xs
xsm
sm
md
lg

"เพ็ญ"ไขสือไม่รู้ใคร"หัวเถิก" ทหารลั่นไม่มีใครปั่นหัวได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ถึง"ไอ้หัวเถิก" เป็นตัวการสร้างเรื่องหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และอยากจะให้ตำรวจดำเนินการกับนายจักรภพ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ว่า ขอบคุณและซาบซึ้งกับสิ่งที่นายสมัคร ได้กล่าวไว้ ถือว่าเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะตนไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้น ส่วนตัวนั้นคงจะไม่ทำอะไรเพิ่มเติม นอกจากจัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องในการบรรยาย กับสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และจะจัดทำเพื่อเผยแพร่ในเร็ววันนี้
ส่วนการเคลื่อนไหวอื่นๆนั้นก็จะว่าไปตามนายสมัครแนะนำ ซึ่งตนมองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการจงใจเจตนาหาเรื่องกัน เพราะหากดูคำแปลในคำบรรยายของตนนั้น ถือว่าแปลผิด และหาเรื่องทั้งนั้น
เมื่อถามว่าจะนำคำแปลที่ถูกต้องไปมอบให้ตำรวจหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า ตนจะทำในขั้นต่อไป คือเมื่อแปลเสร็จแล้วจะไม่รอให้ตำรวจรียกตน โดยตนจะนำเอกสารภาษาอังกฤษ และภาษาไทยไปมอบให้ตำรวจด้วยตัวเอง เผื่อว่าอาจมีอะไรสอบถามเพิ่มเติมในวันนั้น ตนจะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเสียเลย อยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการดับชนวน
เมื่อถามว่า กลุ่มที่จ้องหาเรื่องนั้น ทราบหรือไม่ว่าชื่ออะไร และอยู่กลุ่มใดนายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ทราบชัดเจน แต่ทราบว่ามี 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มจงใจหาเรื่องเพื่อให้รัฐบาลมีปัญหา 2. กลุ่มที่เชื่อโดยสุจริตใจว่าพูด และมีพฤติกรรมแบบนั้นจริงๆ กลุ่มนี้ตนเป็นห่วง และอยากสื่อสารให้สบายใจว่า ไม่มีใครในรัฐบาลนี้เลยที่มีความคิด และพฤติกรรมเช่นนั้น
เมื่อถามว่า ทำไมช่วงนี้รัฐบาลโดนโจมตี เรื่อง ชาติ และสถาบันฯ อย่างหนัก นายจักรภพ กล่าวว่า การหยิบเอาเรื่องสำคัญของบ้านเมืองออกมา คงเป็นเจตนาของคนที่หยิบยกเรื่องนี้ ให้มีผลทางใดทางหนึ่ง คือคงคิดว่าหาเรื่องนี้แล้วจะได้ผลทางการเมือง
"การต่อสู้ในช่วงนี้มีเรื่องเดียวคือสถาบันฯ น่าสังเกตว่า นำเสนอประเด็นนี้บ่อย และถี่เรื่อยๆ คงไม่ต้องย้ำว่าไม่มีใครมีในเมืองไทยสบายใจ ที่นำเรื่องนี้มาสู่สนามการเมือง สถาบันฯอยู่สูงกว่าการเมืองและไม่เกี่ยวข้องการเมือง ของใครก็ไม่ควรเกี่ยวข้อง" นายจักรภพกล่าว

**โบ้ยไม่รู้ใครหัวเถิก
เมื่อถามว่า นายสมัคร กล่าวถึงคนหัวเถิก ที่อ้างสถาบันฯ และสร้างความวุ่นวายทางการเมืองนั้น อยู่ในกระบวนการนี้ด้วยหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า มันมีหลายคน และมีหลายทรงผม ฉะนั้นคงไม่สามารถระบุเจาะจงไปได้ว่าเป็นทรงผมใด เมื่อถามว่า คนๆนี้อาจเสียผลประโยชน์ เพราะนายจักรภพ ต้องการจัดระเบียบสื่อมวลชน นายจักรภพ กล่าวว่า ตนคิดว่าตอนนี้เราเคลื่อนมาถึงจุดที่วงการสื่อมวลชนได้พัฒนาขึ้นหลายเรื่อง และอาจไม่สบอารมณ์ใครที่เสียผลประโยชน์ ก็เป็นได้ แต่ตรงนี้ตนไม่ทราบ รู้แต่ว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดนั้น ทำตามความจำเป็นที่ต้องทำ และอยากให้นำบ้านเมืองเป็นหลัก อย่าเห็นแก่เรื่องความแค้น และความคิดว่าหากคนไม่ได้มีโอกาสทำงานเพื่อบ้านเมืองก็ต้องโค่นทุกคนที่ขวางหน้าให้หมด อย่างนี้คงจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้
เมื่อถามว่า ในฐานะร่วมงานในครม. ระบุบุคคลที่นายสมัครอ้างได้หรือไม่ว่าเป็นใคร นายจักรภพ กล่าวว่า คงระบุไม่ได้ เพราะนายสมัคร พบบุคคลเยอะในแต่ละวัน อาจมีคนหัวเถิกหลายคน เมื่อถามว่า ใช่บุคคลที่เว็บไซต์ต่างๆระบุถึงหรือไม่ และใครที่มีอำนาจเรียก ผบ.ตร.ไปพบได้ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่รู้เพราะมีหลายเว็บไซต์ และมีหลายเหตุการณ์ แต่เอาเป็นว่า ตนไม่รู้ และต้องตีความว่า เถิกมาก เถิกน้อย เมื่อถามว่านายสมัคร พูดกำกวมแบบนี้ สังคมก็สงสัย ฉะนั้นควรเปิดเผยเลยว่าเป็นใคร นายจักรภพ กล่าวว่าต้องสอบถามนายสมัคร แต่บางเรื่องนั้นเป็นการทำงานแบบไทยๆ คือส่งสัญญาณให้รู้ว่า คนอื่นรู้กันว่าทำแบบนี้ ฉะนั้นหากหยุดยั้งพฤติกรรมต่างๆได้ ก็คงไม่ต้องเผชิญหน้ากัน เจตนาคือต้องการให้ปรับตัวโดยไม่ต้องประจานกันมากกว่า โดยพูดเพียงแค่ทรงผม
เมื่อถามว่า ขบวนการโค่นรัฐบาลที่นำไปสู่การรัฐประหารนั้น เป็นเช่นใด นายจักรภพ กล่าวว่า เหมือนเดิม หากใครอยากรู้ว่า ขบวนการนี้ทำงานอย่างไร ขอให้ไปอ่านประวัติศาสตร์สองช่วงคือ 1. ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ที่นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดนเหมือนตนในช่วงนี้ คือโดนกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี และตอนหลังนายสุรินทร์ เส้นโลหิตแตก หมดสภาพ และเสียชีวิตในที่สุด สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นประวัติศาสตร์มาสอน ลำดับเรื่องได้ และ 2. เหตุการณ์ก่อน 19 ก.ย. 49 แต่พิสูจน์ได้ว่า 30 ปีที่ผ่านมานี้ บุคคลและขบวนการเบื้องหลังเหล่านี้ไม่ได้พัฒนาความคิดเลย

**สื่อรัฐห้ามล้ำเส้นตีข่าวปฏิวัติ
ส่วนเรื่องการจัดระเบียบสื่อของรัฐ ในการห้ามสนับสนุนการรัฐประหารนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อมวลชนหลายคนที่เริ่มส่งเสียงในทางที่ว่าทหารควรมีความเคลื่อนไหว และชูทหารบางคนขึ้นมาอย่างชัดเจน ตนก็คิดว่าเรื่องนี้ทำท่าจะย้อนกลับรอยเก่า และหากไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ สื่อใดๆ และสื่อของรัฐสามารถวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ ตามสิทธิเสรีภาพ เรื่องนี้รัฐและเอกชนจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่การเชียร์ให้ฉีกรัฐธรรมนูญ และโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเชียร์ให้ยึดอำนาจรัฐประหาร ตนคิดว่าล้ำเส้นและเกินเลยไปมาก ตนก็ได้หารือกับนายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ว่า ควรจะมีการปรับระเบียบให้ชัดเจน สื่อของรัฐสามารถวิจารณ์รัฐบาลได้ ตลอดเวลา แต่จะก้าวล้ำไปเรียกร้องการรัฐประหารไม่ได้ ถือว่าละเมิดรัฐธรรมนูญ และทำผิดกฎหมายบ้านเมือง
เมื่อถามว่า แสดงว่าขบวนการ และบุคคลที่จะก่อการรัฐประหารมีความเด่นชัดจน มองเห็นแล้ว นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่หรอก เราต้องตัดไฟแต่ต้นลม การรัฐประหารนั้นเป็นของส่วนเกินในระบอบประชาธิปไตย และก่อให้เกิดปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ฉะนั้นใครที่มีเครื่องมืออยู่ในมือ และไปสื่อสารแบบนั้น ตนถือว่าไม่ช่วยกัน ฉะนั้นต้องออกระเบียบนี้
เมื่อถามว่า คล้ายว่าแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน นายจักรภพกล่าวว่า ตนอยากให้คนที่พูดแบบนี้ออกมาบอกเลยว่า เห็นด้วยกับการรัฐประหารและมีสิทธิสนับสนุนการรัฐประหาร พูดง่ายๆ จะห้ามเฉพาะการสนับสนุนการรัฐประหาร และสิ่งตรงข้ามก็คือ การสนับสนุนการรัฐประหาร ฉะนั้นใครที่เห็นว่ามีสิทธินั้นก็แสดงตัวออกมาให้สังคมรับทราบว่า สื่อมวลชนนั้นๆ มีสิทธิเรียกทหารออกมายึดอำนาจ
เมื่อถามว่าบรรทัดฐานที่จะนำมาในวัดว่าสื่อนั้นๆ สนับสนุน หรือคัดค้านการรัฐประหาร นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายเผชิญ ในการออกระเบียบตามที่ตนให้นโยบายไปว่า รัฐบาลประชาธิปไตยจะยอมให้ใครยืนประกาศดังๆ กับสังคมว่า มายึดอำนาจ และฉีกรัฐธรรมนูญกันเถอะ ตรงนี้ตนยอมไม่ได้

**ไม่มีใครปั่นหัวกองทัพได้
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. กล่าวถึงกรณีที่นาย จักรภพ สั่งห้ามสื่อของรัฐไม่ให้นำเสนอข่าวการปฏิวัติ ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่เคยได้ยิน แต่การปล่อยข่าวเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารมันมีมูลมากน้อยแค่ไหนจะต้องพิจารณา คนที่พูดอาจจะพูดไปเรื่อยเปื่อย ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ยังไม่มีอะไร ใครจะมาจุดชนวนกองทัพได้ ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายทำงานกันด้วยความระมัดระวัง และอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริตทุกอย่างประเทศชาติก็จะเรียบร้อย"
เมื่อถามว่า กองทัพจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่สบายพระทัยต่อสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า พระองค์ท่านทรงสดับตรับฟังสถานการณ์บ้านเมืองทุกเรื่อง ทุกคนต้องทำให้ดีที่สุด เราควรจะรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่พระองค์ท่านอยากจะเห็นบ้านเมืองว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะฝากอะไรไปถึงกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล และ ต่อต้านรัฐบาล ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันจนถึงขั้นนองเลือด พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ฝากให้ทุกคนทุ่มเททำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุดไม่ก้าวก่ายงานของคนอื่น มีความซื่อสัตย์สุจริต ยึดแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทุกคนควรยึดเหนี่ยว เมื่อทุกคนปฏิบัติตามประเทศชาติก็จะเกิดความรุ่งเรือง
เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพ ได้มีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองอย่างไรบ้าง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ทุกคนคงคิดเหมือนกัน เราทำตัวให้ดี ผบ.เหล่าทัพจะคุยกันในแง่ดี ทำงานในหน้าที่ให้ดีทีสุด ไม่ต้องไปว่อกแว่กกับการเมือง ต้องปล่อยให้การเมืองว่ากันไป หากเราไปว่อกแว่กกับการเมืองก็จะไม่ต้องทำงาน รัฐบาลยุคไหนก็มีปัญหา ถ้าเข้าไปวอกแวก
"ผบ.เหล่าทัพทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพราะเรารู้หน้าที่ของเราว่าเราควรทำอะไรแค่ไหนอย่างไร รวมถึงกองทัพก็สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลได้เป็นอย่างดีไม่มีปัญหาอะไรเช่นเดียวกัน เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่"พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น