โฆษก ตร.ระบุตั้งแต่วันที่ 8-19 พ.ค.นี้ การบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่จะค่อยเป็นค่อยไป หากพบการกระทำผิดจะแค่ตักเตือนเท่านั้น หลังจากวันที่ 19 พ.ค.หากพบยังฝ่าฝืนจะดำเนินการอย่างจริงจัง และเข้มงวดกวดขันในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ หรือโทร.ไม่ขับว่า ตามที่ได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่8) พ.ศ.2551 มาตรา 43 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 พ.ค.นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเรียนย้ำว่า กฎหมายดังกล่าวบัญญัติขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะจากการวิจัยในหลายประเทศพบว่า การใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ยานพาหนะ มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ ถึง 4 เท่า แต่หากบังคับใช้เลยประชาชนก็จะรู้สึกไม่สะดวกสบายเช่นเดิม จึงได้มีการหารือกับทาง พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการจราจร ก็มีความเห็นตรงกันว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยตั้งแต่วันที่ 8-19 พ.ค. หากพบว่ามีการฝ่าฝืนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ก็จะใช้วิธีการว่ากล่าวตักเตือนผู้ขับขี่ไปก่อน โดยยังไม่ออกใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจ
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า แต่หากหลังจากวันที่ 19 พ.ค.ไปแล้ว ยังพบว่ามีการฝ่าฝืนใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่อยู่ แม้กระทั่งรถติดไฟแดง แล้วสนทนาทางโทรศัพท์ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย หากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ก็ต้องจอดรถบริเวณไหล่ทาง หากฝ่าฝืนก็จะดำเนินการอย่างจริงจัง และเข้มงวดกวดขันในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจะทำการออกใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจ ตามการใช้อำนาจตามกฏหมายที่มีอยู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ซึ่ง