รอง ผบช.น.เตรียมเชิญ แฟนพันธุ์แท้ กล้องถ่ายรูปให้ความรู้ เรื่องการถ่ายภาพหวังตำรวจได้ใช้กล้องอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่หวั่นตำรวจเรียกรับเงิน หากพบถึงขั้นไล่ออก ยังไม่จับจริงแค่เตือนก่อน เอาจริง 20 พ.ค.แน่นอน
วันนี้ (6 พ.ค.) พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ดูแลงานจราจร กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริม ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ว่า ขณะนี้การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างทั่วถึง จึงมีการประสานไปยัง นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เพื่อร่วมรณรงค์ รวมทั้งประสานไปยังผู้สร้างละคร ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ในกรณีนี้ด้วย
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการประสานเครือข่ายผู้ให้บริการมือถือ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านเอสเอ็มเอส เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบอีกทางหนึ่ง หากมีความจำเป็นต้องใช้ ขอให้ใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัย แต่ในวันที่ 8-19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่จะทำการว่ากล่าวตักเตือนก่อน เพื่อสร้างความตระหนักและรับทราบถึงอันตรายขณะโทรศัพท์ขับรถ จากนั้นวันที่ 20 พฤษภาคม เป็นต้นไป จะมีการจับออกใบสั่งปรับ
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันในต่างประเทศที่ใช้กฎหมายโทรไม่ขับ พบว่า สามารถช่วยลดอุบัติเหตุได้ เพราะขณะที่โทรแล้วขับทำให้เสียสมาธิ บางครั้งมองไม่เห็นสัญญาณไฟแดง การเบรกก็ช้าลง รวมถึงการเร่งความเร็วขณะขับรถก็ช้าลง ซึ่งจากสถิติพบว่าร้อยละ 19 ของผู้ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ทำให้รถติดขัด
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่ออีกว่า การตรวจจับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายโทรไม่ขับ การตรวจจับส่วนใหญ่เป็นการจับซึ่งหน้า และจะมีการใช้กล้องดิจิตอลช่วยในการถ่ายภาพผู้กระทำผิด โดยจะฝึกอบรมให้ตำรวจจราจรรู้ถึงการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ว่า ถ่ายอย่างไรให้เห็นชัดเจน ทั้งมุมกล้อง และการซูมภาพ โดยจะเชิญแฟนพันธุ์แท้ เรื่องโทรศัพท์ และเรื่องกล้องถ่ายภาพ มาอธิบายวิธีการถ่ายภาพทั้งจากกล้องที่ติดกับเครื่องโทรศัพท์ และกล้องดิจิตอล ถึงวิธีการทั้งหมด เพื่อให้ตำรวจใช้เครื่องมือมาสนับสนุนการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อลดการโต้แย้งระหว่างตำรวจผู้กระทำผิดให้มากที่สุด
ส่วนกรณีที่ว่า หากจะมีตำรวจเรียกรับผลประโยชน์จากการเรียกเงินในการจับกุม พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า ถ้าตำรวจกระทำผิดจะโดน 2 กระทง คือ เจ้าพนักงานเรียกรับถูกดำเนินคดีอาญา และถูกตั้งกรรมการสอบสวนโทษไล่ออกจากราชการสถานเดียว ส่วนผู้ติดสินบน ก็ผิดข้อหาให้สินบนด้วย ฉะนั้น คนที่ไม่ดีสองคนที่มาเจอกันเราต้องช่วยกันกำจัด ขอให้จดชื่อมารายงานผู้บังคับบัญชา
วันนี้ (6 พ.ค.) พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ดูแลงานจราจร กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริม ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ว่า ขณะนี้การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างทั่วถึง จึงมีการประสานไปยัง นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เพื่อร่วมรณรงค์ รวมทั้งประสานไปยังผู้สร้างละคร ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ในกรณีนี้ด้วย
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการประสานเครือข่ายผู้ให้บริการมือถือ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านเอสเอ็มเอส เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบอีกทางหนึ่ง หากมีความจำเป็นต้องใช้ ขอให้ใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัย แต่ในวันที่ 8-19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่จะทำการว่ากล่าวตักเตือนก่อน เพื่อสร้างความตระหนักและรับทราบถึงอันตรายขณะโทรศัพท์ขับรถ จากนั้นวันที่ 20 พฤษภาคม เป็นต้นไป จะมีการจับออกใบสั่งปรับ
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันในต่างประเทศที่ใช้กฎหมายโทรไม่ขับ พบว่า สามารถช่วยลดอุบัติเหตุได้ เพราะขณะที่โทรแล้วขับทำให้เสียสมาธิ บางครั้งมองไม่เห็นสัญญาณไฟแดง การเบรกก็ช้าลง รวมถึงการเร่งความเร็วขณะขับรถก็ช้าลง ซึ่งจากสถิติพบว่าร้อยละ 19 ของผู้ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ทำให้รถติดขัด
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่ออีกว่า การตรวจจับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายโทรไม่ขับ การตรวจจับส่วนใหญ่เป็นการจับซึ่งหน้า และจะมีการใช้กล้องดิจิตอลช่วยในการถ่ายภาพผู้กระทำผิด โดยจะฝึกอบรมให้ตำรวจจราจรรู้ถึงการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ว่า ถ่ายอย่างไรให้เห็นชัดเจน ทั้งมุมกล้อง และการซูมภาพ โดยจะเชิญแฟนพันธุ์แท้ เรื่องโทรศัพท์ และเรื่องกล้องถ่ายภาพ มาอธิบายวิธีการถ่ายภาพทั้งจากกล้องที่ติดกับเครื่องโทรศัพท์ และกล้องดิจิตอล ถึงวิธีการทั้งหมด เพื่อให้ตำรวจใช้เครื่องมือมาสนับสนุนการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อลดการโต้แย้งระหว่างตำรวจผู้กระทำผิดให้มากที่สุด
ส่วนกรณีที่ว่า หากจะมีตำรวจเรียกรับผลประโยชน์จากการเรียกเงินในการจับกุม พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า ถ้าตำรวจกระทำผิดจะโดน 2 กระทง คือ เจ้าพนักงานเรียกรับถูกดำเนินคดีอาญา และถูกตั้งกรรมการสอบสวนโทษไล่ออกจากราชการสถานเดียว ส่วนผู้ติดสินบน ก็ผิดข้อหาให้สินบนด้วย ฉะนั้น คนที่ไม่ดีสองคนที่มาเจอกันเราต้องช่วยกันกำจัด ขอให้จดชื่อมารายงานผู้บังคับบัญชา
