“เพ็ญ” ทำปากกล้าท้าฝ่ายค้านยื่นถอดถอนพ้นเก้าอี้รัฐมนตรี พูดยียวน “ใครมีหน้าที่ถอดก็ถอด ใครมีหน้าที่ใส่ก็ใส่” กอดหลักการอ้างประชาธิปไตยจนเวียนหัว ยันเดินหน้าแก้ รธน.ระบุเพื่อปิดหลุมพรางที่ถุกขุดล่อเอาไว้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (13 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ไม่มีปัญหา ฝ่ายค้านมีหน้าที่ถอดก็ถอด สำหรับตนเองมีหน้าที่ใส่ก็ใส่ ถือว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ตามระบบรัฐสภา อะไรก็ตามถ้ามาตามระบบรัฐสภารับได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะตั้งข้อกล่าวหาหรือมีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนอย่างไร เมื่อเข้ากระบวนการแล้วก็ยินดีที่จะไปชี้แจง หรือส่งข้อมูล หรือฝ่ายค้านอยากจะเรียกบุคคลใดๆ ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาของท่านก็ยินดีสนับสนุนให้ทุกฝ่ายไปให้ข้อมูล ไม่ว่าอะไรก็ตามหากเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ตนสนับสนุนทุกประการไม่ว่าจะเป็นเรื่องบวกหรือลบกับตัวเองก็ตาม
นายจักรภพ ยังกล่าวถึงการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรที่มีเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลหายไป 2 เสียง ซึ่งมองกันว่าอาจมีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลว่า ตอนนี้เราอยู่ในระยะที่จับทางกันใหม่ในเรื่องของประชาธิปไตย เนื่องจากที่ผ่านมาเรามีพรรคการเมืองที่ยังมีจุดยืนไม่แน่นอนนักในการสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ซึ่งอิทธิพลของแนวความคิดอย่างนี้ก็ยังมีผลกระทบโดยทั่วไป ซึ่งเราก็มีหน้าที่ในการที่จะรักษาประชาธิปไตยกันต่อไป ส่วนรัฐบาล พรรคไหนจะมีความประพฤติที่ประชาชนยอมรับได้ หรือไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องของรายละเอียดของแต่ละบุคคล ตอนนี้เรามารักษาระบบกันไว้ก่อนแล้วเรื่องตัวบุคคลค่อยมาสังคายนากันอีกทียังมีเวลา
“ความเห็นที่ไม่ตรงกันมันไม่ใช่รอยร้าว มันเป็นเรื่องความเห็นเฉพาะตัวคนเท่านั้น แต่หากเป็นการวางแผนกันมาจึงจะเป็นรอยร้าว แต่นี่ไม่ใช่ มันเป็นความเห็นโดยบริสุทธิ์ใจของบุคคลนั้น จึงคิดว่าแค่ไหนก็แค่นั้น แค่ถึงแม้ว่าเสียงที่หายไปจะไม่มาก แต่ในพรรคก็ต้องสดับตรับฟังและให้ความสนใจกับเรื่อง ซึ่งผมคิดว่าควรจะมีการจัดการภายในกัน” นายจักรภพ กล่าว
นายจักรภพ ยังกล่าวถึงการที่พรรคชาติไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลงดออกเสียง สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหรือไม่ว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบเพราะถูกเขาจำกัดทางไว้หมด ถูกดักทางไว้หมด มีการขุดหลุมพรางล่อไว้มากมาย ดังนั้น การที่เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งก็คงไม่มีตัวบุคคลที่สมบูรณ์พร้อมในการที่จะทำงานเพื่อบ้านเมืองในระยะนี้ แต่เราจะอาศัยระบบที่จะช่วยเหลือให้ทำงานได้อย่างดีนั่นก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการลงมติเลือกประธานสภาฯ ทำให้พรรคพลังประชาชนต้องเอามาเป็นบทเรียนในการประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ความจริงบทเรียนมันมากกว่านั้น มันเป็นบทเรียนที่ว่าด้วยเรื่องของการผ่านระยะที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยมา มันก็ย่อมจะมีจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกัน ย่อมจะมีความลังเลไม่แน่ใจว่าประชาธิปไตยจะชนะหรือไม่ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ดังนั้นหากเราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือทำให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยมั่นคง แข็งแรง ปัญหาอื่นจะแก้ตามมาได้ในที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าเหตุที่ต้องจัดระเบียบสื่อซึ่งเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม แสดงว่าได้รับสัญญาณว่ากระบวนการรัฐประหารกำลังจะเกิดขึ้น นายจักรภพ กล่าวว่า จริงๆ ตนเพียงอยากจะรู้ว่าในบ้านเมืองนี้จะมีใครที่จะออกมายืนยันว่าสื่อมวลชนสามารถที่จะเรียกหาการรัฐประหารได้ อยากจะรู้ว่ายังมีใครในบ้านเมืองนี้ที่คิดว่าการรัฐประหารด้วยการยึดอำนาจโดยใช้อาวุธปืนและรถถังเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสามารถแก้ปัญหาได้ แต่สำหรับสื่อภาครัฐมีหน้าที่ในการรักษาระบอบประชาธิปไตยโดยไม่เรียกเอาคนมาทำลายระบอบประชาธิปไตยโดยตรง ส่วนสื่อเอกชน ไปยุ่งกับเขาไม่ได้ เป็นจุดยืนโดยอิสระ เสรีภาพ แต่คงไม่ใช่หมายความว่าเสรีภาพนั้นจะไม่มีขอบเขตจำกัด เสรีภาพที่ทำให้คนส่วนใหญ่ถูกลดค่าในความเป็นมนุษย์ ตรงนี้ต้องถามตัวเองว่ายังเป็นเสรีภาพที่เอามาเชิดชูกันได้จริงหรือไม่
/0110