ปธ.วิปฝ่ายค้านนัดหารือ ปธ.สภาเลื่อนโหวตนายกฯ ชี้สถานการณ์ไม่ปกติไม่ควรใช้เสียงข้างมากขืนใจ ปชช.ซ้ำสอง เรียกร้องให้สภาเผยแพร่คำวินิจฉัยบศาล รธน.คดีชิมไปบ่นไป เข้าถึง ปชช. พร้อมจัดตั้งรัฐบาลแข่งหากพรรคร่วมหันกลับมาสนับสนุน
วันนี้ (10 ก.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะขอหารือกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้เลื่อนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ออกไปในสัปดาห์หน้า เนื่องจากเห็นว่าไม่ควรเร่งรีบจนเกินไป หลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่าการนัดเลือกนายกฯ เร็วและรวบรัดเกินไป ทั้งที่การเมืองยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนเองก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจน ดังนั้น ประธานสภาควรทบทวนเลื่อนเวลานัดออกไป เพราะขณะนี้ยังไม่ได้ทำหนังสือนัดประชุมสภา จึงอยู่ในวิสัยที่จะเลือนวันออกไปได้ ที่สำคัญควรจะมีการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญด้วย
นายสาทิตย์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติจึงไม่ควรฟังเสียง ส.ส.อย่างเดียว แต่ควรฟังเสียงเจ้าของประเทศด้วย อีกทั้งการเลื่อนเวลาออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละพรรคการเมืองได้พูดคุยกันก่อน
อย่างไรก็ตาม นายสาทิตย์ ยอมรับว่า ก็มีการเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาลซึ่งเป็นเรื่องปกติที่หากพรรคพลังประชาชนยังไม่นิ่งและพรรคร่วมยังไม่มีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง และพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำให้พรรคร่วมยินยอมพร้อมใจสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็สามารถทำได้ แต่หากพรรคร่วมตกลงที่จะยังจับมือกับพรรคพลังประชาชนเราก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน การขอให้เลื่อนเวลาเลือกนายกฯคนใหม่ออกไปสัปดาห์ เราไม่ได้ยืด หรือประวิงเวลา เพื่อต่อรอง แต่ต้องยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงว่าทุกอย่างไม่นิ่ง ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องมีนายกฯ ที่มีความสง่างามในการแก้ไขปัญหาประเทศ เพื่อให้ทุกอย่างคลายวิกฤต
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สูตรจับขั้วระหว่างพรรคพลังประชาชนกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นสูตรที่เป็นไปไม่ได้จะไปตอบคำถามประชาชนอย่างไร อีกทั้งแนวทางทั้ง 2 พรรคก็ไปด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อขู่พรรคเล็กก็เป็นเรื่องของเขา ขณะนี้มี 2 แนวทาง คือ 1.พรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำรัฐบาล และตัดสินใจหนุนใครขึ้นมาเป็นนายกฯ และ 2.หากไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคร่วมหันมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีความเป็นไปได้ โดยจะมีเสียงมากกว่า พรรคพลังประชาชน 20 กว่าเสียง เกินกึ่งหนึ่งเพียงพอที่จะผ่านกฎหมายได้
ด้าน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.กล่าวว่า เราไม่ควรวิ่งตามพรรคพลังประชาชน ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างไร ขณะที่ประเด็นที่จำเป็นที่สุด คือ นายสมัครยังไม่แสดงท่าทีขอโทษและอธิบายต่อสังคมอย่างไรถึงข้อเท็จจริง รวมถึงแสดงความรับผิดชอบ โดยเฉพาะกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่ามีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน ซึ่งเป็นเรื่องปัญหาเกี่ยวกับจริยธรรม
