“จุรินทร์” สวด “หมัก” ชักเป๋พลิกลิ้นทำประชามติแก้ รธน.รายวัน เชื่อแค่ปาหี่ตีสองหน้า แหกตา ปชช.สวนทางลูกพรรคเข้าชื่อยื่นญัตติ มั่นใจเป้าหมายแก้ ม.237, 309 เพื่อฟอกตัวมาร
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีของบประมาณ จำนวน 2 พันล้านบาท เพื่อทำประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในขณะที่ลูกพรรคพลังประชาชนก็ไปยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตรงนี้ทำให้มองไปได้ว่าที่สุดแล้วเป็นปาหี่ตีสองหน้า ตบตาประชาชนหรือเปล่า ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถ้านายกฯ ต้องการทำประชามติจริงๆ ทำไมถึงไม่ถามประชาชนก่อนที่ลูกพรรคจะไปยื่นร่างแก้ไข เพราะการที่ไปถามประชาชนหลังจากที่ไปยื่นร่างแล้ว ทำให้มองเห็นชัดว่า จริงๆ แล้วอยากฟังความเห็นของประชาชนหรือไม่ หรือเป็นแค่เกมการเมืองในการที่จะลดกระแสความไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าสมมติว่านายกฯ ต้องการจะถามประชาชนก่อนก็ควรจะบอกให้ลูกพรรคถอนร่างออกมา
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายกฯออกมาระบุว่า จะขอให้ประธานสภายับยั้งการบรรจุระเบียบวาระของการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่านายกฯ จะไปสั่งประธานสภาได้หรือไม่ แล้วประธานสภาจะฟังหัวหน้าฝ่ายบริหารได้หรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ และถ้านายกฯสั่งประธานสภาได้หรือ สั่งสภาได้แล้วทำไมไม่ไปสั่งลูกพรรคไม่ให้ยื่นตั้งแต่ต้น เพื่อตัดปัญหา เนื่องจากมีประเด็นในเรื่องของข้อบังคับว่า เมื่อยื่นเข้าไปแล้วข้อบังคับกำหนดไว้ว่าจะต้องบรรจุระเบียบวาระภายใน 15 วัน สมมติว่า นายกฯ มีความตั้งใจจริงที่ไม่ต้องการให้นำญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาในช่วงเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญก็ไม่ควรไปขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญในช่วงวันที่ 9-30 มิ.ย.นี้ ควรจะเปิดเหมือนที่ปฏิบัติมาเพียงแค่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี แล้วก็ปิดประชุม การที่นายกฯบอกว่าจะต้องขอประชามติจากประชาชน แต่กลับเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เนื่องจากเมื่อยื่นร่างรัฐธรรมนูญเข้าไปแล้วก็ต้องมีการบรรจุระเบียบวาระ
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับตัวร่างรัฐธรรมนูญ ที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นไปนั้นเป็นการพลิกแพลงกรรมวิธีเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง เพราะเป้าหมายอยู่ที่มาตรา 237 และ 309 เพื่อช่วยเหลือคนบางคนให้พ้นจากคดีของ คตส. ซึ่งยังมีอยู่บางมาตราที่ระบุว่าประกาศของ คปค.หรือ คมช.ที่ขัดกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอเข้าไปใหม่ถือเป็นการบังคับใช้ไม่ได้ ตรงนี้ถือเป็นการมัดตราสัง คตส., ป.ป.ช.และ กกต.ชุดปัจจุบัน เพราะองค์กรเหล่านี้เกิดจากคำสั่งของ คปค.ถ้าใช้บังคับไม่ได้ก็แปลว่า ถึงที่สุดแล้วต้องยกเลิกทั้งหมด จึงอยากให้ประชาชนติดตามและรู้เท่าทัน และทั้งหมดนี้ต้องดูไปอีกระยะหนึ่ง เพราะนายกฯยังพูดกลับไปกลับมา ก่อนหน้านี้ บอกว่า จะไม่เสนอทำประชามติ เพราะถาม กกต.แล้วต้องใช้เงินมากถึง 2 พันล้านบาท แต่วันนี้จะมาใช้การทำประชามติ วันมะรืนอาจเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างก็ได้