ประธานวุฒิสภาย้ำยังไม่ควรรีบร้อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้ควรใช้ไปก่อนอย่างน้อย 1 ปี เพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาก่อน ไม่สน “หมัก” ขู่ยุบสภาหากมีการยุบพรรค “พลังแม้ว” ขณะเดียวกัน คาดหนังสือยื่นถอดถอน “ไชยา” ถึงตุลาการ รธน.เย็นนี้
วันนี้ (21 เม.ย.) นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลว่า ตนเองยังยืนยันว่าควรใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อนอย่างน้อย 1 ปี จึงจะมาคิดถึงการแก้ไข ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีระบุผ่านรายการสนทนาประสาสมัครว่าอาจมีการยุบสภาหากมีการยุบพรรคการเมืองนั้นเรื่องนี้เป็นความเห็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากเห็นว่าควรยุบก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าการยุบพรรคการเมืองยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ถามว่า มีผู้เสนอให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ นายประสพสุข กล่าวว่า ตนขอยืนยันจุดยืนเดิมที่ควรใช้รัฐธรรมนูญไปก่อนระยะหนึ่งจึงจะแก้ไข และหากมีการยื่นญัตติเข้ามาที่รัฐสภา วุฒิสภาก็พร้อมที่จะประชุมร่วมเพื่อพิจารณาญัตติ ทั้งนี้ ตามกฎหมายเรื่องทั้งหมดต้องเข้ามาพิจารณาร่วมกันในรัฐสภา ส่วนความเห็นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิก
ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาปัญหาการใช้รัฐธรรมนูญ นายประสพสุข กล่าวตอบเพียงสั้นๆ ว่า สมาชิกสามารถเสนอญัตติได้ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม
นอกจากนี้ ประธานวุฒิสภากล่าวถึงความคืบหน้าในการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดสภาพรัฐมนตรีของนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามที่สมาชิกได้รับรวมรายชื่อเพื่อให้วุฒิสภาเป็นผู้ดำเนินการส่งเรื่องว่า คาดว่าเย็นวันนี้จะสามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเรียบร้องของเอกสารในขั้นสุดท้ายทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรัดกุม เพราะจากประสบการณ์ที่ตนเคยเป็นศาลมาก่อน จะพบปัญหาในเรื่องของเอกสารเสมอ
ดังนั้นจะต้องตรวจสอบถ้อยคำและเอกสารให้ชัดเจนว่ามีมูลจริงสามารถดำเนินการได้ ส่วนที่ล่าช้า เพราะการส่งเอกสารไปยังศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีการรับรองสำเนาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการให้ ป.ป.ช.รับรองสำเนากลับมา คาดว่าจะส่งได้ในเย็นวันนี้
ส่วนกรณีการรวบรวมรายชื่อของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อให้วุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายประสพสุข กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นคนละประเด็นกัน โดยกระบวนการอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อของประชาชน 20,000 รายชื่อเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
/0110
