ฝ่ายค้านยื่นถอดถอน "จักรภพ"แล้ว ประธานวุฒิสภาคาดส่งถึง ป.ป.ช.จันทร์นี้ ขณะที่ "เจ๊เพ็ญ" ก้นร้อนบุกเคลียร์ "แม้ว" ถึงบ้านพัก ก่อนหายตัวไม่เข้าทำเนียบฯ ด้าน "ทักษิณ" ย้ำควรถอยถ้าทำให้สังคมเข้าใจไม่ได้ ส่วน"สมัคร" ดันทุรังอุ้มอ้างรอศาลรับคดีหมิ่นเบื้องสูงค่อยปรับออก ยันไม่เต้นตามฝ่ายค้าน เผยฟ้ายังพิโรธ หลัง "เจ๊เพ็ญ" ไม่ออก ประกาศสู้ชั้นศาล ร่อนหนังสืออ้อนนายกฯให้เร่ง ตำรวจสอบคดีหมิ่นเบื้องสูง "อนุพงษ์" ระบุทหารห่วงหมิ่นเบื้องสูง หนุนการดำเนินการของนายกฯ
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 19.30 น. วานนี้ (21 พ.ค.) สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กว่า 20 คน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอนนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีข้อกล่าวหาและพฤติการณ์ที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจ หน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 271 ของรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายประสพสุข กล่าวว่า เรื่องการตรวจเอกสารคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันศุกร์นี้ หรืออย่างช้าไม่เกินวันจันทร์ และจะนำส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ซึ่งตนจะทำหนังสือแจ้งไปยังสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านว่าขณะนี้มีเรื่องการยื่นถอดถอนเข้ามาแล้ว
นายสาทิตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากยื่นหนังสือว่า พรรคได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส.ครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อยื่นถอดถอนนายจักรภพ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ฝ่ายค้านตัดสินใจถอดถอน โดยใช้มาตรา 271 กรณีดังกล่าวจะเห็นว่านายจักรภพมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งดูได้จากการให้สัมภาษณ์ อย่างไรก็ตามการเป็นรัฐมนตรีต้องเคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่ของนายจักรภพ เวลากว่า 3 เดือนเศษจะเห็นได้ว่าไม่เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
"หลังจากที่มีข่าวยื่นถอดถอนท่านยังไม่มีท่าทีที่สำนึก แต่ยังท่าท้ายกฎหมาย ท้าทายจริยธรรม รัฐธรรมนูญและสังคมด้วย คิดว่าประกระบวนการถอดถอน ก็คงเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ" นายสาทิตย์ กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า ตนเชื่อมั่นในพยานหลักฐานต่างๆ ที่ยื่นอย่างไร ก็ตามการยื่นวันนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งหวังว่ากระบวนการนี้จะดำเนินการโดยเร็ว และรัฐมนตรีจะมีสำนึกต่อการทำหน้าที่รัฐมนตรี ที่ต้องรับผิดชอบต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายของบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีสำนึกหมายถึงให้รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของรัฐมนตรี แต่การบริหารราชการ แผ่นดินมีกฎหมาย มีรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน ดังนั้นต้องเคารพกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ กรณีถึงที่สุดเมื่อรัฐมนตรีลาออก แต่ประเด็นใดที่ยังเป็นข้อกฎหมาย หน่วยงานอื่นๆ ก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยหลักหลังจากรัฐมนตรีลาออกไปแล้ว กระบวนการในการถอดถอนก็ถือว่าจบ เพราะรัฐมนตรีลาออกไปแล้ว แต่เรื่องใดที่ทำผิดตามกฎหมายและเกี่ยวข้องกับความเสียหายของรัฐ หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องดำเนินการ เช่น กรณีเอ็นบีที ซึ่งเรื่องนี้ก็มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ก็ต้องทำต่อไป
"จักรภพ" ก้นร้อนบุกเคลียร์ "แม้ว"
สำหรับความเคลื่อนไหวของ นายจักรภพ เพ็ญแข เช้าวานนี้ (21 พ.ค.) นายจักรภพได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 หลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นห่วงคำบรรยายของนายจักรภพเกี่ยวกับสถาบัน โดยอยากให้ นายจักรภพพิจารณาตัวเองกับสิ่งที่ได้พูดไป
ทั้งนี้การเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาไม่นาน เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเดินทางไปหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ที่ได้นัดกับนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยไว้
"ทักษิณ" ย้ำ "เจ๊เพ็ญ" ต้องถอย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยถึงปัญหาของนายจักรภพว่า วันนี้ถ้านายจักรภพไม่สามารถชี้แจงต่อสังคมได้ก็ต้องถอย และการอธิบายต้องมีความชัดเจน เพราะคนไทยอ่อนไหวต่อเรื่องสถาบัน ตนไม่อยากให้นำเรื่องสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะสถาบันต้องอยู่สูงกว่าการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจักรภพควรดำเนินการอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงกรณีของนายจักรภพ ถ้ายังอธิบายให้สังคมเข้าใจไม่ได้ ท่านอาจจะต้องถอย แต่ถ้าหากว่าท่านอธิบายให้สังคมเข้าใจได้ก็ไม่เป็นไร
อย่างไรก็แล้วแต่ การอธิบายต้องชัดเจน คือเราต้องเข้าใจว่า คนไทยทุกคนจะมีความอ่อนไหวต่อสถาบัน ถ้าใครเอาเรื่องของสถาบันมาใช้ไม่ว่าใครก็เป็นเรื่องไม่ดี ไม่ว่าจะใช้โจมตีคนอื่น หรือใช้เพื่อหาเสียงให้ตนเอง เป็นเรื่องไม่ดีทั้งนั้นเลย ในเรื่องนี้คิดว่า นายจักรภพ มีวิจารณญาณที่ตัดสินใจ เพราะว่าเขาฟังกระแสสังคม เขาต้องรู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ ซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน นายจักรภพ ซึ่งมีรายชื่อร่วมประชุมด้วยแต่กลับไม่มาร่วมประชุม และไม่ได้เข้าทำงานที่ทำเนียบฯ หลังเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ
"สมัคร" ไม่สนให้รอคดีเสร็จก่อน
ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวถึงการยื่น ถอดถอนนายจักรภพ ของพรรคฝ่ายค้านว่า ปัญหาการบรรยายของนายจักรภพ ตนได้ให้ตำรวจสอบสวน เมื่อมีมูลก็ส่งให้อัยการเพื่อพิจารณาจากนั้นเมื่อถึงศาลเขาก็ต้องถอยออกมาเท่านั้นเอง ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร
"พรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนมาแล้วแล้วก็ให้จัดการอย่างนั่นเหรอ ในเมื่อเอกสารต่างคนต่างแปล เรื่องนี้ตำรวจต้องรียทำ ลากเอาตัวจักรภพไปสอบปากคำเสร็จจะประกันหรือไม่ให้ประกันก็ต้องแล้วแต่ จากนั้นก็ไปที่อัยการ ถ้าบอกว่าฟ้อง ถ้าศาลรัฐเขาก็ต้องออกจาตำแหน่งเท่านั้นเอง มันมีวิธีไหนที่ดีกว่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ยื่นมาเสร็จ แล้วจะให้เอาออกเลยไม่ได้หรอก ผมทำอย่างนั้นไม่ได้"
ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีของนายจักรภพนั้น นายสมัคร กล่าวว่า ตนไม่คิดอะไรหรอก คิดแบบตน คนอื่นจะคิดอย่างไรเป็นเรื่องของคนอื่น ตนไม่มีความเห็นเรื่องนี้ เมื่อถามว่า เรื่องของนายจักรภพจะเป็นตัวบันทอนเสถียรภาพ รัฐบาลและเป็นเป้าถูกโจมตีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ใครเป็นคนเสนอข่าวเรื่องนี้ ที่พาดหัวว่าคนไทยไม่ยอม คนไทยคนไหน เรื่องคนทำผิดก็ให้ตำรวจเขาจัดการเสร็จแล้วส่งไปอัยการ จากอัยการก็ไปศาล หากศาลรับก็ต้องออกก็เท่านั้นเอง หากตำรวจบอกไม่ผิด เขาก็ต้องไม่ผิด จะไม่ตรวจสอบกันเลยหรือ มันบ้านเมืองยุคไหนกันมีพรรคการเมืองยื่นมาแล้วบอกว่า ต้องเอาออกเลย แล้วตนมีเครื่องวัดอยู่ที่ไหน
นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ให้โอกาสนายจักรภพ แต่เป็นสิทธิของเขา ให้เขาได้สู้กันด้วยคำแปล ถ้าไม่เชื่อก็เอา อินเตอร์เนชั่นแนล ทรานซเลชั่น มาแปล ให้ตำรวจอ่าน ตำรวจบอกไม่เป็นไร ก็โอเคปลอดภัย ตำรวจบอกเป็นไรก็ดำเนินคดี ซึ่งตนได้อ่านแล้วไม่ขอออกความเห็นตรงนี้เดี๋ยวจะเป็นการมีส่วนได้เสีย ตนอ่านออกทั้งไทย ทั้งอังกฤษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นถอดถอนนายจักรภพ ถือเป็นการตรวจสอบการทำงาน ของรัฐบาลหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า เขาตรวจสอบทั้งนั้น คือคณะรัฐมนตรีตอนนี้ ถูกตรวจสอบกันหมด ตนก็ถูกตรวจสอบ โดย กกต. นายจักรภพต้องตรวจสอบ โดยตำรวจ จะทำอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ยื่นปั๊ปออกปุ๊ป แล้วยื่นมาอีก ยื่นทุกวันตนไม่ต้องปลดทุกวันหรอ
ปรับ ครม.ให้รอประกาศกรมประชาฯ
ส่วนความคืบหน้าในการปรับ ครม. ที่มีข่าวว่าอาจจะมีการปรับหลายตำแหน่ง รวมทั้ง รมว.มหาดไทยด้วยน นายสมัคร ย้อนถามว่า ข่าวจากไหน รายงานข่าวที่ไหน สำนักไหน เว็บไซต์อะไร Pantip ผมยังไม่ได้อ่านไม่ได้เห็น จะปรับแน่นอน ไม่มีปัญหา คอยดูแล้วกัน รู้จักข่าว 1 ทุ่ม กรมประชาสัมพันธ์ หรือไม่ นั่นล่ะออกก่อน คอยฟังข่าวกรมประชาสัมพันธ์ก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าจะมีการปรับในตำแหน่งใดบ้าง และปรับกี่ตำแหน่ง นายสมัครไม่ตอบพร้อมกับเดินหนีไป
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ผ่านราชเลขาธิการสำนักพระราชวังแล้ว รอการโปรดเกล้าฯ เท่านั้น อย่างไรก็ตามจนถึงเวลา 19.00 น. ก็ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา
ฟ้ายังพิโรธ "จักรภพ" ไม่ออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.40 น. นายจักรภพ ได้ให้คนติดตามนำหนังสือบันทึกข้อความ ที่เสนอ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มาแจกจ่ายสื่อมวลชน โดยในเนื้อหาสรุปว่า ตามที่พรรคฝ่ายค้านได้นำกรณี พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับตน ในกรณที่ ไปบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษแก่สมาชิก FCCT ในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2550 ก่อนที่จะได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่าการบรรยายดังกล่าวเป็นความผิดต่อกฎหมายนั้น
เพื่อให้กรณีที่ถูกกล่าวหาได้ข้อยุติจึงขอเรียนว่าพร้อมที่จะพิสูจน์ความผิด และความจริง แต่พนักงานสอบสวนอาจจะลำบากใจในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี จึงขอให้นายกรัฐมนตรี แจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใพ้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการให้กรณีดังกล่าวยุติโดยเร็ว ถ้าเห็นว่าตนกระทำผิดก็พร้อมที่จะถูกดำเนินคดีและรับโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่คนติดตามนายจักรภพ ได้นำเอกสาร มาแจกปรากฏว่าเกิดเหตุฟ้าผ่ากะทันหัน ทำให้ไฟดับทั้งทำเนียบฯ เป็นเวลากว่า 20 วินาที
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้กลับเข้ามาใน ทำเนียบรัฐบาลในเวลาประมาณ 16.00 น.โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าพบเป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นในเวลา 16.40 น.จึงได้มีการนำ เอกสารของนายจักรภพ มาแจกจ่ายแก่ผู้สื่อข่าว ในขณะที่นายจักรภพไม่ได้อยู่ในทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด
"อนุพงษ์" เผยทหารห่วงพาดพิงเบื้องสูง
ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการหารือการพาดพิง สถาบันในการประชุมผู้นำเหล่าทัพว่าอยากจะเรียนสังคมว่าสิ่งที่ทุกคน ควรกระทำตามหลักในการเทิดพระเกียรติง่ายๆ คือ ไม่กระทำอะไรที่ไปเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว เราก็มีความกังวลร่วมกันอยู่ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ก็มีแนวทางแน่ชัดในการแก้ไขปัญหาส่วนหนึ่งแล้ว ก็ต้องว่าไปตามนั้น ส่วนที่กองทัพมีความกังวล คือ ทุกคนควรรู้ว่าไม่ควรเข้าไปทำอะไรที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่หยุดแตะต้องสถาบันเราจะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในสภาพสังคมปัจจุบันคงให้เป็นไปตามแนวทางที่มี ท่านนายกฯ ก็ดำเนินการส่วนของท่าน เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการไป น่าจะทำให้สังคมสงบกว่า เรียบร้อยกว่า ก็ลองดูว่าเป็นอย่างไร ไม่เป็นไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า สื่อก็ไม่ควรไปกระจายใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อถามว่า สังคมควรบอยคอตส์คนที่ดึงสถาบันลงมายุ่งกับการเมืองหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรดี ถ้าไปพูดอย่างนั้นก็จะกลายเป็นว่าผมชี้นำสังคม เอาเป็นว่าทุกคนควรจะรู้ว่าควรต้องทำอย่างไร"
ผู้สื่อข่าวซักว่า ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนที่พูดในการแสดงสปิริตหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ขออนุญาต อย่าพูดเลย"
"เฉลิม" ลุยล่าเว็บหมิ่นสถาบัน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการดำเนินปิดเว็บไวต์ 29 เว็บ ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ว่า ขณะนี้ตนตั้งหน่วยรับผิดชอบเกี่ยวกับข้อความที่ไม่บังควรในเว็บไซต์ และได้ทำหนังสือถึงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้ตั้งเจ้าหน้าที่กรมการปกครองไปดำเนินการแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป เพื่อค้นหาต้นตอของเว็บไวต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน โดยใช้เวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก็จะทราบว่าต้นตอของเว็บไซต์อยู่ที่ใด จากนั้นก็จะขอหมายศาลไปจับ และเวลาไปตรวจค้นตนจะไปดูด้วยตัวเอง
"ความจริงแล้วใช้เวลาเพียงแค่ 1 -2 ชั่วโมงก็รู้แล้วว่าต้นตอมาจากที่ไหน แต่อยากฝากเตือนไปยังเจ้าของเว็บไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันว่า ถึงแม้มีต้นตอมาจาก ต่างประเทศ ก็ถือว่าผิดกฎหมายอาญา กฎหมายสารสนเทศ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ความผิดทางปกครอง ซึ่งหากเจ้าของเว็บเห็นแล้วไม่ยอมดำเนินการก็จะถือว่า มีส่วนร่วมในการเผยแพร่สนับสนุน ซึ่งถือว่าเป็นความผิดที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย และดำเนินคดีตามกฎหมายไทย ขึ้นศาลไทย"
ร.ต.อ.เฉลิมว่า ตนจะใช้วิธีเจรจาไปยังหน่วยงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นระบบ และจริงจัง เชื่อว่าสุดท้ายจะแก้ไขสถานการณ์ได้
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 19.30 น. วานนี้ (21 พ.ค.) สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กว่า 20 คน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอนนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีข้อกล่าวหาและพฤติการณ์ที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจ หน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 271 ของรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายประสพสุข กล่าวว่า เรื่องการตรวจเอกสารคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันศุกร์นี้ หรืออย่างช้าไม่เกินวันจันทร์ และจะนำส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ซึ่งตนจะทำหนังสือแจ้งไปยังสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านว่าขณะนี้มีเรื่องการยื่นถอดถอนเข้ามาแล้ว
นายสาทิตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากยื่นหนังสือว่า พรรคได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส.ครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อยื่นถอดถอนนายจักรภพ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ฝ่ายค้านตัดสินใจถอดถอน โดยใช้มาตรา 271 กรณีดังกล่าวจะเห็นว่านายจักรภพมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งดูได้จากการให้สัมภาษณ์ อย่างไรก็ตามการเป็นรัฐมนตรีต้องเคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่ของนายจักรภพ เวลากว่า 3 เดือนเศษจะเห็นได้ว่าไม่เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
"หลังจากที่มีข่าวยื่นถอดถอนท่านยังไม่มีท่าทีที่สำนึก แต่ยังท่าท้ายกฎหมาย ท้าทายจริยธรรม รัฐธรรมนูญและสังคมด้วย คิดว่าประกระบวนการถอดถอน ก็คงเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ" นายสาทิตย์ กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า ตนเชื่อมั่นในพยานหลักฐานต่างๆ ที่ยื่นอย่างไร ก็ตามการยื่นวันนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งหวังว่ากระบวนการนี้จะดำเนินการโดยเร็ว และรัฐมนตรีจะมีสำนึกต่อการทำหน้าที่รัฐมนตรี ที่ต้องรับผิดชอบต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายของบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีสำนึกหมายถึงให้รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของรัฐมนตรี แต่การบริหารราชการ แผ่นดินมีกฎหมาย มีรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน ดังนั้นต้องเคารพกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ กรณีถึงที่สุดเมื่อรัฐมนตรีลาออก แต่ประเด็นใดที่ยังเป็นข้อกฎหมาย หน่วยงานอื่นๆ ก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยหลักหลังจากรัฐมนตรีลาออกไปแล้ว กระบวนการในการถอดถอนก็ถือว่าจบ เพราะรัฐมนตรีลาออกไปแล้ว แต่เรื่องใดที่ทำผิดตามกฎหมายและเกี่ยวข้องกับความเสียหายของรัฐ หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องดำเนินการ เช่น กรณีเอ็นบีที ซึ่งเรื่องนี้ก็มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ก็ต้องทำต่อไป
"จักรภพ" ก้นร้อนบุกเคลียร์ "แม้ว"
สำหรับความเคลื่อนไหวของ นายจักรภพ เพ็ญแข เช้าวานนี้ (21 พ.ค.) นายจักรภพได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 หลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นห่วงคำบรรยายของนายจักรภพเกี่ยวกับสถาบัน โดยอยากให้ นายจักรภพพิจารณาตัวเองกับสิ่งที่ได้พูดไป
ทั้งนี้การเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาไม่นาน เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเดินทางไปหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ที่ได้นัดกับนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยไว้
"ทักษิณ" ย้ำ "เจ๊เพ็ญ" ต้องถอย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยถึงปัญหาของนายจักรภพว่า วันนี้ถ้านายจักรภพไม่สามารถชี้แจงต่อสังคมได้ก็ต้องถอย และการอธิบายต้องมีความชัดเจน เพราะคนไทยอ่อนไหวต่อเรื่องสถาบัน ตนไม่อยากให้นำเรื่องสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะสถาบันต้องอยู่สูงกว่าการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจักรภพควรดำเนินการอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงกรณีของนายจักรภพ ถ้ายังอธิบายให้สังคมเข้าใจไม่ได้ ท่านอาจจะต้องถอย แต่ถ้าหากว่าท่านอธิบายให้สังคมเข้าใจได้ก็ไม่เป็นไร
อย่างไรก็แล้วแต่ การอธิบายต้องชัดเจน คือเราต้องเข้าใจว่า คนไทยทุกคนจะมีความอ่อนไหวต่อสถาบัน ถ้าใครเอาเรื่องของสถาบันมาใช้ไม่ว่าใครก็เป็นเรื่องไม่ดี ไม่ว่าจะใช้โจมตีคนอื่น หรือใช้เพื่อหาเสียงให้ตนเอง เป็นเรื่องไม่ดีทั้งนั้นเลย ในเรื่องนี้คิดว่า นายจักรภพ มีวิจารณญาณที่ตัดสินใจ เพราะว่าเขาฟังกระแสสังคม เขาต้องรู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ ซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน นายจักรภพ ซึ่งมีรายชื่อร่วมประชุมด้วยแต่กลับไม่มาร่วมประชุม และไม่ได้เข้าทำงานที่ทำเนียบฯ หลังเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ
"สมัคร" ไม่สนให้รอคดีเสร็จก่อน
ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวถึงการยื่น ถอดถอนนายจักรภพ ของพรรคฝ่ายค้านว่า ปัญหาการบรรยายของนายจักรภพ ตนได้ให้ตำรวจสอบสวน เมื่อมีมูลก็ส่งให้อัยการเพื่อพิจารณาจากนั้นเมื่อถึงศาลเขาก็ต้องถอยออกมาเท่านั้นเอง ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร
"พรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนมาแล้วแล้วก็ให้จัดการอย่างนั่นเหรอ ในเมื่อเอกสารต่างคนต่างแปล เรื่องนี้ตำรวจต้องรียทำ ลากเอาตัวจักรภพไปสอบปากคำเสร็จจะประกันหรือไม่ให้ประกันก็ต้องแล้วแต่ จากนั้นก็ไปที่อัยการ ถ้าบอกว่าฟ้อง ถ้าศาลรัฐเขาก็ต้องออกจาตำแหน่งเท่านั้นเอง มันมีวิธีไหนที่ดีกว่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ยื่นมาเสร็จ แล้วจะให้เอาออกเลยไม่ได้หรอก ผมทำอย่างนั้นไม่ได้"
ส่วนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีของนายจักรภพนั้น นายสมัคร กล่าวว่า ตนไม่คิดอะไรหรอก คิดแบบตน คนอื่นจะคิดอย่างไรเป็นเรื่องของคนอื่น ตนไม่มีความเห็นเรื่องนี้ เมื่อถามว่า เรื่องของนายจักรภพจะเป็นตัวบันทอนเสถียรภาพ รัฐบาลและเป็นเป้าถูกโจมตีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ใครเป็นคนเสนอข่าวเรื่องนี้ ที่พาดหัวว่าคนไทยไม่ยอม คนไทยคนไหน เรื่องคนทำผิดก็ให้ตำรวจเขาจัดการเสร็จแล้วส่งไปอัยการ จากอัยการก็ไปศาล หากศาลรับก็ต้องออกก็เท่านั้นเอง หากตำรวจบอกไม่ผิด เขาก็ต้องไม่ผิด จะไม่ตรวจสอบกันเลยหรือ มันบ้านเมืองยุคไหนกันมีพรรคการเมืองยื่นมาแล้วบอกว่า ต้องเอาออกเลย แล้วตนมีเครื่องวัดอยู่ที่ไหน
นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ให้โอกาสนายจักรภพ แต่เป็นสิทธิของเขา ให้เขาได้สู้กันด้วยคำแปล ถ้าไม่เชื่อก็เอา อินเตอร์เนชั่นแนล ทรานซเลชั่น มาแปล ให้ตำรวจอ่าน ตำรวจบอกไม่เป็นไร ก็โอเคปลอดภัย ตำรวจบอกเป็นไรก็ดำเนินคดี ซึ่งตนได้อ่านแล้วไม่ขอออกความเห็นตรงนี้เดี๋ยวจะเป็นการมีส่วนได้เสีย ตนอ่านออกทั้งไทย ทั้งอังกฤษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นถอดถอนนายจักรภพ ถือเป็นการตรวจสอบการทำงาน ของรัฐบาลหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า เขาตรวจสอบทั้งนั้น คือคณะรัฐมนตรีตอนนี้ ถูกตรวจสอบกันหมด ตนก็ถูกตรวจสอบ โดย กกต. นายจักรภพต้องตรวจสอบ โดยตำรวจ จะทำอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ยื่นปั๊ปออกปุ๊ป แล้วยื่นมาอีก ยื่นทุกวันตนไม่ต้องปลดทุกวันหรอ
ปรับ ครม.ให้รอประกาศกรมประชาฯ
ส่วนความคืบหน้าในการปรับ ครม. ที่มีข่าวว่าอาจจะมีการปรับหลายตำแหน่ง รวมทั้ง รมว.มหาดไทยด้วยน นายสมัคร ย้อนถามว่า ข่าวจากไหน รายงานข่าวที่ไหน สำนักไหน เว็บไซต์อะไร Pantip ผมยังไม่ได้อ่านไม่ได้เห็น จะปรับแน่นอน ไม่มีปัญหา คอยดูแล้วกัน รู้จักข่าว 1 ทุ่ม กรมประชาสัมพันธ์ หรือไม่ นั่นล่ะออกก่อน คอยฟังข่าวกรมประชาสัมพันธ์ก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าจะมีการปรับในตำแหน่งใดบ้าง และปรับกี่ตำแหน่ง นายสมัครไม่ตอบพร้อมกับเดินหนีไป
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ผ่านราชเลขาธิการสำนักพระราชวังแล้ว รอการโปรดเกล้าฯ เท่านั้น อย่างไรก็ตามจนถึงเวลา 19.00 น. ก็ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา
ฟ้ายังพิโรธ "จักรภพ" ไม่ออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.40 น. นายจักรภพ ได้ให้คนติดตามนำหนังสือบันทึกข้อความ ที่เสนอ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มาแจกจ่ายสื่อมวลชน โดยในเนื้อหาสรุปว่า ตามที่พรรคฝ่ายค้านได้นำกรณี พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับตน ในกรณที่ ไปบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษแก่สมาชิก FCCT ในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2550 ก่อนที่จะได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่าการบรรยายดังกล่าวเป็นความผิดต่อกฎหมายนั้น
เพื่อให้กรณีที่ถูกกล่าวหาได้ข้อยุติจึงขอเรียนว่าพร้อมที่จะพิสูจน์ความผิด และความจริง แต่พนักงานสอบสวนอาจจะลำบากใจในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี จึงขอให้นายกรัฐมนตรี แจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใพ้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการให้กรณีดังกล่าวยุติโดยเร็ว ถ้าเห็นว่าตนกระทำผิดก็พร้อมที่จะถูกดำเนินคดีและรับโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่คนติดตามนายจักรภพ ได้นำเอกสาร มาแจกปรากฏว่าเกิดเหตุฟ้าผ่ากะทันหัน ทำให้ไฟดับทั้งทำเนียบฯ เป็นเวลากว่า 20 วินาที
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้กลับเข้ามาใน ทำเนียบรัฐบาลในเวลาประมาณ 16.00 น.โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าพบเป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นในเวลา 16.40 น.จึงได้มีการนำ เอกสารของนายจักรภพ มาแจกจ่ายแก่ผู้สื่อข่าว ในขณะที่นายจักรภพไม่ได้อยู่ในทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด
"อนุพงษ์" เผยทหารห่วงพาดพิงเบื้องสูง
ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการหารือการพาดพิง สถาบันในการประชุมผู้นำเหล่าทัพว่าอยากจะเรียนสังคมว่าสิ่งที่ทุกคน ควรกระทำตามหลักในการเทิดพระเกียรติง่ายๆ คือ ไม่กระทำอะไรที่ไปเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว เราก็มีความกังวลร่วมกันอยู่ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ก็มีแนวทางแน่ชัดในการแก้ไขปัญหาส่วนหนึ่งแล้ว ก็ต้องว่าไปตามนั้น ส่วนที่กองทัพมีความกังวล คือ ทุกคนควรรู้ว่าไม่ควรเข้าไปทำอะไรที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่หยุดแตะต้องสถาบันเราจะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในสภาพสังคมปัจจุบันคงให้เป็นไปตามแนวทางที่มี ท่านนายกฯ ก็ดำเนินการส่วนของท่าน เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการไป น่าจะทำให้สังคมสงบกว่า เรียบร้อยกว่า ก็ลองดูว่าเป็นอย่างไร ไม่เป็นไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า สื่อก็ไม่ควรไปกระจายใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อถามว่า สังคมควรบอยคอตส์คนที่ดึงสถาบันลงมายุ่งกับการเมืองหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรดี ถ้าไปพูดอย่างนั้นก็จะกลายเป็นว่าผมชี้นำสังคม เอาเป็นว่าทุกคนควรจะรู้ว่าควรต้องทำอย่างไร"
ผู้สื่อข่าวซักว่า ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนที่พูดในการแสดงสปิริตหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "ขออนุญาต อย่าพูดเลย"
"เฉลิม" ลุยล่าเว็บหมิ่นสถาบัน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการดำเนินปิดเว็บไวต์ 29 เว็บ ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ว่า ขณะนี้ตนตั้งหน่วยรับผิดชอบเกี่ยวกับข้อความที่ไม่บังควรในเว็บไซต์ และได้ทำหนังสือถึงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้ตั้งเจ้าหน้าที่กรมการปกครองไปดำเนินการแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป เพื่อค้นหาต้นตอของเว็บไวต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน โดยใช้เวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก็จะทราบว่าต้นตอของเว็บไซต์อยู่ที่ใด จากนั้นก็จะขอหมายศาลไปจับ และเวลาไปตรวจค้นตนจะไปดูด้วยตัวเอง
"ความจริงแล้วใช้เวลาเพียงแค่ 1 -2 ชั่วโมงก็รู้แล้วว่าต้นตอมาจากที่ไหน แต่อยากฝากเตือนไปยังเจ้าของเว็บไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันว่า ถึงแม้มีต้นตอมาจาก ต่างประเทศ ก็ถือว่าผิดกฎหมายอาญา กฎหมายสารสนเทศ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ความผิดทางปกครอง ซึ่งหากเจ้าของเว็บเห็นแล้วไม่ยอมดำเนินการก็จะถือว่า มีส่วนร่วมในการเผยแพร่สนับสนุน ซึ่งถือว่าเป็นความผิดที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย และดำเนินคดีตามกฎหมายไทย ขึ้นศาลไทย"
ร.ต.อ.เฉลิมว่า ตนจะใช้วิธีเจรจาไปยังหน่วยงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นระบบ และจริงจัง เชื่อว่าสุดท้ายจะแก้ไขสถานการณ์ได้