xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญ” ดัดจริต ปัดไม่รู้ใคร “หัวเถิก” ซึ้ง “หมัก” แนะแจ้งความเอาผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จักรภพ เพ็ญแข
“เพ็ญ” ซึ้งใจ “หมัก” ที่ชี้แนะให้แจ้งความเอาผิด “ไอ้หัวเถิก” ชี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด เตรียมแปลคำพูดตัวเองเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องเผยแพร่ พร้อมส่งถึงมือ ตร.ยังโวยไม่เลิกยันมีกลุ่มหาเรื่อง “รบ.ลูกกรอก” หวังผลทางการเมือง โบ้ยไม่รู้ใครหัวเถิก บอก “หมัก” เจอคนหลายทรงผม พร้อมย้ำสื่อรัฐห้ามล้ำเส้นเล่นข่าวปฏิวัติ แต่ไม่กล้าตอบว่าแทรกแซง แค่อยากเห็นหน้าคนหนุนปฏิวัติ

วันนี้ (13 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เจ้าของไอเดียห้ามสื่อของรัฐเสนอข่าวเกี่ยวกับปฏิวัติ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคนหัวเถิกบางคนกำลังหมิ่นสถาบัน และขอให้ นายจักรภพไปแจ้งความสู้คดี ว่า ตนขอบคุณและซาบซึ้งกับสิ่งที่นายสมัครกล่าวไว้ในรายการถือว่าเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะตนไม่ได้มีพฤติกรมรแบบนั้น ส่วนตัวนั้นคงจะไม่ทำอะไรเพิ่มเติมนอกจากจัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องในการบรรยายกับสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และจะจัดทำเพื่อเผยแพร่ในเร็ววันนี้ออกมาและเผยแพร่นั้น แปลผิด แปลหาเรื่อง แปลใส่ความกัน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับตน ส่วนการเคลื่อนไหวอื่นๆ นั้นก็จะว่าไปตามนายสมัคร แนะนำเป็นหลัก ตรงนี้ถือว่าเป็นความกรุณาของหัวหน้าของตนโดยตรง ให้ความเป็นธรรม และมองว่า เรื่องทั้งหมดจงใจเจตนาหาเรื่องกัน ซึ่งมันเป็นเช่นนั้น หากดูคำแปลในคำบรรยายของตนนั้นถือว่าแปลผิด และหาเรื่องทั้งนั้น

เมื่อถามว่าจะนำคำแปลที่ถูกต้องไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ตนจะทำในขั้นต่อไป คือ เมื่อแปลเสร็จแล้วจะไม่รอให้ตำรวจเรียกตน โดยตนจะนำเอกสารภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ไปมอบให้ตำรวจด้วยตัวเอง เผื่อว่า อาจมีอะไรสอบถามเพิ่มเติมในวันนั้น ตนจะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเสียเลย ตนอยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็วที่สุด เพราะเรื่องนี้มันมาจากการใส่ความ และหาทางเพิ่มความตึงเครียดในบ้านเมือง ตนก็ต้องไปดับชนวน

เมื่อถามว่า กลุ่มที่จ้องหาเรื่องนั้น ทราบหรือไม่ว่าชื่ออะไร และอยู่กลุ่มใด นายจักรภพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบชัดเจน แต่ทราบว่ามีสองกลุ่ม คือ 1.กลุ่มจงใจหาเรื่องเพื่อให้รัฐบาลมีปัญหา 2.กลุ่มที่เชื่อโดยสุจริตใจว่าพูดและมีพฤติกรรมแบบนั้นจริงๆ กลุ่มนี้ตนเป็นห่วง และอยากสื่อสารให้สบายใจว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้เลยที่มีความคิด จิตใจ และพฤติกรรมเช่นนั้น

เมื่อถามว่า ทำไมช่วงนี้รัฐบาลโดนข้อกล่าวหาเรื่องชาติ และสถาบันมาโจมตีอย่างหนัก นายจักรภพ กล่าวว่า ตนไม่วิเคราะห์แทนคนอื่น แต่นึกอยู่ว่าการหยิบเอาเรื่องสำคัญของบ้านเมืองออกมา คงเป็นเจตนาของคนที่หยิบยกเรื่องนี้ให้มีผลทางใดทางหนึ่ง พูดง่ายๆ คือ คงคิดว่าหาเรื่องนี้แล้วจะได้ผลทางการเมือง แต่อย่าให้ตนวิเคราะห์เลย เอาเป็นว่าเรามีหน้าที่ชี้แจงความถูกต้องก็ว่าไป ส่วนคนที่คิดหาเรื่องกันนั้น อีกสักครู่เมื่อของจริงออกมาก็จะรู้เองว่าที่ผ่านมาจงใจจะแปลผิดพลาด จงใจใส่คำหยาบคายในคำแปลในหลายเว็บไซต์ ล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จที่จงใจบิดเบือนทั้งสิ้น

“การต่อสู้ในช่วงนี้มีเรื่องเดียว คือ สถาบัน น่าสังเกตว่านำเสนอประเด็นนี้บ่อยและถี่เรื่อยๆ คงไม่ต้องย้ำว่าไม่มีใครในเมืองไทยสบายใจที่นำเรื่องนี้มาสู่สนามการเมือง สถาบันอยู่สูงกว่าการเมืองและไม่เกี่ยวข้อง การเมืองของใครก็ไม่ควรเกี่ยวข้อง” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่า นายสมัครกล่าวถึงคนหัวเถิกที่อ้างสถาบัน และสร้างความวุ่นวายทางการเมืองและอยู่ในกระบวนการนี้ด้วยหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า มันมีหลายคนและมีหลายทรงผม ฉะนั้นคงไม่สามารถระบุเจาะจงไปได้ว่าเป็นทรงผมใด เมื่อถามว่า คนๆ นี้อาจเสียผลประโยชน์ เพราะนายจักรภพ ต้องการจัดระเบียบสื่อมวลชน นายจักรภพ กล่าวว่า ตนคิดว่าตอนนี้เราเคลื่อนมาถึงจุดที่วงการสื่อมวลชนได้พัฒนาขึ้นหลายเรื่อง และอาจไม่สบอารมณ์ใครที่เสียผลประโยชน์ก็เป็นได้ แต่ตรงนี้ตนไม่ทราบ รู้แต่ว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดนั้นทำตามความจำเป็นที่ต้องทำทั้งสิ้นและอยากให้นำบ้านเมืองเป็นหลัก อย่าเห็นแก่เรื่องความแค้น และความคิดว่าหากคนไม่ได้มีโอกาสทำงานเพื่อบ้านเมืองก็ต้องโค่นทุกคนที่ขวางหน้าให้หมด อย่างนี้คงจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้

เมื่อถามว่า ในฐานะร่วมงานใน ครม.ระบุบุคคลที่นายสมัครอ้างได้หรือไม่ว่าเป็นใคร นายจักรภพ กล่าวว่า คงระบุไม่ได้ เพราะนายสมัครพบบุคคลเยอะในแต่ละวัน อาจมีคนหัวเถิกหลายคน เมื่อถามว่า ใช่บุคคลที่เว็บไซต์ต่างๆ ระบุถึงหรือไม่ และใครที่มีอำนาจเรียก ผบ.ตร.ไปพบได้ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะมีหลายเว็บไซต์ และมีหลายเหตุการณ์ แต่เอาเป็นว่าตนไม่รู้ และต้องตีความว่าเถิกมากเถิกน้อย

เมื่อถามว่า นายสมัครพูดกำกวมแบบนี้ สังคมก็สงสัย ฉะนั้น ควรเปิดเผยเลยว่าเป็นใคร นายจักรภพ กล่าวว่า ต้องสอบถามนายสมัคร แต่บางเรื่องนั้นเป็นการทำงานแบบไทยๆ คือ ส่งสัญญาณให้รู้ว่าคนอื่นรู้กันว่าทำแบบนี้ ฉะนั้น หากหยุดยั้งพฤติกรรมต่างๆ ได้ ก็คงไม่ต้องเผชิญหน้ากันทุกเรื่องตลอดไป เมื่อถามว่า นายสมัคร พูดแบบนี้ต้องการยั่วหรือไม่ เพราะพูดแบบเป็นรหัส แต่ไม่ระบุชื่อ นายจักรภพ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เจตนาคือต้องการให้ปรับตัวโดยไม่ต้องประจานกันมากกว่า โดยพูดเพียงแค่ทรงผม

เมื่อถามว่า ขบวนการโค่นรัฐบาลที่นำไปสู่การรัฐประหารนั้นเป็นเช่นใด นายจักรภพ กล่าวว่า เหมือนเดิม หากใครอยากรู้ว่าขบวนการนี้ทำงานอย่างไร ขอให้ไปอ่านประวัติศาสตร์สองช่วงคือ 1.ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่ นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดนเหมือนตนในช่วงนี้ คือ โดนกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี และตอนหลัง นายสุรินทร์ เส้นโลหิตแตก หมดสภาพ และเสียชีวิตในที่สุด สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นประวัติศาสตร์มาสอนลำดับเรื่องได้ และ 2.เหตุการณ์ก่อน 19 ก.ย.2549 แต่พิสูจน์ได้ว่า 30 ปีที่ผ่านมานี้ บุคคลและขบวนการเบื้องหลังเหล่านี้ไม่ได้พัฒนาความคิดเลย

ส่วนเรื่องการจัดระเบียบสื่อของรัฐในการห้ามสนับสนุนการรัฐประหารนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อมวลชนหลายคนที่เริ่มส่งเสียงในทางที่ว่าทหารควรมีความเคลื่อนไหวและชูทหารบางคนขึ้นมาอย่างชัดเจน ตนก็คิดว่าเรื่องนี้ทำท่าจะย้อนกลับรอยเก่า และหากไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ สื่อใดๆ และสื่อของรัฐสามารถวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ตามสิทธิเสรีภาพ เรื่องนี้รัฐและเอกชนจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่การเชียร์ให้ฉีกรัฐธรรมนูญ และโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเชียร์ให้ยึดอำนาจรัฐประหาร ตนคิดว่า ล้ำเส้นและเกินเลยไปมาก ตนก็ได้หารือกับ นายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ว่า ควรจะมีการปรับระเบียบให้ชัดเจน สื่อของรัฐสามารถวิจารณ์รัฐบาลได้ ตลอดเวลาแต่จะก้าวล้ำไปเรียกร้องการรัฐประหารไม่ได้ ถือว่าละเมิดรัฐธรรมนูญและทำผิดกฎหมายบ้านเมือง เหมือนกับว่า มีเสรีภาพและใช้ฆ่าคนนั้น มันทำไม่ได้ และการยุให้คนยึดอำนาจมันหนักกว่าหลายเท่า ตรงนี้ก็ต้องปรับปรุง

เมื่อถามว่า แสดงว่า ขบวนการและบุคคลที่จะก่อการรัฐประหารมีความเด่นชัดจนมองเห็นแล้ว นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่หรอก เราต้องตัดไฟแต่ต้นลม เรื่องที่ทำในตอนนี้เป็นการทำเพื่อให้คนเกิดข้อถกเถียงในบ้านเมือง ว่า การรัฐประหารนั้นเป็นของส่วนเกินในระบอบประชาธิปไตยโดยแท้จริง และก่อให้เกิดปัญหามากกว่าแก้ปัญหา และทำให้ประเทศล่มจมยิ่งขึ้น ฉะนั้น ใครที่มีเครื่องมืออยู่ในมือและไปสื่อสารแบบนั้น ตนถือว่าไม่ช่วยกัน ฉะนั้น ต้องออกระเบียบนี้และย้ำว่าไม่เกี่ยวกับการวิจารณ์รัฐบาล เพราะสื่อเอกชนและสื่อของรัฐก็ทำหน้าที่วิจารณ์เรื่องนี้อยู่แล้ว และเป็นหน้าที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องรับฟังแต่จะเลือกเชื่ออย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่า คล้ายว่า แทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน นายจักรภพ กล่าวว่า ตนอยากให้คนที่พูดแบบนี้ออกมาบอกเลยว่าเห็นด้วยกับการรัฐประหารและมีสิทธิสนับสนุนการรัฐประหาร พูดง่ายๆ จะห้ามเฉพาะการสนับสนุนการรัฐประหาร และสิ่งตรงข้าม ก็คือ การสนับสนุนการรัฐประหาร ฉะนั้นใครที่เห็นว่ามีสิทธินั้นก็แสดงตัวออกมาให้สังคมรับทราบว่า สื่อมวลชนนั้นๆ มีสิทธิเรียกทหารออกมายึดอำนาจ เมื่อถามว่า บรรทัดฐานที่จะนำมาในวัดว่าสื่อนั้นๆ สนับสนุนหรือคัดค้านการรัฐประหาร นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายเผชิญในการออกระเบียบตามที่ตนให้นโยบายไปว่ารัฐบาลประชาธิปไตยจะยอมให้ใครยืนประกาศดังๆ กับสังคม ว่า มายึดอำนาจและฉีกรัฐธรรมนูญกันเถอะ ตรงนี้ตนยอมไม่ได้ เมื่อถามว่า ในการทำงานตามวิชาชีพของสื่อนั้นบางครั้งแยกไม่ได้ว่าสนับสนุนหรือคัดค้านการรัฐประหารในการเสนอข่าวหรือบทความ และจะมีหลักเกณฑ์เช่นใดออกมา นายจักรภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอไปถามนายเผชิญว่ามีวางกฎเกณฑ์อย่างไรในการแยกแยะ

ส่วนการจัดเวทีสัมมนาเรื่องบทบาทสื่อกับความเป็นกลางในเรื่องความแตกแยก (ทางความคิด) ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมนั้น สังเกตว่า นปก.มาร่วมงานจำนวนมาก นายจักรภพกล่าวว่า วิจารณ์กันได้ สถาบันนี้ก็จัดทั้งเวทีสนับสนุนและคัดค้านรัฐบาล และน่าประเมินได้ดีกว่าไม่ได้จัดเพื่องานจุดประสงค์การเมืองของใคร และไม่น่าจะแยกมวลชนออกเป็นสองฝ่าย ตอนนี้รัฐบาลอยากทำงานเพื่อให้ผลงานออกมาสู่ประชาชนเร็วที่สุด สิ่งใดที่เป็นการตอกลิ่มแตกแยกทางความขัดแย้ง และท้าตีท้าต่อย รัฐบาลจะเลี่ยงและไม่หลวมตัวไปเล่นเกมนั้น แต่หากไปไกลถึงกล่าวหาเบื้องสูงอย่างนี้ต้องดิ้นรน เพราะถือว่าเสียหายที่สามารถนำไปสู่ปัญหาอื่นๆอีกเยอะ แต่หากวิจารณ์ว่าดี-ไม่ดี ตนไม่เคยตอบโต้ ตนออกมาเพราะมีการหมิ่นเบื้องสูง และพูดในสิ่งที่คนไทยรับไม่ได้

“การต่อสู้ในช่วงนี้มีเรื่องเดียว คือ สถาบัน น่าสังเกตว่า นำเสนอประเด็นนี้บ่อยและถี่เรื่อยๆ คงไม่ต้องย้ำว่าไม่มีใครมีในเมืองไทยสบายใจที่นำเรื่องนี้มาสู่สนามการเมือง สถาบันอยู่สูงกว่าการเมืองและไม่เกี่ยวข้อง การเมืองของใครก็ไม่ควรเกี่ยวข้อง” นายจักรภพ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น