หลังการแก้ไขพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยมาตรา 122 กำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้โดยสารต้องสวมหมวกนิรภัย และห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ขับขี่รถในขณะที่คนโดยสารยังไม่สวมหมวกนิรภัย หากฝ่าฝืนต้องถูกโทษปรับไม่เกิน 500 บาท โดยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จะถูกปรับเพิ่มเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนดไว้ ประกาศมีผลบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งรับผิดชอบงานจราจร กล่าวว่า ได้แจ้งให้ฝ่ายจราจรของ สน.ต่างๆ ดำเนินการกวดขันกับผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งให้บริการผู้โดยสารในแต่ละวันจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังกำชับให้กวดขันรถจักรยานยนต์ในความผิดข้อหาหลัก ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และข้อหาที่เป็นปัญหาการจราจรอีก 6 ข้อหา คือ การสวมหมวกนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ขับรถจักรยานยนต์ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย อุปกรณ์ส่วนควบไม่สมบูรณ์ ขับขี่จักรยานยนต์ฝ่าฝืนทิศทางการเดินรถ หรือย้อนศร บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือซ้อนสาม และไม่หยุดรถหลังเส้นให้หยุด เมื่อได้รับสัญญาณไฟสีแดง หรือฝ่าไฟแดง
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งรับผิดชอบงานจราจร กล่าวว่า ได้แจ้งให้ฝ่ายจราจรของ สน.ต่างๆ ดำเนินการกวดขันกับผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งให้บริการผู้โดยสารในแต่ละวันจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังกำชับให้กวดขันรถจักรยานยนต์ในความผิดข้อหาหลัก ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และข้อหาที่เป็นปัญหาการจราจรอีก 6 ข้อหา คือ การสวมหมวกนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ขับรถจักรยานยนต์ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย อุปกรณ์ส่วนควบไม่สมบูรณ์ ขับขี่จักรยานยนต์ฝ่าฝืนทิศทางการเดินรถ หรือย้อนศร บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือซ้อนสาม และไม่หยุดรถหลังเส้นให้หยุด เมื่อได้รับสัญญาณไฟสีแดง หรือฝ่าไฟแดง