ปธ.ประชาสัมพันธ์แก้ไข รธน.“สุนัย จุลพงศธร” อ้าง เรื่องยื่นแก้ไข รธน.ส.ส.ทำกันเอง ไม่เคยบอกผู้ใหญ่ในพรรค แนะ ชาติไทย อย่าน้อยใจที่ไม่มีใครบอก เผย ขนาดตนเป็นประธานประชาสัมพันธ์แก้ไข รธน.ของพรรค ก็ยังไม่รู้เรื่อง พูดแปลก แก้ รธน.น่าจะเสร็จหลังคดียุบพรรค แต่ถ้าเสร็จก่อน ถือเป็นความบังเอิญ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเวทีความคิด
วันนี้ (22 พ.ค.) นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์การแก้ไข รธน.ให้สัมภาษณ์ในรายการเวทีความคิด ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ถึงกรณีการยื่นขอแก้ไข รธน.ของกลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.วานนี้ ว่า ตนในฐานะประธานประชาสัมพันธ์แก้ไข รธน.ของพรรคพลังประชาชนเอง ก็ยังไม่ทราบเลย เพราะเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้ผ่านมติที่ประชุมพรรคพลังประชาชนด้วย ตนมารู้ก็เมื่อตอนนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวว่าจะมีคนนำมายื่นขอแก้ไข รธน.ซึ่งตนก็ยังได้ติติงบรรดา ส.ส.ที่ไปยื่นว่าเหตุใดจึงไม่มีการบอกกล่าวผู้ใหญ่ในพรรคกันบ้าง อีกทั้งไม่มีการประสานงานไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เกรงว่า จะถูกพรรคชาติไทยต่อว่า เหมือนเมื่อครั้งเลือกประธานสภา ซึ่งบรรดา ส.ส.ก็กล่าวว่า การทำครั้งนี้ก็ทำไปตาม รธน.ปี 50 มาตรา 122 ที่ให้เอกสิทธิ์แก่ ส.ส.สามารถยื่นแก้ไข รธน.ได้โดยที่ไม่ต้องฟังมติจากพรรคเลย ทั้งที่เรื่องขอแก้ไข รธน.ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่พรรคควรจะรู้ ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะเกิดความสับสนเหมือนตอนนี้ ซึ่งสิ่งนี้ก็คือปัญหาหนึ่งของ รธน.ปี 50 ที่ไม่ได้วางความสำคัญให้กับระบบพรรคเลย
“ผมก็เสียรังวัดนะ เพราะผมเป็นถึงประธานประชาสัมพันธ์แก้ไข รธน.แต่เพื่อนฝูงไปยื่นกลับไม่บอกเรา ดังนั้น วันนี้ถ้าพรรคชาติไทยจะรู้สึกน้อยใจว่าไม่เห็นบอกเขา ก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องน้อยใจหรอกครับ ผมพรรคเดียวกัน ผมยังไม่รู้เลย”
ส่วนกรณีการทำประชามติที่ นายสมัคร สุนทรเวช เสนอนั้น ตนเห็นว่า ให้ทำประชามติ ก่อนแก้ รธน.นั้น ตนก็รู้สึกเห็นด้วยเพราะการจะแก้ รธน.ปี 50 ที่ผ่านประชามติมาแล้ว ก็ควรจะให้เกียรติประชาชนที่ลงมติรับร่าง ด้วยการสอบถามความเห็นก่อนแก้ ซึ่งตนก็เชื่อว่า ปัญหาความขัดแย้งของฝ่ายต่างๆ รวมถึงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ขัดแย้งกันอยู่จะคลี่คลายลง เมื่อมีการทำประชามติ
“ผมไม่ตำหนิพันธมิตรฯ แต่ปัญหาอยู่ที่พันธมิตรฯ เขาจะใช้วิธีการโต้แย้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่ได้ ทำให้เกิดความวุ่นวายไปหมดไม่ได้ สุดท้ายต้องเคารพประชาชน ว่า เมื่อรัฐบาลเสนอให้ทำประชามติแล้วเขาต้องหยุด และเขาก็เคยพูดเองว่าถ้ารัฐบาลมีประชามติเขาจะหยุด”
ส่วนกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงต้องเร่งแก้ไข รธน.โดยการเปิดสภาสมัยวิสามัญขึ้นมานายสุนัยชี้แจงว่า สภาไม่ได้เปิดสมัยวิสามัญเพื่อจะแก้ รธน.อย่างที่หลายฝ่ายกล่าวหา เนื่องจากทางสภาจำเป็นจะต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญอยู่แล้ว เพื่อจะพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดิน และกฎหมายเกี่ยวกับโทรคมนาคม และกฎหมายเกี่ยวกับศาลฎีกา ที่จะต้องเร่งทำให้เสร็จตามระยะเวลาที่ รธน.กำหนด ดังนั้น เขาจึงต้องพิจารณาตรงนี้เป็นหลัก เราเพียงแต่จะขอพ่วงประเด็นของการแก้ไข รธน.เข้าไปด้วย ซึ่งถือว่าเราไม่ได้รีบร้อนแก้ไขอะไร เป็นการทำไปตามกลไกและกระบวนการเท่านั้น ซึ่งตนขอให้ความมั่นใจกับประชาชน และพันธมิตรฯ ไว้ได้เลย ว่าอย่างไรเสีย การแก้ไข รธน.ครั้งนี้ก็คงเสร็จหลังคดียุบพรรคแน่ ๆ แต่หากจะเกิดเรื่องบังเอิญที่ การตัดสินยุบพรรคเสร็จหลัง แก้ รธน.ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการของศาล
“ขอให้ท่านวางใจเถอะครับ สิ่งที่พันธมิตรฯ และหลายคนวิตกกังวลนั้นไม่จริง รับรองว่า รธน. เสร็จทีหลังแน่ คดียุบพรรคถ้ายุบ ยุบก่อนแน่ แต่บังเอิญเมื่อวานนี้เห็นว่า พรรคชาติไทยอัยการสูงสุดสั่งให้ส่งเรื่องกลับ ซึ่งเรื่องนี้หากคดียุบพรรคจะล่าช้าเองก็ไม่รู้จะว่ายังไงนะครับเป็น เพราะเรื่องกระบวนการของศาล” นายสุนัย กล่าวทิ้งท้าย