
อ้างเสียสละตัวเองเพื่อรักษาขุน
นายจักรภพ กล่าวว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ ทุกอย่าง กลับไปตกหนักอยู่ที่นายกรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นธรรม ในที่สุดก็เกิดกระแสข่าวที่ไม่เป็นมงคลขึ้นมากมาย ทั้งความมุ่งหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาล ทั้งในรัฐสภา และนอกรัฐสภา เสียงร่ำลือในการยึดอำนาจ รัฐประหาร และการไล่รุกเข้ามาเรื่อยๆ ของผู้เล่นต่างๆ ตามแผนที่วางกันไว้แล้วของคนภายนอกในขบวนการวิชามารทั้งหมดนี้ จึงอยากจะเรียนว่า ตนเป็นเพียงเหยื่อรายเดียวในทั้งหมดเท่านั้น แต่ก็มีความมีร้อนแรงมาก เพราะเรื่องที่เขาจับนั้น ไปโยงกับสถาบันระดับสูงจึงสรุปในใจว่า มีความจำเป็นต้องรักษาขุนไว้ให้รอด เพื่อประชาธิปไตย จะได้ชัยชนะในบั้นปลาย
นายจักรภพ กล่าวว่า จะสังเกตว่าในช่วง 3 วันนี้ มีข่าว ออกมาทั้งบนดินและใต้ดินว่า ตนเสี้ยมผู้ใหญ่ในฟากรัฐบาลให้ชนกัน เพื่อตัวจะได้อยู่รอด ข่าวว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ก็เลยไม่ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ข่าวเหล่านี้เป็นความสามารที่คนกุข่าวจะต้องชดใช้บาปกรรมของตัวเองในไม่ช้านี้ แต่ก็เป็นตัวอย่างว่า
"คนในฟากรัฐบาลเราเอง บางครั้งก็เผลอสายตาสั้น ไปร่วมแห่กับฝ่ายตรงกันข้ามเขาด้วย ฉะนั้นสิ่งที่มีความสำคัญ และเป็นบทเรียนสำหรับคราวนี้ก็คือ พุทธสุภาษิตที่ว่า "วินาศกาเล วิปริตพุทธิ" ถึงคราววินาศ ปัญญายุควิปลาสไปนั้น ต้องไม่พยายามให้เกิดขึ้น เมื่อเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักเหตุผล แต่เป็นเกมอำนาจล้วนๆ และท่านนายกรัฐมนตรี ก็เป็นผู้ที่ได้รับผลดังกล่าวนั้น ผมจึงต้องตัดสินใจถอดตนเองออกจากเกมอำนาจนี้ เพื่อรักษาเรือลำใหญ่ไว้ให้รอด ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ และจะยื่นใบลาออกในวันนี้ เพื่อให้มีผลในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้สะสางงาน และเตรียมส่งไม้ให้กับผู้รับผิดชอบต่อจากผมด้วยความราบรื่น"นายจักรภพ กล่าว
ขอบคุณ "หมัก" ที่ช่วยอุ้มชู
นายจักรภพ กล่าวว่า การลาออกในครั้งนี้น่าจะส่งผลให้คนหยุดพูดเรื่องการรัฐประหารกันเสียที และน่าจะมีผลยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆ ที่อ้างเหตุผลทางการเมืองมาเคลื่อนไหว หากเกมนี้ยังดำเนินต่อไป โดยมุ่งตีเมืองขึ้นไปเรื่อยๆ ตนก็หวังว่า รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างชัดเจนในการพิทักษ์บ้านเมืองให้พ้นจากมือของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีเหล่านี้
"ผมขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี และจะยึดหลายอย่างในตัวท่านเป็นแบบอย่างในทางการเมืองต่อไป ฉะนั้นเหตุใดก็ตามที่จะนำไปสู่ผลกระทบต่อตัวท่านโดยตรง ผมจะยอมไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ผมได้เคยแถลงไปว่า จะสู้ต่อไป แต่มาวันนี้ เป็นการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เหตุผลง่าย สั้นนิดเดียว เราต้องรักษานายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไว้ให้รอดในระยะนี้ "
ปัดไม่ใช่ "แม้ว" สั่ง
เมื่อถามว่า การลาออกนั้นเกี่ยวข้องกับข้อแนะนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับใครเป็นการเฉพาะอยู่แล้วในเรื่องแบบนี้ ยกเว้นตัวเองเท่านั้นเองที่ต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรทางการเมือง
“เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเล็กๆของรัฐมนตรีหนึ่งคนและเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่มีความสำคัญอะไรแต่เหตุการณ์นี้จะบอกอะไรเยอะเกี่ยวกับว่าใครเป็นอย่างไร”นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามว่า อะไรจะเป็นสิ่งที่นำไปให้ตำรวจเพื่อให้เชื่อได้ว่าไม่ได้หมิ่นฯสถาบันฯ นายจักรภพ กล่าวว่า ตำรวจขออะไรมาก็จะขอนำเสนอให้ทุกอย่าง ในขึ้นนี้เพียงแค่ว่าเราก็คงจะต้องนำเสนอเรื่องของประวัติผลงานที่ผ่านมา ว่าได้ถวายงานให้กับพระบรมราชวงศ์อย่างไร บางเรื่องที่บอกไม่ได้ก็คงจะไม่ส่ง บางเรื่องที่บอกได้ก็คงจะส่ง แต่ทั้งหมดนี้ก็ขอให้ได้ทราบว่าเป็นเรื่องของการสร้างภาพขึ้นมาให้เป็นเช่นนั้น เมื่อไรที่หลักฐานชี้มาว่าของจริงกับภาพไม่ได้เป็นเช่นนั้นเรื่องนี้มันก็จบ ตนไม่วิตกกังวลใดๆ
เมื่อถามว่า ภาพการพบกันระหว่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีกับพ.ต.ท.ทักษิณ มีผลกับการตัดสินใจลาออกหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากข่าวเช้าวันนี้เอง และไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปพบกัน ฉะนั้นจึงไม่มีผลเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำในภายหลังการแถลงว่าเมื่อถามว่า ตัดสินใจลาออกตอนกี่โมง นายจักรภพกล่าวว่า ตนไม่ลงละเอียดขนาดนั้น เอาแค่ว่าอาบน้ำแล้วตัดสินใจ เมื่อถามว่าตัดสินใจหลังจากเห็นภาพที่พ.ต.ท.ทักษิณยกมือไหว้พล.อ.เปรมใช่หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวย้ำว่า ตนเห็นภาพเมื่อเช้านี้ แต่ตัดสินใจตั้งแต่วันที่29พ.ค.แล้ว และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็นอนหลับสบายดีตามวิสัย
มือปราบ ‘เพ็ญ’ แจ้งความเพิ่ม
วันเดียวกันที่กองปราบปราม พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวน สน.บางมด ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับ นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคเอเชีย ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กรณีนำเสนอภาพข่าวผ่านเว็บไซต์ www.bbcnews.com ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พร้อมกันนี้ ยังเข้าให้การเพิ่มเติมในคดีของ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกด้วย พร้อมกับนำเอกสารการถอดคำพูดจากภาษาอังกฤษในการแถลงข่าวของ นายจักรภพ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 จำนวน 42 แผ่น เอกสารภาพถ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ นายโจนาธาน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับในกรณีของนายโจนาธาน นอกจากมีการเสนอภาพข่าวในเว็บไซต์ www.bbcnews.com ซึ่งไม่เหมาะสมแล้ว ยังได้เคยไปเป็นพิธีกรในการจัดงานสัมมนาของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 ที่มี นายจักรภพ เป็นผู้บรรยาย แสดงให้เห็นว่า นายโจนาธาน นายจักรภพ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสนิทสนมกันและมีเจตนาที่จ้องทำลายสถาบัน นายโจนาธาน เฮด มีชื่อปรากฎอยู่ว่าเป็นผู้จัดทำเว็บไซด์ดังกล่าวจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนพบหลักฐานเพิ่มเติมกรณีที่ นายจักรภพ ได้แปลคำบรรยายงานสัมมนาผู้สื่อข่าวต่างประเทศของตนเอง ระหว่างการตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มีเนื้อหาการแปลคำบรรยายไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริง เพราะแม้แต่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาก็เข้าใจความหมายว่าหมายถึงอะไร ส่วนที่บอกว่าตนแปลความหมายผิดนั้น จริงแล้วถ้ารู้ความเป็นมารากฐานของศัพท์ก็จะรู้ความหมายชัดเจนว่าตนไม่ได้แปลผิด เพราะตนได้ปรึกษากับนักวิชาการด้านภาษาศาสตร์มาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการบรรยายของ นายจักรภพ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จัดขึ้นนั้น มี ม.ล.ณัฏฐกร เทวกุล หรือ หม่อมปลื้ม นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังด้วย
"ตุ๊ดตู่" ยันไม่ทอดทิ้ง "เพ็ญ"
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำ นปก. กล่าวว่ากลุ่มนปก.ยืนยันที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายจักรภพ แต่ข้อเท็จจริงในทางรูปคดี นายจักรภพ ต้องต่อสู้คดีเอง ไม่มีใครสามารถปกป้องใครได้ แต่ในฐานะมิตรร่วมรบกันมา พวกเราไม่ใช่เป็นนักเลือกตั้งพอเกิดเหตุและจะต้องถอยหนีกันจะยืนหยัดเคียงข้างกันและวันที่นายจักรภพ เดินไปทางพบพนักงานสอบสวนพวกตนก็จะไปด้วย และจะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปประกันตัวไม่มีปัญหาอะไร
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ปิดปากเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการลาออกของนายจักรภพ
ชี้ "เพ็ญ" ยอมเป็นแพะแทน "แม้ว"
ด้าน นายสุริยะใส ตกะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เรื่องนายจักรภพ ลาออก เป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องใหญ่คือ มีการพูดถึงใครในสปีช คนที่ควรจะเดือดร้อนมากน่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ขณะนี้ดูเหมือนไม่เดือดร้อนเลย เป็นแพะหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ ถือเป็นสมมติฐานที่รัฐบาลต้องมีความชัดเจนให้กับสังคม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการปลดเรื่องนี้ไม่ให้เป็นชนวนขัดแย้ง เพราะฉะนั้นเมื่อนายจักรภพจะลาออกจริง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม จะได้ไม่มีปัญหาที่จะต้องมาพูดกันในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม
ไม่ทันไรเปิดศึกแย่งเก้าอี้ ‘เพ็ญ’
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีแทนนาย จักรภพ เพ็ญแข ที่ลาออกไป ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าภาคกทม.จะขอโควตานี้มาว่า ไม่เป็นความจริง โควตานี้ยังเป็นของนปก.อยู่ ไม่มีใคร หรือไม่มีภาคใดที่จะไปแย่งมาเป็นโควตาของตัวเองได้
แหล่งข่าวจากอดีตแกนนำ นปก.เปิดเผยว่า คนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีแทนนาย จักรภพ เพ็ญแข คือนาย สงคราม เลิศกิจไพโรจน์ เนื่องจากเป็นนายทุนคนสำคัญที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของนปก.มาตั้งแต่เริ่มต้นเคลื่อนไหว และยังเป็นเจ้าของห้างอิมพีเรียล ที่กลุ่มนปก.ใช้เป็นที่ทำการ และใช้เป็นสถานีออกอากาศของสถานีพีทีวี ด้วย อย่างไรก็ตามแกนนำปนก.ส่วนใหญ่ยังเป็นห่วงหากให้นายสงคราม มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทน เนื่องจาก ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ เคยยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายสงคราม ว่าไม่จบการศึกษาปริญญาตรี ดังนั้นหากแต่งตั้งไปอาจทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังได้
ขณะที่แหล่งข่าวในพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ขณะที่นาย เนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เตรียมดันนาย พงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้มาดำรงตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ แทนนายจักรภพ
ผบ.สส.รอดูสำนึกระยะยาว
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึง กรณีที่นาย จักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งทำให้กองทัพหายอึดอัดใจหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ทุกคนเหมือนตน คือ อยากให้มองภาพเมืองไทยดีมากๆ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีมาก แต่ภาพนั้นมันไม่ได้อย่างที่ใครหลายคนและตนฝัน แต่ถ้าค่อยๆก้าวไปสู่ตรงนั้น เราก็จะค่อยพอใจเหมือนกรุงโรมที่ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ทั้งนี้ การที่นายจักรภพลาออกเป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่คิดว่าตัดสินใจได้เหมาะสม ก็ดีใจ
เมื่อถามว่า นายจักรภพ ลาออก แต่ไม่แสดงความรับผิด พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า “ความรู้สึกหรือสำนึกระยะยาวเป็นเรื่องที่เปลี่ยนกันได้ แต่อย่างน้อยการตัดสินใจช่วงสั้นๆ ได้ก้าวออกไปในทางที่คนทั้งหลายมองว่าเหมาะสม ส่วนระยะยาวค่อยว่ากันอีกที เพราะเวลาเปลี่ยนและอะไรต่างๆเปลี่ยนได้ทั้งนั้น ความเหมาะสมบางยุคก็ไม่เหมือนกัน แต่ก้าวที่สันๆต้องก้าวให้ถูกเสมอ และระยะยาวจะไปในทางที่ถูก แต่ถ้ามองระยะยาวว่ามีจุดมุ่งหมายอย่างไร และมองระยะสั้นคิดว่าไปตรงนี้อันตรายก็เลี่ยงซะหน่อย และถ้าพูดถึงการตัดสินใจของนายจักรภพเห็นว่าเหมาะสม และไม่ใช้เวลานานมากนัก”
เมื่อถามว่า การที่นายจักรภพลาออกจะทำให้กลับไปเล่นการเมืองข้างถนนแล้วทำการเมืองรุนแรงหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนมองโลกแง่ดี แต่ไม่อยากพูดอะไรลึกๆ อยู่ที่สำนึกแต่ละคน ไม่ได้หมายถึงคนๆเดียว หากมองแง่ดีทุกคนพยายามทำหน้าที่ให้ดี หากไปเล่นอะไรข้างถนนไม่ว่าใครก็ตามเป็นเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่และเสียหาย เล่นอะไรต้องให้ดีและสร้างสรรค์