วิปฝ่ายค้านจวกมติ พปช.ประกาศแนวรบหวังดองเค็มฝืนความชอบธรรมไม่รับร่าง กม.ศาล รธน.และศาลฎีกา หวังแก้แค้นองค์กรอิสระ ตั้งท่าดูท่าทีซีกรัฐบาลยกมือโหวตวันนี้ ชี้เข้าข่ายหมิ่นเหม่และจะเป็นชนวนก่อให้เกิดวิกฤตต่อบ้านเมืองอีกรอบ
วันนี้ (20 ส.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน มีมติจะโหวตไม่รับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้วิปฝ่ายค้านยังไม่มีการพูดคุยกัน โดยเฉพาะการจะไม่รับร่างกฎหมายที่เสนอโดยศาลรัฐธรรมนูญ คือกฎหมายวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ การที่ตนเห็นมตินี้ก็รู้สึกแปลกใจมาก เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดว่าต้องมีระยะเวลาจัดทำให้เสร็จ โดยเฉพาะกฎหมายศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ในวาระที่ 1 ที่มีกากรรับหลักการด้วยเสียงเอกฉันท์ไปแล้ว
นายสาทิตย์ กล่าวว่า มติของพรรคพลังประชาชนที่ออกมาเข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะหนีหมายศาล ซึ่งการมีมติโหวตไม่รับของพรรคพลังประชาชนจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังแน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญและข้อบังคับจะไม่สามารถเสนอกฎหมายที่มีหลักการเดียวกันเข้ามาได้อีกในสมัยประชุมนี้ และจะเสนอได้อีกครั้งในสมัยประชุมหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ไม่มีกฎหมายมาบังคับใช้ และจะทำให้การพิจารณาคดีที่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญต้องสะดุดและติดขัด
“ผมพยายามดูเหตุผลว่าเหตุใดพรรคพลังประชาชนไม่รับหลักการ เท่าที่ทราบเหตุผล คือ ถ้ากฎหมายที่รัฐบาลเสนอแล้วไม่รับต้องลาออก แล้วองค์กรอิสระจะลาออกหรือไม่ ซึ่งผมดูแล้วเป็นเหตุผลที่ไม่ชอบธรรม เพราะกฎหมายดังกล่าวใช้คนละหลักกับฝ่ายนิติบัญญัติ ที่รับผิดชอบโดยรัฐบาล ผมกังวลว่านี่คือการใช้เหตุผลส่วนตัวแก้แค้นองค์กรอิสระ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และผมคิดว่ากำลังจะสร้างแรงกดดันใช้อำนาจต่อรององค์กรอิสระหรือไม่ เพราะขณะนี้รัฐบาลเกิดปัญหามากมาย ทั้งการถูกร้องต่อ ป.ป.ช. และเรื่องการยุบพรรคจาก กกต. ถ้าเป็นอย่างนี้ผมคิดว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายหรือหมิ่นเหม่ที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งต้องดูพฤติกรรมของรัฐบาลต่อไป” นายสาทิตย์ กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ต้องรอดูว่าวิปรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร แต่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะเราเห็นว่าองค์กรอิสระควรจะมีเครื่องมือในการทำงานของตัวเอง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องอธิบายให้ได้ว่าเหตุใดถึงมีมติจะไม่รับหลักการ และที่พยายามอ้างว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายการเงิน ที่ต้องส่งกลับไปให้นายกฯ โอกาสที่จะถูกดองเค็มมีแน่นอน และที่พรรคพลังประชาชน อ้างว่าองค์กรอิสระมากจากรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบ ตนก็ขอย้อนถามว่าตัวเองที่เป็น ส.ส.รวมทั้งรัฐบาลก็มาจากรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบ ทำไมไม่ลาออกไป แต่กลับมาใช้อำนาจจากรัฐธรรมนูญปี 50
เมื่อถามว่า คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลควรจะแสดงจุดยืนในเรื่องนี้อย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนพยายามประสานไปยังพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น แต่จากการพูดคุยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบเรื่อง ตนมีความเป็นห่วงเพราะพรรคพลังประชาชนมีเสียงข้างมาก ก็สามารถกดดันการตัดสินใจพรรคร่วมรัฐบาลได้หมด ลำพังแค่เสียงของพรรคพลังประชาชนก็เกินครึ่งแล้ว สามารถโหวตหักกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทุกองค์กรอิสระได้ ทั้งนี้ หากรัฐบาลยืนยันจะดำเนินการในแนวทางนี้ก็จะส่งผลต่อความชอบธรรมของรัฐบาล เหมือนกับการที่นายกฯ ประกาศจะถอยให้ถึงที่สุดแต่ก็ถอยไม่จริง และยังถือว่าเป็นยุทธการแก้แค้นและเป็นการประกาศแนวรบต่อองค์กรอิสระโดยเปิดเผยและเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นปัญหาไปทับถบวิกฤติของบ้านเมืองมากขึ้น ตนจึงอยากให้วิปรัฐบาลตัดสินใจเสียใหม่
ต่อข้อถามว่า ฝ่ายค้านจะมีการดำเนินการอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า จะดูจากเจตนาและคำแถลงของรัฐบาลในการโหวตวันนี้ (20 ส.ค.) ทั้งนี้ ต้องรอดูก่อนว่าจะเข้าข่ายหมิ่นเหม่รัฐธรรมนูญ มาตรา 122 หรือไม่ ซึ่งการตัดสินใจอย่างนี้ก็ถือว่ารัฐบาลหมิ่นเหม่มากแล้ว
