“หมัก” จับเข่า "5 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล" ร่วมโต๊ะอาหารอิตาเลี่ยน ด้าน “ประดิษฐ์” ถือโอกาสจูบปาก “เชษฐา” โชว์สื่อ พร้อมปัดข่าวคนแห่ถอนเงินหวั่นเกิดปฏิวัติ ก่อน "5 หัวหน้าพรรคร่วม" พร้อมใจเฉไฉปัดถกมุ่งแก้ รธน. โบ้ยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ส.ส.-วิปรัฐบาล
วันนี้ ( 7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการหารือของ 6 หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยน “ไพซาโน” ย่านชิดลม ตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นมา ซึ่งปรากฏว่ามีผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่ไปรอทำข่าว โดยเฉพาะรถถ่ายทอดสดจากสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ที่ได้เดินทางมาตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันนี้ ทั้งนี้ก่อนเวลานัดหมายบรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปด้วยความสงบ ไม่ได้มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแต่อย่างใด เนื่องจากมีแขกของร้านเดินทางมารับประทานอาหารอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเมนูอาหารที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ ประกอบด้วย ซุปกุ้ง สลัดพิเศษ และอาหารประเภทปลา 3-4 ชนิด อาทิ ปลาโซล ปลาเเซลมอน นอกจากนี้ยังมี ฟ๊อคช๊อป หอยลายอบซอสเนย ส่วนขนมหวาน ประกอบด้วย เค้กเย็นรสผลไม้ และไอศกรีมรัม และเครื่องดื่มเป็นประเภท พันซ์ โดยมีการจัดที่พิเศษไว้จำนวน 9 ที่ ที่สำคัญ ร้านอาหารแห่งนี้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 30 ปี โดยมีเจ้าของร้านชื่อ ภัทรา สมบัติ ส่วนสามีของนางภัทรา เคยเป็นอดีตเชฟร้านไพซาโนที่ประเทศแคนาดา และคำว่า “ไพซาโน” ในภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า “พวกเดียวกัน”
หัวหน้าพรรคการเมืองที่เดินทางมาถึงเป็นคนแรกได้แก่ พล.อ.เชษฐา ฐานะชาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้ไม่มีธงมา เพราะธงอยู่ในใจ หลังจากนั้นตามด้วนนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ตามด้วยนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยนายสุวิทย์ กล่าวว่า การหารือในวันนี้ ตนจะหารือถึงเรื่องปากท้องของประชาชน ซึ่งตนจะขอให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ช่วยดูในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ตามติดมาด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย พ.ต.ท.บรรณยิน ตั้งภากรณ์ เลขาธิการพรรคมัชฌิมาฯ ขณะที่นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า วันนี้นำธงของพรรคมัชฌิมาฯ มา เป็นธงเหลี่ยมๆ สัญญาลักษณ์คนคว่ำ
จนกระทั่งเวลา 19.40 น. นายสมัคร ได้เดินทางมาถึง แล้ะเมื่อเจอกับกองทัพผู้สื่อข่าวถึงกับเอ่ยถามขึ้นว่า “ทำไมมากันมากมายขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อ” จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกฯ ว่า จะแถลงข่าวเองหรือไม่ นายสมัคร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยการเดินเข้าไปร้านอาหารทันที จากนั้นเลขาฯ ส่วนตัวของนายสมัคร ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า จะไม่มีการแถลงข่าวภายหลังการหารือ และคนสุดท้ายที่เดินทางมาถึงคือ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการรับประทานอาหารว่า นายประดิษฐ์ ได้เดินเข้าไปไหว้ พล.อ.เชษฐา ซึ่งได้มาถึงก่อน จากนั้นนายประดิษฐ์ ก็ได้หันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า “เห็นไหม ไหนใครบอกว่าผมกับหัวหน้าแตกคอกัน” จากนั้นนายประดิษฐ์ จึงเข้าไปนั่งใกล้กับ พล.อ.เชษฐา พร้อมกับสั่งแชมเปญ และขนมปังมารับประทานก่อน จากนั้นนายสุวิทย์ และ ร.ต.ประพาส ลิปพันธุ์ รองหัวหน้าพรรครวมใจไทย จึงได้เข้าไปร่วมโต๊ะ
ต่อมา นางอนงค์วรรณ พ.ต.ท.บรรณยิน พล.ต.สนั่น และนายเสนาะ ต่างทยอยเดินเข้าร่วมโต๊ะอาหาร จากนั้นนายสมัคร เดินเข้ามา นายเสนาะ ซึ่งสวมเสื้อผ้าไหมสีเหลือง จึงกล่าวขึ้นว่า “ต้องขอโทษด้วย ผมแต่งตัวไม่เข้ากับบรรยากาศ” นายสมัครตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมก็ถอดเสื้อนอกออก” พร้อมกับเชิญนายเสนาะ ให้นั่งด้านซ้ายมือ ต่อด้วยนายสุวิทย์ นางอนงค์วรรณ และ พ.ต.ท.บรรณยิน ขณะที่ด้านขวาเก้าอี้ตัวแรกเป็นที่นั่งของนายบรรหาร ต่อด้วย พล.อ.เชษฐา พล.ต.สนั่น นายประดิษฐ์ ร.ต.ประพาส ซึ่งหมายถึงเรียงลำดับตามความอาวุโส
เมื่อมาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาครบทุกคนแล้ว นายสมัคร กล่าวขึ้นว่า “ที่ผมเลือกอาหารร้านนี้ เนื่องจากเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ และถ้าไม่ถือสา จะกินอาหารให้อร่อยต้องถอดเสื้อด้วย” จากนั้นบรรดาหัวหน้าพรรคต่างพากันถอดเสื้อนอก ขณะที่นายสมัคร ได้ปล่อยมุขแซวนางอนงค์วรรณ ว่า “อนงค์วรรณ ถอดไม่ได้ เพราะเป็นผู้หญิง”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่รอให้บรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาครบทุกคน พล.อ.เชษฐา ได้กล่าวขึ้นว่า “การนัดทานข้าวครั้งนี้กับนายสมัคร ไม่เหมือนกับการทานข้าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชอบนัดมารับประทานอาหารด้วยกัน” ขณะที่กัปตันของร้าน กล่าวว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบพาครอบครัวมารับประทานอาหารที่ร้านนี้ โดยเฉพาะวันวาเลนไทน์ หรือแม้แต่ช่วง พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมาประเทศไทย ก็ยังพาครอบครัวมากินที่นี่”
ด้าน นายประดิษฐ์ กล่าวว่า “กระแสข่าวปฏิวัติที่หนาหูเวลานี้ ทำให้มีข่าวว่ามีการถอนเงินจำนวนมากออกจากธนาคาร ผมอยากยืนยันว่าไม่มีการถอนเงินจำนวนมากอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด มีนักข่าวมาถามผมเรื่องนี้ ก็ได้บอกไปว่า ขอตรวจสอบก่อน แต่คิดว่าเป็นข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกมากกว่า เพราะเรื่องที่นายสมัคร ออกมาปูดข่าวปฏิวัตินั้น คงไม่มีอะไร ต้องเข้าใจสไตล์นายกฯ ว่า ท่านคิดอะไร พูดอะไร ต้องจับประเด็นให้ถูก และถ้าสื่อกลัวตกประเด็นก็ยิ่งไปกันใหญ่”
โดยภายหลังการหารือ นายสุวิทย์ กล่าวว่า นายสมัคร ระบุว่า อยากให้ทุกคนช่วยกันทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องที่กระทบกับประชาชน โดยให้ถือเป็นปัญหาเร่งด่วน ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ให้เป็นเรื่องของสภา โดยจะให้สมาชิกในสภาฯ ไปพิจารณาร่วมกัน และไม่มีพรรคไหนพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการแก้กฎหมายมาตรา 309
ขณะที่ นายบรรหาร กล่าวว่า นายสมัคร ระบุว่า การทำงานของรัฐบาล 6 พรรค มีอะไรก็ต้องพูดคุยกัน และอยากให้แยกรัฐธรรมนูญกับรัฐบาล เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ จะแก้อย่างไรก็คงจะไม่เกี่ยวกัน วันนี้ยังไม่มีการคุยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และโดยส่วนตัวก็ยังไม่เห็นร่าง
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีการแปรญัตติ ซึ่งเราจะแปรญัตติในหลายมาตรา และเรื่องนี้เป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ส่วนเรื่องเงื่อนเวลาการแก้ไขนั้น ขณะนี้ยังไม่มี เพราะผมยังไม่เห็นร่างแก้ไข ดังนั้นวันนี้จึงเป็นการหารือเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป ที่สำคัญคือ นายสมัคร เขาชมรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยเรื่องการทำงาน”นายบรรหาร กล่าว
เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะอาจไม่ทันสมัยประชุมนี้ หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า โดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่ทัน แต่ต้องดูว่าจะมีคนเสนอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญหรือไม่ และการที่นายกฯ แยกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ตนสบายใจ เพราะทุกอย่างสามารถแยกกันได้ อย่างไรก็ตามจะมีการหารือระหว่างพรรคร่วมอีกครั้งในเร็ววันนี้
ขณะเดียวกัน นายเสนาะ กล่าวว่า นายสมัคร ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ส่วนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ขอให้เป็นเรื่องของสภาฯ และไม่มีหารือ หรือล๊อบบี้ให้โหวตเลือกนายชัย ชิดชอบ บิดาของนายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ แต่อย่างใด ทั้งนี้มีการนัดกันว่าไม่น่าจะเกิน 2 เดือน ต้องผลัดกันเป็นเจ้าภาพ และครั้งหน้าคงเป็นนายบรรหาร อย่างแน่นอน
ด้าน นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า จุดประสงค์ที่นัดกินข้าวด้วยกันนั้น เพราะตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา ยังไม่เคยกินข้าวด้วยกันเลย และหัวหน้าพรรคบางพรรคก็ไม่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ในการหารือ ทุกพรรคเห็นว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นเรื่องของสภาฯ โดยให้ ส.ส. และวิปรัฐบาล ไปหารือร่วมกัน ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัติ ไม่ได้พูดถึง แต่นายสมัคร พูดในฐานะ รมว.กลาโหม ถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับ ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีการพูดถึงเรื่องการยุบสภา ที่สำคัญ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเห็นร่วมกันว่า ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ