ผู้จัดการรายวัน - “จักรภพ” ชะตาขาดส่อนอนคุก ตำรวจชี้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผิดมาตรา 112 มีโทษจำคุก 3-15 ปี เตรียมออกหมายเรียกสอบสัปดาห์หน้า หากเมินเฉยออกหมายจับแน่ “ยี้ห้อย” ถีบส่ง ดันคนของตัวเองเข้าเสียบเก้าอีแทน หวังคุมกรมประชาสัมพันธ์ ขณะที่ นศ.ปริญญาโทแจ้งความซ้ำ พร้อมมอบหลักฐานการบรรยายทั้งที่เอฟซีซีทีและลอสแองเจลิส ต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ด้าน“อภิสิทธิ์” ยัน จุดยืน ปชป.ไม่ยุ่งเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง “จตุพร” เผยจักรภพแถลงวันนี้ออกไม่ออก
วานนี้ (29 พ.ค.) เวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)คณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ กรณีที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี กล่าวหานายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ข้อหาดูหมิ่นเบื้องสูง ได้มีการประชุมโดยมี พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นประธาน โดยมี รอง ผบช.ก.และพนักงานสอบสวนร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.อดิศร เปิดเผยหลังการประชุมว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีมีมติสรุปกรณีนายจักรภพ ที่พูดพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีพฤติการณ์เป็นความผิดตามมาตรา 112 คือผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ไป ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบพยานซึ่งมีไม่มาก เพื่อให้คดีรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เสนอทั้งพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารแปล และพยานบุคคล โดยได้สอบปากคำไปมากแล้ว และผลการสอบสวนก็เป็นที่น่าพอใจ รอเพียงเอกสารบางส่วน เพื่อให้สำนวนรัดกุมมากขึ้น
“ทาง บช.ก.และกองปราบปราม ยืนยันว่าจะทำคดีให้เป็นที่เที่ยงธรรม และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนคนไทยให้ความสนใจ” พล.ต.ท.อดิศร กล่าว
ตร.เรียกสอบาสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการออกหมายเรียกนายจักรภพ มาดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า จะต้องเรียกมาสอบภายในสัปดาห์หน้านี้ ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ทางตำรวจก็ต้องขอเวลาในการเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย ส่วนนายจักรภพ จะมามอบตัวหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของนายจักรภพ ทาง บชก.ก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลา และให้เกียรติเนื่องจาก ขณะนี้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ แต่ถ้าหากไม่มาก็จะเสนอศาลเพื่อให้ออกหมายเรียกต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารที่จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมนั้นเป็นเอกสารด้านใด พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า เป็นการขอความคิดเห็นด้านอักษรศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม เพราะในส่วนเอกสารแปลของกองการต่างประเทศเสร็จแล้ว แต่อาจจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษามีความเห็นเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ถือว่าเพียงพอ และแปลชัดเจนแล้ว
พล.ต.ท.อดิศร ยังกล่าวถึงการส่งความเห็นไปที่คณะกรรมการในระดับ ตร.เพื่อพิจารณสั่งคดี ว่าประมาณ 10 วัน น่าจะเสนอได้ จากนั้นก็จะเสนอให้ศาลเห็นชอบในการดำเนินการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ต่อไป
"ณัฐวุฒิ" ยังกร้าวชี้ "จักรภพ" สู้ได้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีผลสรุปเบื้องต้นว่า การบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯในฐานะอดีตแกนนำนปก.มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระบุว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีว่า ยังไม่ได้คุยกับนายจักรภพเลย ขอย้ำว่าพวกตนบอกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องปล่อยไปตามกระบวนการกฎหมาย หากเป็นเช่นนี้ก็รอดูว่านายจักรภพจะตัดสินใจแบบใด แต่ตามขั้นตอนของกฎหมายนั้นนายจักรภพก็สามารถต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ในชั้นตำรวจ-อัยการ-ศาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวเสริมว่า พอทราบข่าวจากพรรคพวกที่เป็นตำรวจตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วว่า ผลสรุปในเรื่องนี้จะออกมาเช่นนี้ แต่นายจักรภพในฐานะผู้ถูกกล่าวหาสามารถสู้คดีได้ในชั้นพนักงานสอบสวน หากพนักงานสอบสวนสอบปากคำแล้วเห็นว่าไม่มีมูลเรื่องก็ยุติ หากเห็นว่ามีมูลก็ส่งให้อัยการพิจารณา นายจักรภพก็ไปสู้ในขั้นตอนนั้นได้อีก หรือแม้แต่ในชั้นศาลนายจักรภพก็ไปสู้คดีได้เช่นกัน เมื่อถามว่า เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว นายจักรภพจะตัดสินใจเช่นใด นายจตุพรกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับนายจักรภพเลยและรอการตัดสินใจนั้นอยู่
”ยี้ห้อย” เดินเกมถีบส่ง "จักรภพ"
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในไม่กี่วันข้างหน้านี้นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อลดกระแสกดดัน เนื่องจากมีข้อที่น่าสังเกตุว่าหลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯรัฐมนตรีใหม่2คนคือนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรมว.พัฒนาสังคมฯ และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ เป็นรมช.สาธารณสุข เป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่มีหมายกำหนดการให้ 2 รมต.ถวายสัตย์ฯ ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าผิดสังเกต
ก่อนหน้านี้นายจักรภพ ได้เคยประกาศไว้ว่าจะขอสู้เฮือกสุดท้าย แต่เมื่อผลสอบของตำรวจออกมาเช่นนี้ ทำให้นายจักรภพ หลีกเลี่ยงคำพูดของตนเองไม่ได้ และตอนนี้ในพรรคพลังประชาชนก็วิจารณ์กันว่านายจักรภพ ควรลาออกเพื่อลดแรงกดดัน
ขณะเดียวกัน นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็พยายามประสานให้คนใกล้ชิดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไปกดดันนายจักรภพให้ลาออกเพื่อที่จะเลื่อนนายพงศกร อรรณพพร รมช.ศึกษาธิการ เข้ามาเป็นรมต.สำนักนายกฯแทน เพราะทราบว่านายจักรภพ ขัดแย้งกับนายเนวิน ด้วยผลประโยชน์บางประการในกรมประชาสัมพันธ์ โดยนายเนวิน พยายามล็อบบี้นายสมัคร และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้กดดันนายจักรภพ ลาออกจากตำแหน่งโดยอ้างเหตุผลเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล และหากปล่อยนายจักรภพไว้ ปัญหาจะบานปลายจึงควรตัดไฟแต่ต้นลม
รายงานข่าวจากภาค กทม.พรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แนะนำให้นายจักรภพลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล และยอมรับว่าโควตานายจักรภพนั้น เป็นโควตาของนปก. และกลุ่มนปก.นั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากนายเนวิน ในเมื่อ 2 กลุ่มนี้ขัดแย้งกัน โควตารมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นของนายพงศกร และหากนายเนวินจะรักษาโควตารมช.ศึกษาฯไว้ให้คนในกลุ่มอีก ก็คงมีปัญหาแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้นายชัย ชิดชอบ ก็ได้ตำแหน่งประธานสภาฯไปแล้ว ขณะเดียวกันหากนปก.จะทวงโควตานี้แล้วให้คนในกลุ่มเข้ามารับแทนก็ไม่น่าจะทำได้ ทั้งนี้ความขัดแย้งของแต่ละกลุ่มในพรรคเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีที่ไม่ได้รับการจัดสรรก็ยังมีอยู่ หากเป็นอย่างนี้ปัญหาในพรรคไม่จบแน่ และหากนายจักรภพ ออกจริงๆ ก็ประเมินว่านายจักรภพจะไปเป็นแกนนำนปก.สู้กับกลุ่มพันธมิตรฯ และก็ทราบว่าแกนนำกลุ่มนปก.เช่น นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้รวมตัวกันเพื่อหารือในเรื่องนี้แล้ว
นศ.รามแจ้งจับเพิ่มอีกคดี
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (29 พ.ค.) ที่ สน.พหลโยธิน น.ส.ช่อฟ้า มั่นทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/45 ซอยภักดี 1 ถนนเจริญผลตัดใหม่ แขวงและเขตพญาไท นักศึกษาปริญญาโท สาขาศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และหัวหน้าพรรคสัจจธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมน.ส.รัศมี เพ็ญสุข ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ,114 และ 116 และขัดกฏหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 2,8,70 และ 77 โดยนำหลักฐานเป็นคำปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษ เรื่อง ประชาธิปไตยและระบบอุปภัมภ์ในประเทศไทย ของนายจักรภพ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เมื่อวันที่ 29 ส.ค.50 จำนวน 28 แผ่น พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย จำนวน 13 เล่ม พร้อมดีวีดี การปาฐกถาเรื่องดังกล่าว และคำปาฐกถาเป็นภาษาไทย เรื่อง การเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง ของนายจักรภพ ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 50 จำนวน 29 แผ่น พร้อมวีซีดี การปาฐกถาเรื่องดังกล่าว และบทความถอดรหัสลับ ทรรศนะอันเป็นอันตรายของ นายจักรภพ เพ็ญแข ของนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล
ขณะที่ พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับแจ้งความร้องทุกข์ลงบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นก็จะสอบปากคำ น.ส.ช่อฟ้า ตามระเบียบ ก่อนจะประมวลเรื่องทั้งหมดให้ผู้บังคับบัญชา ส่งเรื่องตามไปรวมกับเรื่องเดิม ที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ได้แจ้งความไว้ที่กองปราบปราม
สำหรับกฎหมายอาญา มาตรา 112 คือผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี
มาตรา 114 คือผู้ใดสะสมหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อเป็นกบฏ หรือยุงยงราษฎรให้เป็นกบฎ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏ แล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี
มาตรา 116 คือผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อมิใช่แสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฏหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
"มาร์ค" อัด "หมัก" อย่าบริหารไปวันๆ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคชาติไทย มีความเห็นตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคไม่ต้องการเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หรือใคร ส่วนเรื่องที่ระบุว่านายจักรภพ ไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านายกฯ คงต้องพิจารณาว่า จะบริหารการเมืองรายวันไปเรื่อยๆ หรือเพราะยังมีผลประโยชน์ของใครที่มีความสำคัญอยู่ หรือจะมาขจัดเงื่อนไขทั้งหลาย และเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชน แต่ถ้าเลือกอย่างหลังพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมจะเดินเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศว่าแม้รัฐบาลจะถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะเปลี่ยนแนวทางมาไล่รัฐบาลแทน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องฟังเหตุผล เชื่อว่าใครไม่มีเหตุผลก็ไม่สามารถที่จะได้รับการสนับสนุน คนที่ไปชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯทุกคนก็อยากเห็นรัฐบาลไม่แก้รัฐธรรมนูญ และเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง ตนนึกไม่ออกว่าจะใช้ประเด็นนี้เป็นปัญหากันทำไม
ส่วนการที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เปรียบเทียบกรณีนายอภิสิทธิ์ ที่เคยเสนอทางออกวิกฤติ ด้วยการใช้มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นความคิดที่อันตรายกว่ากรณีที่นายจักรภพ หมิ่นสถาบันฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยอารมณ์ว่า "เขาไม่เข้าใจ และอยากขยายผลเท่านั้นเอง ผมได้ชี้แจงหลายครั้ง และนักกฎหมายก็เคยบอกว่า เรื่องที่ผมพูดนั้น ถูกต้อง ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง"
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทย ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ปลดนายจักรภพ เพ็ญแข จากตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ตนเพิ่งทราบจากข่าว และยังไม่ได้เห็นหนังสือที่นายณัฐวุฒิยื่น ยังไม่ได้พบนายณัฐวุฒิ ซึ่งหากพบก็จะต้องทำความเข้าใจกัน
อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ก็บอกว่าเป็นเอกสิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้าอยู่ในพรรคก็ต้องมีระเบียบวินัย เพราะฉะนั้นในพรรคต้องคุยกับนายณัฐวุฒิอีกครั้ง คงต้องตักเตือนว่า อย่างนี้มันไม่ถูกต้อง มาคุยกันในพรรคดีกว่า ไม่มีปัญหา บรรหารเอาอยู่ เมื่อถามว่า พรรคชาติไทย เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า ตนเคลียร์แล้ว ไม่มีปัญหา เวลานี้ปัญหาไม่มี
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายจักรภพ ก็คงรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าไม่เหมาะสมอย่างไร หากเป็นความจริงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะเรื่องของการหมิ่นเบื้องสูงนั้น เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนยอมไม่ได้
ทหารกระตุ้นสำนึก "เพ็ญ"
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการหารือเรื่องการพาดพิงสถาบันฯว่า เรื่องสถาบันฯ เราต้องเคารพบูชาซึ่งทุกคนเป็นห่วง มาตรฐานอย่างนี้บางคนคิดว่าเคารพ แต่มันคนละมาตรฐานกัน อาจจะคิดมองคนละแง่ แต่ตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนไทย ผู้นำต้องเป็นตัวอย่างในการเชิดชูสถาบันฯ การพูดในที่สาธารณะ ไม่ใช่เหมือนพูดในที่ลับๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพมีจุดยืนจะเอาผิดคนพาดพิงสถาบันฯ อย่างไร ผบ.สส. กล่าวว่า คนที่มารับใช้ประชาชน ต้องถือเป็นผู้รับใช้ และมาเพราะประชาชนอยากให้มา รับใช้ด้วยสปิริตที่จะมารับใช้ ประชาชน ไม่ว่าจะสวมหมวกใดก็แล้วแต่ ถ้าเราทำผิดพลาดหรือประชาชนไม่ต้องการเราแล้ว ทั้งนี้ ตนไม่อยากไปต่อว่า ว่าถูกหรือผิด เพราะเรื่องเหล่านี้อยู่ที่สำนึกเป็นสำคัญ
เมื่อถามว่าในฐานะที่กองทัพเป็นกลาง จะนำเอกสารมาแปลเพื่อยุติปัญหาหรือไม่ ผบ.สส. กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของคนอื่น กองทัพดูแลความสงบป้องกันประเทศเป็นหลัก ความจริงเรื่องความสงบเรียบร้อย กองทัพไม่น่าจะมาปวดหัว กองทัพควรจะดูแลป้องกันประเทศจากข้าศึกภายนอก ไม่ใช่มาเสียเวลากับความวุ่นวายยุ่งเหยิงที่สร้างกันขึ้นมาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพจะออกมาปราบคนพูดพาดพิงสถาบันการเมืองหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนพูดและเตือนเสมอ แต่จะไปขู่กรรโชกไม่ได้ ทั้งนี้เราต้องเป็นตัวอย่างด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้อ่านคำแปลของนายจักรภพ หรือไม่ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่า ได้อ่านแต่ภาษาไทย ภาษาอังกฤษยังไม่ได้อ่านเลย
"ตอนนี้ผมให้หาต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษอยู่ ผมจะไปอ่านเอง เพราะผมแปลได้ ผมเคยเขียนหนังสือภาษา อังกฤษ ก็อ่านได้แปลได้อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่หน้าที่ทหารที่จะไปชี้แจงใคร และ ผบ.สส. คงไม่ได้มีหน้าที่แปลเอกสารชี้แจง เพราะถึงแปลถูก เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ" ผบ.สส. กล่าว พร้อมกับหัวเราะ เมื่อถูกถามว่าจะต้องให้ทหารหน่วยข่าวมาแปลเอกสารให้อ่านหรือไม่
อัด "สมัคร" นิ่งเฉยไม่แก้ปัญหา
นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตเลขาธิการสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กล่าวว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจ ถึงการออกมาพูดของนายจักรภพ รวมถึงการเอ่ยถึงองคมนตรี เพราะองคมนตรีก็เป็นสถาบันหนึ่งในพระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระมหากษัตริย์เป็นผู้แต่งตั้งองคมนตรีขึ้นมา เมื่อเอ่ยพาดพิงองคมนตรีนั้นก็หมายความว่าหมิ่นสถาบันเช่นกัน
เรื่องของนายจักรภพ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะจริงเท็จอย่างไร คนไทยก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง ทั้งนี้ตนได้ยินข่าวการจัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ของนายวีระ มุสิกพงศ์ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ณในอดีตที่นายวีระ ต้องประสบเคราะห์กรรมถึงขั้นถูกพิพากษาให้จำคุกอันเนื่องมาจากถ้อยคำที่นำไปพูดหาเสียงในเชิงตลกขบขัน และเปรียบเปรยถึงความมุ่งมั่นของตนเองในการสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้อยคำที่ใช้เป็นถ้อยคำที่ได้รับการพิพากษาว่าเป็นการให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ และที่สังคมไทยคงจะแปลกใจก็คือ นายจักรภพ มีสถานะเป็นเสนาบดี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเคยจงใจจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผย ในขณะเดียวกันก็ยังไม่สามารถชี้แจงให้เกิดความกระจ่างแก่คนไทยในทันทีทันใด หรือในโอกาสแรกที่ถูกกล่าวหา แต่ต้องย้อนกลับไปตรวจสอบหายุทธวิธีในการชี้แจง รวมทั้งหาวิธีกลบข่าว
"ใครๆ ก็รู้ว่าคนไทยมีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงใดข้อกล่าวหากรณีไม่จงรักภักดี ย่อมเป็นข้อหาที่ฉกรรจ์ที่สุด ที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือหัวหน้ารัฐบาลของนายจักรภพ ก็คือนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่เคยออกมาตอบโต้และชี้แจงถึงความจงรักภักดีของท่านที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ในกรณีนี้กลับดูแปลกไปอย่างไม่น่าเชื่อที่ปล่อยให้ความสงสัยยังดำรงอยู่ต่อไปทั้งๆที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย สมควรที่จะต้องรีบตัดสินใจโดยพลัน"นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในวันนี้นายจักรภพ เพ็ญแข จะแถลงการตัดสินใจทางการเมือง ก่อนเที่ยง ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งช่วงหลายวันที่ผ่านมานายจักรภพได้วิเคราะห์หลายแนวทาง หากนายจักรภพตัดสินใจลาออกเราก็จะยืนยันตามนั้น ซึ่งเรื่องคดีความก็ให้เป็นเรื่องของการพิจารณาความอาญาของพนักงานสอบสวน
ขณะเดียวกันในวันนี้จะมีการประชุมพรรคพลังประชาชน ตนจะเสนอให้พรรคใช้ทฤษฎี ถอยให้สุดซอย โดยจะเสนอให้ถอนร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมา ซึ่งจะเป็นการปลดล็อคทางการเมืองทั้ง 2 ด้าน และดูว่า กลุ่มพันธมิตรฯจะทำอย่างไรต่อไป ชุมนุมต่อหรือไม่
วานนี้ (29 พ.ค.) เวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)คณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ กรณีที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี กล่าวหานายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ข้อหาดูหมิ่นเบื้องสูง ได้มีการประชุมโดยมี พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นประธาน โดยมี รอง ผบช.ก.และพนักงานสอบสวนร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.อดิศร เปิดเผยหลังการประชุมว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีมีมติสรุปกรณีนายจักรภพ ที่พูดพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีพฤติการณ์เป็นความผิดตามมาตรา 112 คือผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ไป ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบพยานซึ่งมีไม่มาก เพื่อให้คดีรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เสนอทั้งพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารแปล และพยานบุคคล โดยได้สอบปากคำไปมากแล้ว และผลการสอบสวนก็เป็นที่น่าพอใจ รอเพียงเอกสารบางส่วน เพื่อให้สำนวนรัดกุมมากขึ้น
“ทาง บช.ก.และกองปราบปราม ยืนยันว่าจะทำคดีให้เป็นที่เที่ยงธรรม และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนคนไทยให้ความสนใจ” พล.ต.ท.อดิศร กล่าว
ตร.เรียกสอบาสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการออกหมายเรียกนายจักรภพ มาดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า จะต้องเรียกมาสอบภายในสัปดาห์หน้านี้ ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ทางตำรวจก็ต้องขอเวลาในการเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย ส่วนนายจักรภพ จะมามอบตัวหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของนายจักรภพ ทาง บชก.ก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลา และให้เกียรติเนื่องจาก ขณะนี้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ แต่ถ้าหากไม่มาก็จะเสนอศาลเพื่อให้ออกหมายเรียกต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารที่จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมนั้นเป็นเอกสารด้านใด พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า เป็นการขอความคิดเห็นด้านอักษรศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม เพราะในส่วนเอกสารแปลของกองการต่างประเทศเสร็จแล้ว แต่อาจจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษามีความเห็นเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ถือว่าเพียงพอ และแปลชัดเจนแล้ว
พล.ต.ท.อดิศร ยังกล่าวถึงการส่งความเห็นไปที่คณะกรรมการในระดับ ตร.เพื่อพิจารณสั่งคดี ว่าประมาณ 10 วัน น่าจะเสนอได้ จากนั้นก็จะเสนอให้ศาลเห็นชอบในการดำเนินการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ต่อไป
"ณัฐวุฒิ" ยังกร้าวชี้ "จักรภพ" สู้ได้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีผลสรุปเบื้องต้นว่า การบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯในฐานะอดีตแกนนำนปก.มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระบุว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีว่า ยังไม่ได้คุยกับนายจักรภพเลย ขอย้ำว่าพวกตนบอกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องปล่อยไปตามกระบวนการกฎหมาย หากเป็นเช่นนี้ก็รอดูว่านายจักรภพจะตัดสินใจแบบใด แต่ตามขั้นตอนของกฎหมายนั้นนายจักรภพก็สามารถต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ในชั้นตำรวจ-อัยการ-ศาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวเสริมว่า พอทราบข่าวจากพรรคพวกที่เป็นตำรวจตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วว่า ผลสรุปในเรื่องนี้จะออกมาเช่นนี้ แต่นายจักรภพในฐานะผู้ถูกกล่าวหาสามารถสู้คดีได้ในชั้นพนักงานสอบสวน หากพนักงานสอบสวนสอบปากคำแล้วเห็นว่าไม่มีมูลเรื่องก็ยุติ หากเห็นว่ามีมูลก็ส่งให้อัยการพิจารณา นายจักรภพก็ไปสู้ในขั้นตอนนั้นได้อีก หรือแม้แต่ในชั้นศาลนายจักรภพก็ไปสู้คดีได้เช่นกัน เมื่อถามว่า เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว นายจักรภพจะตัดสินใจเช่นใด นายจตุพรกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับนายจักรภพเลยและรอการตัดสินใจนั้นอยู่
”ยี้ห้อย” เดินเกมถีบส่ง "จักรภพ"
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในไม่กี่วันข้างหน้านี้นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อลดกระแสกดดัน เนื่องจากมีข้อที่น่าสังเกตุว่าหลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯรัฐมนตรีใหม่2คนคือนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรมว.พัฒนาสังคมฯ และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ เป็นรมช.สาธารณสุข เป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่มีหมายกำหนดการให้ 2 รมต.ถวายสัตย์ฯ ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าผิดสังเกต
ก่อนหน้านี้นายจักรภพ ได้เคยประกาศไว้ว่าจะขอสู้เฮือกสุดท้าย แต่เมื่อผลสอบของตำรวจออกมาเช่นนี้ ทำให้นายจักรภพ หลีกเลี่ยงคำพูดของตนเองไม่ได้ และตอนนี้ในพรรคพลังประชาชนก็วิจารณ์กันว่านายจักรภพ ควรลาออกเพื่อลดแรงกดดัน
ขณะเดียวกัน นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็พยายามประสานให้คนใกล้ชิดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไปกดดันนายจักรภพให้ลาออกเพื่อที่จะเลื่อนนายพงศกร อรรณพพร รมช.ศึกษาธิการ เข้ามาเป็นรมต.สำนักนายกฯแทน เพราะทราบว่านายจักรภพ ขัดแย้งกับนายเนวิน ด้วยผลประโยชน์บางประการในกรมประชาสัมพันธ์ โดยนายเนวิน พยายามล็อบบี้นายสมัคร และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้กดดันนายจักรภพ ลาออกจากตำแหน่งโดยอ้างเหตุผลเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล และหากปล่อยนายจักรภพไว้ ปัญหาจะบานปลายจึงควรตัดไฟแต่ต้นลม
รายงานข่าวจากภาค กทม.พรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แนะนำให้นายจักรภพลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล และยอมรับว่าโควตานายจักรภพนั้น เป็นโควตาของนปก. และกลุ่มนปก.นั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากนายเนวิน ในเมื่อ 2 กลุ่มนี้ขัดแย้งกัน โควตารมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นของนายพงศกร และหากนายเนวินจะรักษาโควตารมช.ศึกษาฯไว้ให้คนในกลุ่มอีก ก็คงมีปัญหาแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้นายชัย ชิดชอบ ก็ได้ตำแหน่งประธานสภาฯไปแล้ว ขณะเดียวกันหากนปก.จะทวงโควตานี้แล้วให้คนในกลุ่มเข้ามารับแทนก็ไม่น่าจะทำได้ ทั้งนี้ความขัดแย้งของแต่ละกลุ่มในพรรคเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีที่ไม่ได้รับการจัดสรรก็ยังมีอยู่ หากเป็นอย่างนี้ปัญหาในพรรคไม่จบแน่ และหากนายจักรภพ ออกจริงๆ ก็ประเมินว่านายจักรภพจะไปเป็นแกนนำนปก.สู้กับกลุ่มพันธมิตรฯ และก็ทราบว่าแกนนำกลุ่มนปก.เช่น นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้รวมตัวกันเพื่อหารือในเรื่องนี้แล้ว
นศ.รามแจ้งจับเพิ่มอีกคดี
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (29 พ.ค.) ที่ สน.พหลโยธิน น.ส.ช่อฟ้า มั่นทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/45 ซอยภักดี 1 ถนนเจริญผลตัดใหม่ แขวงและเขตพญาไท นักศึกษาปริญญาโท สาขาศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และหัวหน้าพรรคสัจจธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมน.ส.รัศมี เพ็ญสุข ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ,114 และ 116 และขัดกฏหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 2,8,70 และ 77 โดยนำหลักฐานเป็นคำปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษ เรื่อง ประชาธิปไตยและระบบอุปภัมภ์ในประเทศไทย ของนายจักรภพ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เมื่อวันที่ 29 ส.ค.50 จำนวน 28 แผ่น พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย จำนวน 13 เล่ม พร้อมดีวีดี การปาฐกถาเรื่องดังกล่าว และคำปาฐกถาเป็นภาษาไทย เรื่อง การเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง ของนายจักรภพ ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 50 จำนวน 29 แผ่น พร้อมวีซีดี การปาฐกถาเรื่องดังกล่าว และบทความถอดรหัสลับ ทรรศนะอันเป็นอันตรายของ นายจักรภพ เพ็ญแข ของนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล
ขณะที่ พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับแจ้งความร้องทุกข์ลงบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นก็จะสอบปากคำ น.ส.ช่อฟ้า ตามระเบียบ ก่อนจะประมวลเรื่องทั้งหมดให้ผู้บังคับบัญชา ส่งเรื่องตามไปรวมกับเรื่องเดิม ที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ได้แจ้งความไว้ที่กองปราบปราม
สำหรับกฎหมายอาญา มาตรา 112 คือผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี
มาตรา 114 คือผู้ใดสะสมหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อเป็นกบฏ หรือยุงยงราษฎรให้เป็นกบฎ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏ แล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี
มาตรา 116 คือผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อมิใช่แสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฏหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
"มาร์ค" อัด "หมัก" อย่าบริหารไปวันๆ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคชาติไทย มีความเห็นตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคไม่ต้องการเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หรือใคร ส่วนเรื่องที่ระบุว่านายจักรภพ ไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านายกฯ คงต้องพิจารณาว่า จะบริหารการเมืองรายวันไปเรื่อยๆ หรือเพราะยังมีผลประโยชน์ของใครที่มีความสำคัญอยู่ หรือจะมาขจัดเงื่อนไขทั้งหลาย และเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชน แต่ถ้าเลือกอย่างหลังพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมจะเดินเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศว่าแม้รัฐบาลจะถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะเปลี่ยนแนวทางมาไล่รัฐบาลแทน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องฟังเหตุผล เชื่อว่าใครไม่มีเหตุผลก็ไม่สามารถที่จะได้รับการสนับสนุน คนที่ไปชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯทุกคนก็อยากเห็นรัฐบาลไม่แก้รัฐธรรมนูญ และเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง ตนนึกไม่ออกว่าจะใช้ประเด็นนี้เป็นปัญหากันทำไม
ส่วนการที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เปรียบเทียบกรณีนายอภิสิทธิ์ ที่เคยเสนอทางออกวิกฤติ ด้วยการใช้มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นความคิดที่อันตรายกว่ากรณีที่นายจักรภพ หมิ่นสถาบันฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยอารมณ์ว่า "เขาไม่เข้าใจ และอยากขยายผลเท่านั้นเอง ผมได้ชี้แจงหลายครั้ง และนักกฎหมายก็เคยบอกว่า เรื่องที่ผมพูดนั้น ถูกต้อง ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง"
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทย ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ปลดนายจักรภพ เพ็ญแข จากตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ตนเพิ่งทราบจากข่าว และยังไม่ได้เห็นหนังสือที่นายณัฐวุฒิยื่น ยังไม่ได้พบนายณัฐวุฒิ ซึ่งหากพบก็จะต้องทำความเข้าใจกัน
อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ก็บอกว่าเป็นเอกสิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้าอยู่ในพรรคก็ต้องมีระเบียบวินัย เพราะฉะนั้นในพรรคต้องคุยกับนายณัฐวุฒิอีกครั้ง คงต้องตักเตือนว่า อย่างนี้มันไม่ถูกต้อง มาคุยกันในพรรคดีกว่า ไม่มีปัญหา บรรหารเอาอยู่ เมื่อถามว่า พรรคชาติไทย เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายบรรหาร กล่าวว่า ตนเคลียร์แล้ว ไม่มีปัญหา เวลานี้ปัญหาไม่มี
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายจักรภพ ก็คงรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าไม่เหมาะสมอย่างไร หากเป็นความจริงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะเรื่องของการหมิ่นเบื้องสูงนั้น เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนยอมไม่ได้
ทหารกระตุ้นสำนึก "เพ็ญ"
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการหารือเรื่องการพาดพิงสถาบันฯว่า เรื่องสถาบันฯ เราต้องเคารพบูชาซึ่งทุกคนเป็นห่วง มาตรฐานอย่างนี้บางคนคิดว่าเคารพ แต่มันคนละมาตรฐานกัน อาจจะคิดมองคนละแง่ แต่ตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนไทย ผู้นำต้องเป็นตัวอย่างในการเชิดชูสถาบันฯ การพูดในที่สาธารณะ ไม่ใช่เหมือนพูดในที่ลับๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพมีจุดยืนจะเอาผิดคนพาดพิงสถาบันฯ อย่างไร ผบ.สส. กล่าวว่า คนที่มารับใช้ประชาชน ต้องถือเป็นผู้รับใช้ และมาเพราะประชาชนอยากให้มา รับใช้ด้วยสปิริตที่จะมารับใช้ ประชาชน ไม่ว่าจะสวมหมวกใดก็แล้วแต่ ถ้าเราทำผิดพลาดหรือประชาชนไม่ต้องการเราแล้ว ทั้งนี้ ตนไม่อยากไปต่อว่า ว่าถูกหรือผิด เพราะเรื่องเหล่านี้อยู่ที่สำนึกเป็นสำคัญ
เมื่อถามว่าในฐานะที่กองทัพเป็นกลาง จะนำเอกสารมาแปลเพื่อยุติปัญหาหรือไม่ ผบ.สส. กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของคนอื่น กองทัพดูแลความสงบป้องกันประเทศเป็นหลัก ความจริงเรื่องความสงบเรียบร้อย กองทัพไม่น่าจะมาปวดหัว กองทัพควรจะดูแลป้องกันประเทศจากข้าศึกภายนอก ไม่ใช่มาเสียเวลากับความวุ่นวายยุ่งเหยิงที่สร้างกันขึ้นมาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพจะออกมาปราบคนพูดพาดพิงสถาบันการเมืองหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนพูดและเตือนเสมอ แต่จะไปขู่กรรโชกไม่ได้ ทั้งนี้เราต้องเป็นตัวอย่างด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้อ่านคำแปลของนายจักรภพ หรือไม่ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่า ได้อ่านแต่ภาษาไทย ภาษาอังกฤษยังไม่ได้อ่านเลย
"ตอนนี้ผมให้หาต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษอยู่ ผมจะไปอ่านเอง เพราะผมแปลได้ ผมเคยเขียนหนังสือภาษา อังกฤษ ก็อ่านได้แปลได้อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่หน้าที่ทหารที่จะไปชี้แจงใคร และ ผบ.สส. คงไม่ได้มีหน้าที่แปลเอกสารชี้แจง เพราะถึงแปลถูก เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ" ผบ.สส. กล่าว พร้อมกับหัวเราะ เมื่อถูกถามว่าจะต้องให้ทหารหน่วยข่าวมาแปลเอกสารให้อ่านหรือไม่
อัด "สมัคร" นิ่งเฉยไม่แก้ปัญหา
นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตเลขาธิการสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กล่าวว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจ ถึงการออกมาพูดของนายจักรภพ รวมถึงการเอ่ยถึงองคมนตรี เพราะองคมนตรีก็เป็นสถาบันหนึ่งในพระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระมหากษัตริย์เป็นผู้แต่งตั้งองคมนตรีขึ้นมา เมื่อเอ่ยพาดพิงองคมนตรีนั้นก็หมายความว่าหมิ่นสถาบันเช่นกัน
เรื่องของนายจักรภพ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะจริงเท็จอย่างไร คนไทยก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง ทั้งนี้ตนได้ยินข่าวการจัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ของนายวีระ มุสิกพงศ์ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ณในอดีตที่นายวีระ ต้องประสบเคราะห์กรรมถึงขั้นถูกพิพากษาให้จำคุกอันเนื่องมาจากถ้อยคำที่นำไปพูดหาเสียงในเชิงตลกขบขัน และเปรียบเปรยถึงความมุ่งมั่นของตนเองในการสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้อยคำที่ใช้เป็นถ้อยคำที่ได้รับการพิพากษาว่าเป็นการให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ และที่สังคมไทยคงจะแปลกใจก็คือ นายจักรภพ มีสถานะเป็นเสนาบดี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเคยจงใจจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผย ในขณะเดียวกันก็ยังไม่สามารถชี้แจงให้เกิดความกระจ่างแก่คนไทยในทันทีทันใด หรือในโอกาสแรกที่ถูกกล่าวหา แต่ต้องย้อนกลับไปตรวจสอบหายุทธวิธีในการชี้แจง รวมทั้งหาวิธีกลบข่าว
"ใครๆ ก็รู้ว่าคนไทยมีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงใดข้อกล่าวหากรณีไม่จงรักภักดี ย่อมเป็นข้อหาที่ฉกรรจ์ที่สุด ที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือหัวหน้ารัฐบาลของนายจักรภพ ก็คือนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่เคยออกมาตอบโต้และชี้แจงถึงความจงรักภักดีของท่านที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ในกรณีนี้กลับดูแปลกไปอย่างไม่น่าเชื่อที่ปล่อยให้ความสงสัยยังดำรงอยู่ต่อไปทั้งๆที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย สมควรที่จะต้องรีบตัดสินใจโดยพลัน"นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในวันนี้นายจักรภพ เพ็ญแข จะแถลงการตัดสินใจทางการเมือง ก่อนเที่ยง ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งช่วงหลายวันที่ผ่านมานายจักรภพได้วิเคราะห์หลายแนวทาง หากนายจักรภพตัดสินใจลาออกเราก็จะยืนยันตามนั้น ซึ่งเรื่องคดีความก็ให้เป็นเรื่องของการพิจารณาความอาญาของพนักงานสอบสวน
ขณะเดียวกันในวันนี้จะมีการประชุมพรรคพลังประชาชน ตนจะเสนอให้พรรคใช้ทฤษฎี ถอยให้สุดซอย โดยจะเสนอให้ถอนร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมา ซึ่งจะเป็นการปลดล็อคทางการเมืองทั้ง 2 ด้าน และดูว่า กลุ่มพันธมิตรฯจะทำอย่างไรต่อไป ชุมนุมต่อหรือไม่