“สาทิตย์” เตรียมขอฉันทามติพรรคหาช่องส่งศาล รธน.ตีความนโยบายเปื้อนเลือด พบข้อมูล 49 ส.ส.รัฐบาลโดดประชุม ตอกย้ำ พปช.เมินจริยธรรมโหวตบัตรแทนกันส่งผลกระทบต่อองค์ประชุม
วันนี้ (14 ต.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในการประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคในช่วงบ่าย วิปฝ่ายค้านจะมีการหารือในประเด็นที่องค์ประชุมในวันแถลงนโยบายอาจจะมีปัญหา หรือส่อขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้วิปได้มีการเตรียมไว้ 3-4 ช่องทาง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยอาจจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านช่องทางผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา หรือ การที่ ครม.มีมติหลังแถลงนโยบายอาจจะมีการใช้ช่องทางผ่านทางศาลปกครอง แต่ทั้งหมดยังไม่มีความชัดเจน จึงต้องได้ข้อสรุปในที่ประชุมพรรคก่อน โดยข้อมูลจากการตรวจสอบเทปบันทึกการประชุมอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่ามีปัญหาหลายประเด็น โดยเฉพาะการประชุมแถลงนโยบายเป็นการประชุมตามมาตรา 127 ที่ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา คือ 311 เสียง โดยวันนั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ได้แจ้งว่ามีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 314 เสียง จึงได้มีการโหวตเห็นชอบก่อนที่จะมีการอภิปรายหรือไม่ ปรากฏว่ามีผู้เห็นด้วย 307 งด 2 ไม่เห็นด้วย 5 จึงถือว่าไม่ครบองค์ประชุม แต่ได้เกิดการทักท้วงจาก ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จึงนายชัยต้องสั่งพักการประชุม 10 นาที ก่อนที่จะมีการลงมติครั้งที่สอง จนได้มติ 320 เสียง จึงมีข้อสังเกตว่าการลงมติครั้งแรกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แล้วให้ลงมติใหม่ในครั้งที่สองทำให้ได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบคงทำไม่ได้ เพราะหากนำมาเทียบเคียงกับกรณีการโหวตผ่านกฎหมาย คือ หากครั้งแรกไม่ผ่านก็ต้องตกไป
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า หลังจากมีการพักประชุม 10 นาที แล้วมีการโหวตได้ 120 เสียง ปรากฏว่ามีสมาชิกอย่างน้อย 3 คนไมได้ลงชื่อเข้าประชุม แต่มีชื่อกดบัตรในการโหวต เรื่องนี้ นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้ออกมายอรับว่ามีความผิดจริงและเป็นความผิดเฉพาะตัว ซึ่งวิปฝ่ายค้านเห็นว่าไม่น่าจะใช่ความผิดเฉพาะตัว เพราะตามรัฐธรรมนูญ 126 ระบุว่า สมาชิกมีเสียงหนึ่งเสียงใด แล้วออกเสียงได้คนละ 1 ครั้ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่ากับว่ามีสมาชิกหนึ่งคนลงคะแนนเสียงได้มากกว่า 1 ครั้ง จึงมีชื่อของสมาชิกที่ไม่ได้ลงชื่อปรากฏอย่างที่เห็น นอกจากนี้ตามมาตรา 177 รัฐมนตรีไม่มีสิทธิลงคะแนนเนื่องจากการแถลงนโยบายรัฐมนตรีมีส่วนได้เสียกับการแถลงนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อหักจำนวนรัฐมนตรี 23 คนออกก็จะถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ดังนั้น วิปฝ่ายค้านจึงต้องดำเนินการเรื่องนี้ต่อเพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการของรัฐบาลในอนาคตเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินนโยบายหลังจากแถลงไปแล้วไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ ครม.อนุมัตินโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ด้าน ด้วยงบ 1.2 ล้านล้านบาท รวมถึงการโยกย้ายข้าราชการ 60-70 ตำแหน่งที่อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้หากมีผู้ได้รับผลกระทบไปร้องเรียนศาลปกครอง
ส่วนกรณีที่วิปรัฐบาลเตรียมที่จะมีการตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์กรณีไม่เข้าร่วมประชุม นายสาทิตย์กล่าวว่าสาเหตุที่พรรคไม่เข้าร่วมประชุมเพราะเราได้แสดงจุดยืนตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่อยากเหยียบกองเลือดประชาชนเข้าไปรับทราบในวันแถลงนโยบาย แต่ประเด็นไมได้อยู่ที่เข้าร่วมประชุมหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าในวันแถลงสามารถทำได้หรือไม่ ในเมื่อองค์ประชุมไม่ครบและมีการลงมติถึง 2 ครั้ง เพราะนอกจาก ส.ส.พรรคไม่เข้าร่วมประชุมยังมี ส.ส.ในซีกของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เข้าร่วมประชุมด่วน จำนวน 49 คน เป็น ส.สจากพรรคพลังประชาชน 35 คน มัชฌิมาธิปไตย 4 คน เพื่อแผ่นดิน 6 คน ชาติไทย 1 คน รวมใจไทยชาติพัฒนา 1 คน ประชาราช 2 คน