“สุริยะใส”จวก 2 อาจารย์ มธ.รับบท “องครักษ์พิทักษ์แม้ว” แจ้งจับพันธมิตรฯ ยัดข้อหากบฏอ่อนๆ ทั้งที่ยังไม่ประกาศชุมนุม ชี้เป็นถึงดอกเตอร์แต่ทำตัวเหมือนอ่าน รธน.ไม่รู้เรื่อง แถมจำขี้ปากนักเลือกตั้งมาพูด ส่อแววมีเอี่ยวผลประโยชน์ เย้ยกลับข้อหาที่แจ้งความเป็นแค่ใบปลิวดิสเครดิตพันธมิตรฯ เอือมพฤติกรรมไม่ขอเรียกอาจารย์ดีกว่า
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์รายการ “รู้ทันประเทศไทย” โดย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ สันติสุข มะโรงศรี ทาง เอเอสทีวี 1 เมื่อวันที่ 10 มี.ค. กรณีที่ รศ.ดร.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา และ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อ้างตัวเป็นตัวแทนคณะนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธิ (คปส.) ไปแจ้งความที่กองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ ว่า เรื่องนี้ตนทราบมาก่อนตั้งแต่พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 แล้วว่า จะมีการแจ้งความ ซึ่งถ้าคนที่ไปแจ้งเป็นคนธรรมดาทั่วไป ก็จะไม่น่าแปลกอะไร แต่นี่เป็นอาจารย์ระดับดอกเตอร์ทั้ง 2 คน ไปแจ้งความกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวโดยไม่อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ซึ่งปริ่มๆ จะเป็นกบฏภายในราชอาณาจักร เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง
(อ่านข่าวม็อบไข่แม้วแจ้งจับพันธมิตรฯ หวิดฟาดปากกันเอง!!)
นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนรู้จักกับ ดร.วรพล 10 กว่าปีแล้ว ส่วน ดร.พิชิตก็ได้ติดตามผลงานมาตลอด แต่ก็แปลกใจที่คนที่เป็นนักวิชาการมีผลงานออกสู่สาธารณะ เรียกว่าเป็นปัญญาชนสาธารณะก็ว่าได้ แต่ช่วง 1-2 ปีมานี้ นักวิชาการทั้ง 2 คน แสดงบทบาทชัดเจนในการเป็นองครักษ์พิทักษ์ทักษิณอย่างออกหน้าออกตา โดยทั้ง 2 คนได้ไปขึ้นเวที นปก. เป็นนักวิชาการขาประจำของ นปก. เพราะเชิญใครไม่ได้ มีแค่ 2 คนนี้ ต่างจากพันธมิตรฯ ที่หมุนเวียนนักวิชาการมาขึ้นเวทีได้เป็น 100 คน
ที่แปลกใจกว่านั้นก็คือข้อกล่าวหาต่อการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่นักวิชาการทั้ง 2 คน นำไปแจ้งความนั้น ประหนึ่งว่าทั้ง 2 คนไม่เข้าใจกฎหมาย หรืออ่านรัฐธรรมนูญไม่เข้าใจ คนเป็นอาจารย์จะต้องสนับสนุนให้ประชาชนตื่นตัว วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้อย่างไม่เกรงกลัว ไม่ใช่ไปขัดขวางดูหมิ่นการแสดงออกของประชาชน
ในขณะที่อาจารย์ทั้ง 2 กล่าวหาว่าพันมิตรฯ ก่อความวุ่นวาย แต่ทำไมไปให้ความร่วมมือกับ นปก. ไปขึ้นเวทีตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ดีที่ทั้ง 2 คน ถอดหมวกออกมา แสดงตัวให้ชัดเจนไม่เป็นอีแอบ บางคนอาจจะได้ดิบได้ดี มีงานวิจัย 10-20 ล้านมาให้ เพราะในช่วงหนึ่งอาจจะกระเป๋าแห้ง ก็ได้
“แค่คน 6 คนมานั่งแถลงข่าวจะสร้างความวุ่นวายที่ไหน ถ้ากองปราบรับแจ้งความแล้วอุตริเรียกเราไปสอบ ก็คงไปกันใหญ่ แถลงการณ์ที่เราออกมานั้น ไม่มีเรื่องประทุษร้าย หรือใช้กำลัง เป็นการใช้เสรีภาพในการเขียน การอ่าน ตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง”
ส่วนข้อกล่าวหาที่อาจารย์ทั้ง 2 อ้างว่า การแสดงออกของพันธมิตรไม่ใช่การติชมโดยสุจริตใจนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ก็ต้องถามว่า สุจริตใจคืออะไร มันคือ ต้องชมเชยรัฐบาลอย่างเดียวหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ใช่ประชาธิปไตย แล้วที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย หรือนายกฯ กล่าวหาพันธมิตรใส่ร้ายสารพัดสาระเพ หรือที่ลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาขู่ว่าจะจัดม็อบมาประจันหน้า ตาต่อตา ฟันต่อฟันนั้น ฝ่ายไหนกันแน่ที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
นายสุริยะใสย้ำว่า ข้อกล่าหาตามที่ไปแจ้งความ นอกจากเป็นการบิดเบือนอย่างชัดเจนแล้ว ยังน่าเสียดายที่อาจารย์ทั้ง 2 คนไปรับใช้นักเลือกตั้ง และสงสารนักศึกษาที่เป็นลูกศิษย์ ที่จริงอยู่เฉยๆ น่าจะดีกว่า เพราะเรื่องแบบนี้ให้ใครไปแจ้งความได้ ไม่ต้องให้ดอกเตอร์ทั้ง 2 คนไปแจ้งหรอก การยอมมาเล่นบทนี้ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว ทำให้ถูกมองว่าอาจมีส่วนได้เสียหรือเปล่า
ส่วนการใช้คำว่ากลียุคในแถลงการณ์พันธมิตรฯ นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ ถ้า รัฐบาลเห็นว่าไม่เป็นอย่างนั้น ก็มีสิทธิที่จะพิสูจน์ตัวเอง และถ้าพันธมิตรฯ คิดแต่สำนวนโวหารมาด่ารัฐบาลอย่างเดียว โดยไม่มีความจริง สื่อมวลชนจะสนใจหรือเปล่า
ส่วนข้ออ้างที่ว่า แถลงการณ์พันธมิตรฯ ทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องนั้น ความกระด้างกระเดื่องจะเกิดก็ต่อเมื่อรัฐบาลใช้อำนาจในทางมิชอบ คอร์รัปชั่น หรือลุแก่อำนาจต่างหาก พันธมิตรฯ ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ และถ้าจะดูแถลงการณ์ฯ บรรทัดต่อบรรทัด คำต่อคำ ก็จะเห็นว่าหลายเรื่องเราเสนอทางออกให้รัฐบาลด้วยซ้ำ เช่น ให้นายสมัครหยุดเป็นหุ่น หันมาเป็นตัวแทนของคน 63 ล้านคน เลิกเอาเรื่องของคนๆ เดียวมาเป็นประเด็นของคนทั้งประเทศได้หรือไม่
“ถ้ารัฐบาลนี้จะพัง หรือมีปัญหาเพราะคน 5 คนออกมาแถลงข่าว จนทำงานไม่ได้ ก็ยุบสภาทิ้งซะเถอะ ให้คนอื่นเข้ามาแก้ปัญหา วันนี้ชอบมาขมวดปัญหาทุกเรื่องให้มาอยู่ที่ 5 พันธมิตรฯ นี่แหละว่าทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้
“สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าเขาหวาดผวาพันธมิตรฯ ทั้งที่เรายังไม่ได้นัดชุมนุมใดๆ เลย เพราะเขารู้ว่าเสถียรภาพและความสามารถของเขาไม่เอาไหน อยู่ไปก็ทำลายตัวเอง วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือโจมตีพันธมิตรฯ ว่า ทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของพันธมิตรฯ เท่านั้น”
สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่ามีสื่อมวลชนรายใหญ่ และเอ็นจีโอ ถูกมือที่มองไม่เห็นบงการอยู่เบื้องหลังสั่งการการเคลื่อนไหวให้เกิดการนองเลือด เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขับไล่รัฐบาลปัจจุบันนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่านี่เป็นการผูกเรื่องและปั้นน้ำเป็นตัว คนเป็นนักวิชาการเวลาพูดถึงอะไรที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจ เช่นบอกว่ามือที่มองไม่เห็นเป็นคำพูดของนักเลือกตั้งที่ไม่รับผิดชอบทางการเมือง คนเป็นนักวิชาการไม่ควรพูดอย่างนี้ น่าจะชี้ไปเลยมือที่มองไม่เห็นคือใคร ประชาชนจะได้หูตาสว่างว่าใครอยู่เบื้องหลังพันธมิตรฯ ซึ่งโดยข้อเท็จจริง ตนก็ร่วมประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ทุกครั้งก็เห็นด้วยคุยกัน 5-6 คน แถลงการณ์ก็คิดกัน 5- คน ไม่มีใครมาอยู่เบื้องหลัง
“เรารู้สึกว่าข้อหาที่อาจารย์ร่างออกมาอย่างนี้เป็นใบปลิวที่ต้องการจะดิสเครดิตการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชน ผมย้ำว่าอาจารย์ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ผมคนหนึ่งหละขอไม่เรียกว่าอาจารย์ดีกว่า เพราะผมผิดหวังกับพฤติการณ์แบบนี้”นายสุริยะใสกล่าว
**งงมุก “ดร.เหลิม”อ้างพันธมิตรฯ แตกคอ – ท้าเดิมพันใครพังก่อน
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวของลิ่วล้อที่มาจากท่ออำนาจเดียวกัน เป็นความพยายามจะเปิดศึกกับพันธมิตรฯ ซึ่ง 5 แกนนำได้คุยกันแล้วเห็นว่า การไปตอบโต้กับคนเหล่านี้ไร้ประโยชน์ เพราะเป้าหมายของพันธมิตรฯ อยู่ที่ระบอบทักษิณ และป้องกันไม่ให้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ตนจึงปฏิเสธมาตลอดเมื่อถูกเชิญไปออกทีวีร่วมกับกลุ่มดังกล่าว เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร ต่างคนต่างพูดให้ประชาชนตัดสินใจดีกว่าที่จะไปนั่งเถียงกับคนที่ถูกออกแบบมาเพื่อดิสเครดิตพันธมิตรฯ อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม หรือนายนพดล ปัทมะ พูด
กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ว่าแกนนำพันธมิตรฯ แตกแยกกันนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า รู้สึกงง ที่อยู่ๆ ก็มีมุกนี้ออกมา ตนเป็นคนประสานงานแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 ได้สัมผัสอย่างชัดเจนที่สุดถึงความผูกพันที่แน่นแฟ้นกว่าเดิมหลายเท่า อาจเป็น 10 เท่าก็ว่าได้เมื่อเทียบกับช่วงการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ช่องว่างของแต่ละคนลดลงไปอย่างมาก
มีการสรุปบทเรียน 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแกนนำทั้ง 5 คนเห็นปัญหาหลายอย่างคล้ายกัน มีการคุยกันตั้งแต่หลังการเลือกตั้งใหม่ๆ และคุยกันมาเป็นยระยะๆ วาระที่คุยกันไม่ใช่เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องสังคมใหม่ที่จะเดินไปข้างหน้า เราคุยกันว่าสังคมหลังระบอบทักษิณจะเป็นอย่างไร เราตระหนักดีว่า การพูดแต่กู้ชาติ ๆ แล้วเมื่อไหร่จะสร้างชาติเสียที นายสนธิก็พูดหลายครั้งถึงการสร้างสังคมใหม่ ไม่เช่นนั้น ถ้าสังคมยังเป็นแบบเดิม เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณติดคุก ก็จะมีทักษิณคนใหม่เกิดขึ้นมาแทน
“ผมอยากท้า คุณเฉลิมกล้าเดิมพันไหม รัฐบาลชุดนี้กับพันธมิตรฯ ใครจะพังก่อนกัน ในวันพุธนี้(12มี.ค.) เราจะประชุม และแถลงข่าวตอนเที่ยง ซึ่งวันนั้นท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไปเกาหลีใต้ตั้งแต่ตอนเช้า ตามกำหนดการที่ท่านวางไว้แต่เดิม เนื่องจากมูลนิธิของท่านที่รับบริจาคเครื่องฟอกไต มีกิจกรรมที่ต้องเดินทาง อาจมีการต่อสายให้คุยทางโทรศัพท์ตอนแถลง เดี๋ยวท่านเฉลิมจะหาว่าหายไปไหน”นายสุริยะใสกล่าว