“ตรวจการแผ่นดิน”รุกพบ ปชช.อีสาน – แฉ“ตร.” ถูกร้องมากสุด-โคราชแชมป์อีสาน

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดินรุกพบปชช.ภาคอีสานพร้อมเปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์ 10-11 ก.พ.ที่โคราช เผยสถิติรับร้องเรียนทั่วประเทศมีกว่า 20,000 เรื่อง ดำเนินการเสร็จแล้วกว่า 95 % ชี้หน่วยงานถูกร้องมากสุดคือ “สตช. “รองลงมา ก.มหาดไทย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องพฤติกรรม จนท.รัฐกร่าง ข่มขู่ กลั่นแกล้ง และกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนโคราชจังหวัดเดียวมีร่วม 300 เรื่องมากสุดในภาคอีสาน รองลงมาคือ อุดรฯ , ขอนแก่น และอุบลฯ ขณะชาวปากช่องบุกร้องถูกตร.ขับไล่ออกจากที่อยู่อาศัย-ทำกินกว่า 2,000 ไร่

วันนี้ ( 10 ก.พ.) ที่โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานเปิดนิทรรศการตามโครงการ “ผู้ตรวจการแผ่นดินพบประชาชนในส่วนภูมิภาค” และการแข่งขันตอบปัญหาชิงทุนการศึกษา โดยมีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนใน จ.นครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมงานกว่า 400 คน

ทั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยให้แก่เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้ตระหนักถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และสร้างความเข้าใจถึงบทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ

ภายในงานมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ขององค์กรอิสระ เช่น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ,สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมเปิดรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนชาวอีสานที่ได้รับความเดือดร้อนจากหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจในระหว่างวันที่ 10-11 ก.พ.นี้

ขณะเดียวกันภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดนิทรรศการ ได้มีราษฎรจาก บ้านหนองไผ่ล้อม ม.14 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กว่า 20 คน เดินทางมาชูป้ายชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรมพร้อมเข้าร้องทุกข์กับผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เข้าไปขับไล่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่และที่ทำกินจำนวน 53 หลังคาเรือน ให้ออกนอกพื้นที่ โดยอ้างว่าจะนำที่ดินจำนวน 2,000 ไร่ไปสร้างสำนักงาน

พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า บทบาทสำคัญของผู้ตรวจการแผ่นดิน คือ การทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครองด้วยการนำปัญหาความเดือดร้อนที่ประชาชนร้องเรียนมาพิจารณาแล้วเสนอทางแก้ไขไปยังหน่วยงานรัฐ เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งโดยเน้นแนวทางสมานฉันท์และสันติวิธีมากกว่ามุ่งจับผิดด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (รธน.) พ.ศ. 2550 ได้เพิ่มเติมภารกิจให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรวจสอบการละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรในกระบวนการยุติธรรมด้วย

สำหรับสถิติการร้องเรียนของประชาชนที่ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินโดยผ่านช่องทางหลายวิธี เช่น ยื่นเรื่องด้วยตนเอง , ส่งทางไปรษณีย์,ส่งผ่านบุคคลอื่น,ส่งผ่าน ส.ส. หรือ ส.ว.,ร้องเรียนทางโทรศัพท์ และ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่ปี 2543 – 2552 มี เรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวน 20,020 เรื่อง ดำเนินการเสร็จแล้ว 19,028 เรื่อง หรือร้อยละ 95.04 มีเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการจำนวน 992 เรื่อง ส่วนปีงบประมาณ 2553 (1 ต.ค. 52-30 ธ.ค.53) มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาแล้ว 477 เรื่อง

พล.อ.ธีรเดช กล่าวอีกว่า หน่วยงานที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รองลงมาคือ กระทรวงมหาดไทย สาเหตุที่หน่วยงานเหล่านี้ถูกร้องเรียนมากส่วนหนึ่งมาจากเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากและต้องให้บริการประชาชนหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นปัญหาความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นง่าย สำหรับประเด็นที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ ปัญหาความประพฤติของเจ้าหน้าที่

เช่น การข่มขู่ การแสดงกริยาไม่สุภาพ ปัญหากรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน และปัญหากลั่นแกล้ง ดำเนินคดีล่าช้า แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ใช้แนวทางสันติวิธีประนีประนอมในการยุติปัญหาเป็นการแก้ไขปัญหาแบบให้ทุกฝ่ายได้รับความพึงพอใจ

สำหรับ จ.นครราชสีมา มีเรื่องร้องเรียนเข้าสู่ระบบการตรวจสอบและพิจารณาตั้งแต่ปี 2543-2553 จำนวน 299 เรื่อง โดยดำเนินการพิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน 285 เรื่อง และอยู่ระหว่างการพิจารณา 14 เรื่อง โดยหน่วยงานที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุด คือ กระทรวงมหาดไทย 175 เรื่อง , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 26 เรื่อง , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 21 เรื่อง , กระทรวงศึกษา 18 เรื่อง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ 13 เรื่อง ซึ่งนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือ จ.อุดรธานี, จ.ขอนแก่น และ จ.อุบลราชธานี