xs
xsm
sm
md
lg

สภาเดือด! “พลังแม้ว” หน้ามืดป้อง “การุณ” - ปชป.เมินยี้ไม่สำนึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การุณ โหสกุล
ปชป.ปะทะ พปช.หลัง “อภิวันท์” แจ้งผลสอบกรณี “ส.ส.ยี้” กลางสภา พปช.โดดป้องเต็มที่ “ส.ส.สาก” ยก “การุณ” อ่อนน้อมถ่อมตนไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ด้าน ปชป.ชี้ “เก่ง” พูดเท็จกลางสภา แฉหลุดคำชั่วช้าสามานย์เกลื่อนสภาฯ ขณะที่ “อภิวันท์” อ้างมั่ว เรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยยอมความกันได้แล้ว แต่ “สมเกียรติ” ยันไม่เกี่ยวกับพรรคและคดี ขณะที่ “อภิสิทธิ์” ระบุเจ้าตัวไม่มีท่าทีสำนึก ยากจะให้อภัย

วันนี้ (14 พ.ค.) ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมซึ่ง พ.อ.อภิวันท์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯในเรื่องผลสอบของคณะกรรมการสอบสวนกรณีคดีวิวาท ระหว่าง นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาเรื่องนี้ 7 ครั้งและได้สอบถามพยานบุคคล 9 ปาก กรอบการพิจารณาคือ มีการทำร้ายร่างกายจริงหรือไม่ มีการกล่าววาจาถ้อยคำที่ไม่สุภาพจริงหรือไม่ สรุปผลการสืบสวน คือในเรื่องการทำร้ายจริงหรือไม่ คณะกรรมการฯเชื่อว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายการุณได้ทำร้ายนายสมเกียรติจริง ส่วนมีการกล่าววาจาที่ไม่สุภาพจริงหรือไม่ คณะกรรมการเห็นว่า นายการุณโต้เถียงด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพจริง และนายสมเกียรติก็ต่อว่าด้วยถ้อยคำเล็กน้อย เนื่องจากนายการุณคิดว่านายสมเกียรติต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง

พ.อ.อภิวันท์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่เพียงสืบสวน ไม่มีอำนาจอื่นใดนอกจากนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตามข้อบังคับประมวลจริยธรรม ส.ส.ปี 2540 การเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้จะมีการว่ากล่าวตักเตือนหรืออย่างไรก็ต้องดูในประมวลจริยธรรม นอกจากนี้คณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าเรื่องนี้ทำให้ภาพลักษณ์สภาฯ เสียหาย และจะทำอย่างไรเพื่อลดความเสียหาย เป็นไปได้หรือไม่ให้คู่กรณีปรับความเข้าใจกัน ตนจึงให้เชิญทั้ง 2 คนมาพูดคุย ซึ่งก่อนที่ตนจะพูดคุยตนได้บอกว่าการพูดคุยครั้งนี้ไม่มีผลใดๆต่อการสืบสวน ซึ่งผลจากการพูดคุยกันนั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างดี ทั้ง 2 คนทักทายกันอย่างดีนายการุณไหว้สวัสดีนายสมเกียรติและนายสมเกียรติได้เข้าไปจับมือนายการุณ

ตนจึงถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่คดีฟ้องร้องให้เลิกแล้วต่อกัน นายการุณบอกแล้วแต่นายสมเกียรติ ซึ่งนายสมเกียรติก็กล่าวว่า ตนเป็นผู้ใหญ่พอจึงไม่ติดใจในเรื่องนี้ และนายการุณได้บอกให้ตนไปพูดกับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายค้าน แต่ตนไม่ได้ไปพบเพราะเกรงจะเป็นการโยนภาระไปให้ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ขอยืนยันว่าผลสรุปถือเป็นเอกฉันท์ส่วนการฟ้องร้องอย่างไรให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.อภิวันท์ รายงานผลการสอบสวน ปรากฏว่ามีสมาชิกจากพรรคพลังประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์ ต่างลุกขึ้นอภิปรายโต้เถียงกันอย่างมาก โดย ส.ส.พรรคพลังประชาชนต่างอภิปรายไม่เห็นด้วยกับผลสรุปของคณะกรรมการฯ

โดย ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน อภิปรายว่า ตนมีความเห็นคัดค้านความเห็นประธานฯ บางประเด็น ที่บอกว่าเป็นมติสภาให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนมันไม่ใช่ แต่เป็นความเห็นประธานที่ต้องการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และตนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องรายงานสภาเพราะเรื่องนี้มีการประชุมหลายครั้งและมีการแถลงให้สื่อมวลชนรับทราบอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้เป็นลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันก็ต้องมีกระทบกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ เหตุการณ์วันนี้ทำให้ตนกลัวจนไม่กล้าเข้าไปที่ห้องอาหารตั้งแต่มีเหตุการณ์ ตนเรียนว่าในฐานะเป็น ส.ส.ประธานฯน่าจะขอให้ทุกฝ่ายมาพูดกันในสภาฯ อย่าไปพูดกันข้างนอกเลย และตนขอโอกาสให้นายการุณเพราะตนรู้จักนายการุณดีมาตลอด 10 ปีว่าเป็นคนมีความอ่อนน้อมถ่อมตน รักศักดิ์ศรีเป็นลูกผู้ชาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทยา แก้วภารดัย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่าไม่กล้าเข้าไปห้องอาหารกลัวใครถีบให้พูดมาเลยว่าเป็นพวกตนหรือพวกเดียวกันเอง เรื่องนี้ไม่ใช่มานั่งกลบกันเอาให้ชัด เพราะยิ่งกลบยิ่งเหม็น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่การมุบมิบ ต้องทำให้โปร่งใส และยินดีที่ประธานฯเอาเรื่องนี้มาพูดในสภา

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวต่อว่า ตนมีสิทธิ์จะกลัว แต่เมื่อท่านพูดมาอย่างนี้ตนไม่กลัวก็ได้ และยืนยันอีกครั้งว่า นายการุณไม่ใช่นักเลงหัวไม้ แต่เป็นคนพินอบพิเทา เป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียว

นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนเป็นพยานที่สำคัญคนหนึ่ง การที่ทั้งคู่ไม่ติดใจก็ไม่เป็นไร แต่ ตนรับไม่ได้กับวิธีการสอบสวน ตนไม่ทราบว่าคณะกรรมการเป็นใคร แต่เหตุใดจึงตั้งประเด็นการสอบสวนไว้แค่นั้นว่ามีการทำร้ายหรือไม่มีการด่ากันหรือไม่ ด่ากันกี่คำ ตนอยู่สภามานานไม่เคยเห็นว่าจะมีการด่ากันแบบนี้ แม้มีการเสียดสีบ้างแต่ไม่มีการพูดท้าทายกัน ตนเห็นว่าควรมีการสืบสวนสอบสวนว่าเหตุผลในการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นเพื่ออะไร จะได้หาทางป้องกัน เรื่องนี้ต้องทำอะไรเพื่อไม่ให้เกิดการท้าทายเกิดขึ้นกันแบบนี้

ด้าน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในสภาฯ ต้องพูดความจริง เราอย่างไปกลัว เราเป็นผู้แทนของประชาชนทั้งประเทศ ประชาชนจับตาอยู่ว่าพฤติกรรมคนอย่างนี้เป็นอย่างไร และนายการุณพูดความเท็จในที่ประชุมนี้ เพราะข้อสรุปของคณะกรรมการฯ ไม่ตรงกับที่นายการุณพูดและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และขอถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ที่พูดไม่สุภาพเขาพูดว่าอย่างไร

พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า คงพูดไม่ได้เพราะมันเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นประธานฯ พูดไม่พูดสุภาพเสียเอง ส่วนที่มี ส.ส.ถามเรื่องคณะกรรมการฯไม่ได้สอบสวนเรื่องสาเหตุในการเกิดเรื่องนั้นเรียนว่าคณะกรรมการฯ ได้สอบถามเรื่องนี้ ซึ่งสาเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะนายการุณเข้าใจว่านายสมเกียรติ์พูดจาท้าทาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ สอบถามประธานฯ เรื่องการเรียกนายการุณและนายสมเกียติเข้าหารือพร้อมกันนั้น เป็นความเห็นของ พ.อ.อภิวันท์เองเพื่อให้เกิดการยอมความกันหรือไม่ ซึ่ง พ.อ.อภิวันท์ ชี้แจงว่า เป็นความเห็นส่วนใหญ่ของคณะกรรมการฯตนจึงได้เรียกทั้ง 2 คนมาพบ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี

ด้าน นายสมเกียรติ ชี้แจงว่า ประธานฯเรียกตนไปพบจริงและตนไม่รู้ว่ามีนายการุณอยู่ ซึ่งส่วนตัวไม่ติดใจจริง แต่เรื่องสภาฯและพรรคก็ต้องว่ากันไป รวมถึงกระบวนการยุติธรรมก็ต้องว่ากันไป แต่ส่วนตัวไม่ติดใจจริง ซึ่งวันนั้นตอนออกจากห้องประธานมาก็มีผู้ใหญ่บอกว่าอย่าไปติดใจเอาความน้องเลย ตนก็บอกว่าไม่ติดใจแต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปและขอให้ตนใจเย็นลงกว่านี้อีกนิดหนึ่งก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนั้นปรากฏว่านายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะๆจนทำให้มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด จนทำให้ พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า ที่วันนี้พวกเรายังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เพราะรับผลสรุปไม่ได้ ซึ่งตนเข้าใจและจะยึดข้อบังคับการประชุมเป็นหลัก ซึ่งเราต้องฝึกภาวะความเป็นผู้ใหญ่ของพวกเราด้วย

จากนั้นนายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เหมือนเรากลัวความจริงแบบนี้ตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาทำไม อย่าให้กลายเป็นภาพว่าเรากำลังปกปิดเรื่องพวกเรากันเอง เรื่องที่เกิดขึ้นล้วนมีพยานหลักฐานยืนยันและไม่เชื่อมีการใช้คำอุบาทว์ชาติชั่วแบบนี้กันในสภาฯ โดยมีการใช้คำว่าไอ้หน้า(อวัยวะสืบพันธุ์หญิง)และใช้คำว่าไอ้หน้า(อวัยวะสืบพันธุ์ชาย) ดังนั้นขอให้เก็บเทปเหล่านี้ไว้ให้ดี

ซึ่งทำให้ส.ส.จากพรรคพลังประชาชนต่างลุกขึ้นประท้วงอีก โดยระบุว่าเรื่องนี้ประธานฯได้สรุปเรื่องทุกอย่างแล้ว ดังนั้นไม่ควรมาพูดเรื่องนี้อีก เพราะยิ่งเหมือนเป็นการนำเรื่องในบ้านออกมาประจาน และพยายามเสนอขอให้มีการประชุมลับ

ทำให้พ.อ.อภิวันท์ต้องขอให้นายพิเชษฐ์ถอนคำดังกล่าว จากนั้นร.ต.ท.เชาวริน ได้ลุกขึ้นประท้วงประธานฯว่าเหตุใดจึงปล่อยให้มีการพูดแบบนี้ในสภาฯ และปล่อยให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายเสียดสีอยู่ตลอด แบบนี้เรียกได้ว่ามือใหม่หัดขับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากใช้เวลาในการอภิปรายกันอย่างดุเดือด พร้อมทั้งมีการประท้วงกันอยู่ตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงพ.อ.อภิวันท์ได้ปิดการอภิปรายและสรุปว่า เราได้ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบและด้วยความเป็นธรรมแล้ว

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนนั่งฟังเรื่องนี้ด้วยความไม่สบายใจไม่อยากเห็นสภาฯเป็นแบบนี้ ตนพยายามฟังและเข้าใจความรู้สึกส.ส.ในซีกรัฐบาลที่ยังมีข้อเสนอแตกต่างกันไปบางคนบอกอยากให้จบในสภา บางคนก็บอกว่าให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งประเด็นนี้มีทั้งกระบวนการทางการเมืองและทางกฎหมายซึ่งเราไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ แต่ขบวนการทางการเมืองเพื่อนสมาชิกบอกว่าน่าจบตรงนี้ ให้อภัยกัน แต่เมื่อประธานฯได้แจ้งผลสรุปออกมาปัญหาคือข้อสรุปขัดแย้งกับคำชี้แจงของนายการุณที่พูดในสภาฯคนละอย่างกัน

“ ดังนั้นแม้ว่าฝ่ายค้านจะคิดไม่แตกต่าง แต่ผู้กระทำผิดต้องแสดงออกถึงการยอมรับความผิดก่อนจึงจะอภัยได้ แต่ถ้าทำแล้วบอกว่าไม่ได้ทำ แต่กรรมการฯมาบอกว่าทำ แล้วมาบอกให้อภัยจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าอยากให้จบคนกระทำก็ต้องแสดงท่าทีบางอย่างว่ายอมรับผลการสอบสวน ซึ่งหากไม่มีกรณีอย่างนี้ก็ไม่มีทางเลือกว่าต้องดูมีช่องทางทางการเมืองทำอะไรหรือไม่ เพื่อความเป็นธรรมทุกฝ่าย แต่ไม่อยากยอมรับก็ไม่เป็นไรเราก็จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป”

นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รองประธานประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าว่า เรื่องนี้หากจะทำก็ต้องใช้ประมวลจริยธรรมมาตรา 21 ตั้งคณะกรรมการจริยธรรมขึ้นมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับผลสอบที่ได้จากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดนี้ยังเป็นเพียงแค่เบื้องต้นเท่านั้นต้องส่งให้คณะกรรมการจริยธรรมดำเนินการ

ด้านพ.อ.อภิวันท์ ชี้แจงว่า ได้เตรียมนำผลสรุปในเรื่องนี้เสนอต่อประธานสภาคนใหม่เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น