“ไชยันต์” แฉแผน “พลังแม้ว” เดินเกมอำมหิต - ยั่วยุด้วยการเดินหน้าแก้ รธน. ชี้ชัดหวังล้มกระดานต่อต้าน “ทักษิณ” แจงหากเกิดปฏิวัติทำ รธน.50 หายวับทันที ด้าน “พิภพ” อัดยับ “หมัก” ประกาศทำประชามติหวังโยนบาปให้ “พันธมิตรฯ” ขณะที่ “ภูวดล” ตอกซ้ำจวกรัฐบาลหลอกลวง-ทำการเมืองไทยไร้อนาคต
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี คืนวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเปิดประเด็นซักถามนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเข้าชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในเวลา 15.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค.นี้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
โดย นายพิภพ กล่าวว่า การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว น่าจะมีสาเหตุมาจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกรงว่าจะถูกคำพิพากษา เพราะคดีมีมูล เนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากนโยบายต่างๆ โดยก่อนหน้านี้พันธมิตรฯ ได้ประกาศสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมอย่างเปิดเผย และไม่ควรที่จะมีการแทรกแซงใดๆ จากรัฐบาล จนกระทั่งวันนี้พรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาล ซึ่งนายสมัคร มีสัญญาใจ คือ 1.เรื่องอยากเป็นนายกฯ 2.เคลียร์คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และ 3.ต้องการเคลียร์เรื่องความจงรักภักดี ซึ่งทั้งหมดนี้นายสมัคร ต้องการที่จะเป็นนายกฯ ให้นานที่สุด เพื่อเขียนประวัติศาสตร์ให้ตัวเอง
“สาเหตุที่พันธมิตรฯ ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ เนื่องจากกฎหมายมาตรา 237 นั้นไม่สำคัญกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะกังวลเรื่องมาตรา 309 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราจึงคัดค้าน ซึ่งประเด็นดังกล่าวกลุ่มนักวิชาการ รวมทั้งแพทย์อาวุโส ต่างออกมาร่วมกันคัดค้านอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้นายสมัคร ยังออกมาระบุว่า ต่อไปนี้รัฐบาลไม่เป็นเจ้าภาพ และการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของ ส.ส. จนนำมาสู่การเข้าชื่อของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ดังนั้นนายสมัคร จึงต้องรับผิดชอบ เพราะถ้าเป็นหัวหน้าพรรคแล้วสั่งการไม่ได้ ก็สมควรที่จะลาออก”นายพิภพ กล่าว
จวก "หมัก" เดินเกมหลอกลวง ปชช.
นายพิภพ กล่าวอีกว่า แม้แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ก็ไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายชัย ก็จำเป็นต้องรับเรื่องเอาไว้ แล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งภายใน 15 วันก็จะเข้าวาระ แล้วที่นายสมัคร ออกมาระบุว่าจะลงประชามติเพราะรำคาญ ซึ่งความเป็นจริงไม่มีผล เนื่องจากมีการยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว จึงเป็นเกมหลอกลวงให้ประชาชนหลงผิดคิดว่าพันธมิตรฯ ดื้อดึง ทั้งๆ ที่การออกเสียงทำประชามติต้องใช้เวลา รวมทั้งรัฐต้องให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างเพียงพอ และถ้าลงประชามติแล้วเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อนั้นจึงจะยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ
“ถามว่าการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ประโยชน์อะไรบ้างกับประชาชน ผมคิดว่ามีประโยชน์ เพราะจะทำให้กระบวนการยุติธรรม และกระบวนการตุลาการ ทำงานได้ รวมทั้งทำให้ประเทศปกครองด้วยกฎหมายอย่างเสมอภาคกันทุกคน ซึ่งต่อไปพรรคการเมืองจะปรับตัว สิ่งดีงามจะเกิดขึ้นในสังคมไทย พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดคดี สังคมก็จะยอมรับ กระบวนการยุติธรรมก็จะโปร่งใส”นายพิภพ ระบุ
"ไชยันต์" ชี้พิรุธเล่นบทแตกแยกตบตาฝ่ายตรงข้าม
ด้าน นายไชยันต์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นเลย และถ้าเดาใจนายสมัคร คาดว่าคงไม่อยากที่จะให้มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะจะกลายเป็นเผือกร้อน และเป็นปัญหาสร้างความแตกแยกในสังคม ส่วนประเด็นที่นายสมัคร ออกมากลับลำทำประชามติ อาจจะตีความได้ 2 อย่าง คือ อาจจะไม่รอบคอบ หรืออาจจะกลายเป็นว่าทีมเดียวกัน แต่เล่นบทแตกแยก เพื่อสลายการจับตามองจากฝ่ายตรงข้าม
“การทำประชามติยังสามารถทำได้อยู่ โดยถ้าผ่าน 3 วาระรวด แล้วนายสมัคร เกิดความเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งนายสมัคร คงเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหา จึงเสนอให้มีการทำประชามติ และนอกจากพันธมิตรฯ แล้ว ยังมีอีกหลายกลุ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหว เพราะไม่เห็นด้วยกับการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ซึ่งถือเป็นการดิ้นรนเพื่อให้พ้นโทษของ 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ฉะนั้นการที่เราจะต้องต่อสู้อีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเราต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไปได้”นายไชยันต์ กล่าว
ชี้ชัด "หมัก" ต้นเหตุทำชาติบ้านเมืองดิ่งเหว
นายไชยันต์ กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไม่ว่าจะดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีความยุติธรรมแล้ว บ้านเมืองก็จะถอยหลังเข้าคลอง ยิ่งถ้ามีพรรคพวก หรือมีระบบอุปถัมภ์ ก็จะไม่ต้องรับโทษอีกเลย ซึ่งพรรคพลังประชาชนกำลังที่จะแก้หลักการเหล่านี้ ซึ่งถือว่าหนักกว่าระบบศักดินา เพราะใช้เงินซื้อความผิดความถูก ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนกรณีที่นายสมัคร ออกมาบอกว่ารำคาญ จึงให้มีการทำประชามตินั้น นายไชยันต์ กล่าวว่า ถือเป็นทัศนคติที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเลย เพราะหัวใจของระบอบประชาธิปไตย คือ ความชอบธรรมในการให้ประชาชนมีส่วนร่วม ฉะนั้นเรื่องประสิทธิภาพสูงสุดจึงไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่นั่นคือเผด็จการ ซึ่งจริงๆ แล้วนายสมัคร ควรที่จะทำประชามติตั้งแต่ต้น และการที่นายสมัคร เป็นนายกฯ ได้ เพราะความเป็นนอมินี ซึ่งตนคาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ว่านายสมัคร จะมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ตอนนี้กำลังทำให้บ้านเมืองดิ่งลงเหว ซึ่งในที่สุดเขาก็ทำในสิ่งที่เขาถูกจ้างมาให้ทำ เท่านั้นเอง
แฉเดินเกมอำมหิต-ยั่วยุให้เกิดรัฐประหาร
นายไชยันต์ วิเคราะห์อีกว่า พฤติกรรมที่ท้าทายทุกอย่างของพรรคพลังประชาชนนั้น ประชาชนเริ่มสงสัยว่าทำเช่นนั้นทำไม และถ้าเขาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ก็เป็นผลดีกับกรรมบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย แต่ถ้าระหว่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเกิดมีการจลาจลนองเลือด จนกระทั่งมีการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมา รัฐธรรมนูญปี 2550 ก็จะหาย ฉะนั้นเขาก็จะมีแต่ได้กับได้ ซึ่งถือเป็นการยั่วยุให้เกิดการทำรัฐประหาร และเป็นการล้มกระดานทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นเกมของคนที่อำมหิตมากที่สุดต่อคนไทยของคนที่ไม่แยแสอะไรอีกแล้ว
ขณะที่ ดร.ภูวดล วิเคราะห์ว่า ถ้าคนไทยที่อ่านออกเขียนได้ และมีสมอง เขาอ่านออกหมดแล้วว่าการปกครองชุดนี้ ตอแหลทั้งนั้น ชาวบ้านรับไม่ไหวแล้ว เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่มีความน่าเชื่อถืออีกต่อไป โดยเฉพาะพรรคประชาราษฎร์ที่มาขึ้นเวทีนี้ แต่กลับไปนั่งเป็นรัฐบาล เหมือนวันนี้นายกฯ พูดอย่าง ทำอย่าง แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร แต่ตนเชื่อว่าคนไทยไม่ใช่คนโง่ที่จะถูกหลอกอีกต่อไป
จวกยับ "หมัก" มีสิทธิอะไรพล่ามคำว่า "รำคาญ"
“ที่นายสมัคร ออกมาระบุว่า จะยอมเสียเงิน 2,000 ล้าน เพื่อทำประมติเพราะเกิดความรำคาญนั้น ผมถามว่าเงินที่นำมาใช้ในการทำประชามตินั้น เป็นเงินของบิดาคุณหรืออย่างไร คุณมีสิทธิอะไรมารำคาญ และที่เห็นเป็นชิ้นเป็นอันมากที่สุดก็คือ การช่วยเหลือพม่าเท่านั้น นอกนั้นไร้สาระทั้งสิ้น ไม่ว่าจะกินไป ชมไป เห่าหอนไป จึงเป็นรัฐบาลที่หลอกลวงที่สุดเท่าที่เคยมีมา”ดร.ภูวดล กล่าว
ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า ถ้าเราปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ บ้านนี้ เมืองนี้ คงไม่มีอนาคตอีกแล้ว วันนี้การเมืองไทยเละยิ่งกว่ายุคไหนๆ เพราะสามารถใช้อำนาจเงินฟาดหัวอะไรก็ได้หมด หรืออาจจะจ้างไอ้หน้าไหนก็ได้ไปทุบแม้กระทั่งศิวะลึงค์ที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งต่อไปจะอันตรายมาก แล้วคิดว่าใครเขาจะมาลงทุนหากประเทศนั้นไม่มีหลักนิติรัฐ วันนี้การเมืองไทยมาถึงทางตันแล้ว เพราะสังคมส่วนใหญ่รับไม่ได้กับพฤติกรรมอย่างนี้ เนื่องจากผู้มีอำนาจสามารถตะแบงไปได้เรื่อยๆ มีที่ไหนที่มีนายกฯ นอมีนีซึ่งเหมือนเมืองไทยในเวลานี้ ทำให้ประชาชนที่มีความรู้เขาทนไม่ได้