“วิเชียร” ยืนกรานเหตุการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มต่อต้าน ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ตร.วางตัวเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติ และดูแลทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเท่าเทียม ให้ชุมนุมโดยปลอดภัยตามสิทธิ เชื่อ การชุมนุมครั้งต่อไปจะมีความรุนแรงและวุ่นวายมากกว่านี้ พร้อมผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุมม็อบ ขึ้นอีกครั้ง
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ประจำ ตร.) ทำหน้าที่รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มต่อต้าน เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า ยืนยันว่า การทำหน้าที่ในเหตุการณ์นั้น ตำรวจวางตัวเป็นกลาง และทำดีที่สุดแล้ว มีการจับกุมดำเนินคดีทั้งสองฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติ และดูแลทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเท่าเทียม ให้ชุมนุมโดยปลอดภัยตามสิทธิ แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากกำลังตำรวจอ่อนล้า เพราะการชุมนุมยาวนาน เป็นเวลากลางคืนและฝนตกประกอบกับสถานที่เป็นสถานเปิด ทำให้การควบคุมและแยกแยะผู้ชุมนุมยาก
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อยากให้เห็นใจตำรวจด้วย ไม่ใช่ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือเท่านั้น พอเพลี่ยงพล้ำก็เล่นงาน อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อคนมาว่าตำรวจบกพร่อง เราไม่อยากตอบโต้ แต่จะทำหน้าที่ของเราไป อย่างไรก็ตาม เราผ่านเหตุการณ์การชุมนุมมาหลายหน ที่ผ่านมา เคยมีข้อผิดพลาดเรื่องความพร้อมของกำลังตำรวจและการบัญชาการ ตรงนี้ตนก็ได้จัดการแก้ปัญหา ฝึกอบรมอุดช่องโหว่แล้ว ครั้งนี้ถือว่าทำได้ดีแล้ว
“ถ้าทั้งสองฝ่ายบริสุทธิ์ใจที่จะแสดงความคิดเห็น ก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดความรุนแรง ตำรวจมีความชัดเจนในการทำงานวางตัวเป็นกลาง เราพยายามใช้หลักนิติธรรม เมตาตาธรรมและความนุ่มนวลในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะหากเราเข้าคลี่คลายสถานการณ์โดยที่ยังไม่มีความพร้อมก็จะเกิดเหตุซ้ำรอย อย่างเช่น อดีต ผบก.น.1 ที่พยายามเข้าไปแยกทั้ง 2 ฝ่าย แต่กลายเป็นไปฉุดไปรั้งจนถูกลงโทษ” พล.ต.อ.วิเชียร กล่าว
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวอีกว่า ปัญหาอย่างหนึ่งที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมได้เต็มที่ เพราะยังไม่มีกฎหมายที่เข้าระงับ ควบคุมเหตุได้โดยตรง ทำให้ต้องเอากฎหมายอื่นมาใช้ เช่น พ.ร.บ.จราจรทางบก กฎหมายรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง กฎหมายการควบคุมโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงและประมวลกฎหมายอาญาอื่นๆ จากเหตุการณ์นี้ตนจึงมีแนวคิดที่จะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะที่เคยเสนอในรัฐบาลที่แล้ว แต่ตกไปเพราะยังไม่รอบคอบพอ ขึ้นมาพิจารณาปรับปรุงเสนออีกครั้ง
“อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ตำรวจระมัดระวังอยู่แล้วเรื่องม็อบ 2 ฝ่ายจะประทะกัน ซึ่งต่อไปประเมินว่าการชุมนุมจะมีความเข้มข้นขึ้นตามเงื่อนไขทางการเมืองที่มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้การชุมนุมในครั้งต่อๆไปหากจัดการชุมนุมหากคาดว่าจะมีความรุนแรง วุ่นวายกว่านี้ก็ควรจะหาสถานที่ชุมนุมที่เหมาะสมและสกรีนคนได้มากกว่านี้” พล.ต.อ.วิเชียร กล่าว