xs
xsm
sm
md
lg

8 พ.ค.เอาจริงจ้อมือถือขณะขับจับปรับถึง 1,000 เว้นเสียบบูลทูธ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
ขาเมาท์อดเท่! ดีเดย์ 8 พ.ค. บช.น.เอาจริงโทร.แล้วขับจับแน่ โทษปรับ 400-1,000 ขณะที่ “ภานุ” แนะใช้บูลทูธ หรือสมอลทอล์กหลีกเลี่ยงถูกจับ พร้อมกำชับ ตร.จราจรเข้มถ้าเจอซึ่งหน้าให้จับทันทีแต่ต้องละมุนละม่อม เข้มตั้งวงจรปิด 30 แยกทั่วกรุงจับตีนผี ซิ่งฝ่าไฟแดง ดีลิเวอรีหมายเรียกถึงบ้าน

วันนี้ (22 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านการจราจร กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายห้ามโทรศัพท์ขณะขับรถที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ว่า กฎหมายใหม่บังคับใช้ ห้ามโทรศัพท์ขณะขับรถ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2551 มาตรา 43 (9) ห้ามมิให้ผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องถือ หรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ตามมาตรา 157 ผู้ผ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 (9) ต้องระวางโทษ มีโทษปรับตั้แต่ 400-1,000 บาท ซึ่งส่วนนี้ได้กำชับตำรวจจราจร หากพบว่ามีการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ หรือขี่จักรยานยนต์ เป็นเหตุซึ่งหน้าและก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ให้ดำเนินการจับกุม แต่ต้องใช้ความละมุนละม่อมอย่างที่สุด

นอกจากนี้ยังได้กำชับตำรวจจราจรทุกนายให้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียดถี่ถ้วน และพยายามให้จัดรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงอันตราย โดยเน้นปลูกสร้างจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนน ให้การจับกุมเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะนำมาใช้

“อยากให้ประชาชนเคารพกฎหมาย ไม่ต้องคอยหลบหลีกเจ้าหน้าที่ เพียงแค่ใช้อุปกรณ์เสริม เช่น บลูทูธ หรือสมอลทอล์ก ไม่อยากให้ต้องถูกจับกุมแต่ตำรวจขอให้มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ตามแยกต่างๆ เพื่อใช้สำหรับการตรวจจับผู้ที่มักฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ทั้งสิ้น 30 แยก โดยหากพบจะส่งหมายเรียกถึงบ้านเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา” พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น