xs
xsm
sm
md
lg

มติอนุฯ เอกฉันท์ทำ ชท.-มัชฌิมาฯ ระทึก พฤหัสฯ นี้รู้ผลยุบ-ไม่ยุบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อนุฯสอบยุบมฌ-ชท. สรุปแล้ว ระบุมีมติเป็นเอกฉันท์ไปในทางเดียวกัน พรรคมีส่วนรู้เห็นการกระทำทุจริตของกก.บห.ที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิหรือไม่ แต่ขออุบเงียบหวั่นรั่ว กระทบการวินิจฉัยกกต. คาดหลังประชุมตรวจความเห็น 13 มี.ค.นี้ เสนอกกต.ได้ทันที

วันนี้ ( 11 มี.ค.) คณะอนุกรรมการพิจารณายุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน ได้มีการประชุมเพื่อสรุปความเห็น โดยภายหลังการประชุมนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อนุกรรมการ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ ในการสรุปสำนวนทั้ง 2 พรรคการเมือง แต่ไม่ขอเปิดเผยมติต่อสื่อมวลชนจนกว่าจะรายงานต่อกกต. ก่อน โดยการเสนอความเห็น คณะอนุกรรมการไม่ได้มีการชี้ชัดว่าจะต้องมีการยุบพรรคหรือไม่ เพียงแค่เป็นการตอบความเห็นของกกต. ว่า พรรคมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ เท่านั้น ซึ่งในการประชุมประเด็นที่ถกเถียงกันมากคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ การพิจารณาของคณะอนุกรรมการใช้หลักกฎหมายควบคู่กับการพิจารณาปัจจัยทางการเมือง ซึ่งข้อกฎหมายที่คณะอนุกรรมการใช้อ้างอิงประกอบการพิจารณา ได้แก่ รัฐธรรมนูญ, พรบ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. โดยอนุกรรมการมีความเห็นไปในทางเดียวกัน ไม่มีใครเห็นแย้งแตกต่าง ส่วนร่างความเห็นของอนุกรรมการฯได้มอบหมายให้ฝายเลขานุการที่ประชุมไปเขียนและนัดตรวจร่างความเห็นในวันที่ 13 มี.ค.นี้ ก่อนจะเสนอให้กกต.ในวันถัดไป

"มติที่ออกมาเป็นเอกฉันท์ 4 เสียง ซึ่งไม่ได้มีปัญหาในการวินิจฉัย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะไม่ได้เด็ดขาดที่อนุกรรมการ และโดยมารยาทไม่ควรเปิดเผย ซึ่งข้อกฎหมายที่อ้างถึงอยู่ในพรบ.พรรคการเมือง และรธน. และพรบ.เลือกตั้งสส.และการได้มาซึ่งสว. โดยพยายามจะส่งให้กกต.ทราบในสัปดาห์นี้

เมื่อถามว่า รายละเอียดของร่างความเห็น จะเขียนอธิบายตามข้อเท็จจริงหรือจะเขียนว่าพรรคมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องหรือไม่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า เขียนรวมกันไป โดยดูกฎหมายและข้อเท็จจริงเป็นหลัก เมื่อถามต่อว่า มติที่ออกมากระทบต่อสังคมหรือพรรคการเมืองมากแค่ไหน นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เป็นเรื่องที่สังคมต้องดูเอง เราดูข้อกฎหมาย

"คณะอนุฯ ไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่าต้องมีการยุบพรรคหรือไม่ เนื่องจากกกต.ได้มอบหมายให้คณะอนุฯ พิจารณาว่าพรรคการเมืองมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดของกรรมการบริหารพรรคหรือไม่เท่านั้น ทั้งนี้ เราพิจารณาจากคำให้การของพยานและสำนวนการสอบสวนที่กกต.ได้ใช้วินิจฉัย โดยนำมาพิจารณาประกอบกับข้อกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพรรคการเมือง มาตรา 103 (2) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. รัฐธรรมนูญ และเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ"

ส่วนการลงมติครั้งนี้จะเป็นมาตรฐานในการพิจารณากรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ถูกให้ใบแดงหรือไม่นั้น นายธนพิชญ์ กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ เพราะแต่ละเรื่องมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันไป และตอนนี้เราดูเฉพาะกรณีของพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยเท่านั้น โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องนายยงยุทธแต่อย่างใด

ด้านนายบุญทัน กล่าวว่าได้นำข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงมาพิจารณาอย่างรอบด้านและได้ลงมติดังกล่าวแต่ไม่ขอเปิดเผยผลการลงมติว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ที่ประชุมยังเกรงว่าสำนวนจะรั่วออกไปก่อนที่จะนำเสนอต่อกกต. จึงมีมติมอบให้นายธนพิชญ์ เป็นผู้แถลงแต่เพียงคนเดียว

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านพรรคการเมือง กล่าวว่า ได้รับทราบการลงมติของคณะกรรมการฯ ทางวาจาแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยมติ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่คณะกรรมการชุดนี้ไม่เปิดเผยมติก่อนที่จะส่งผลการสอบสวนให้กกต. เนื่องจากกรรมการทุกคนเกรงว่าจะถูกตั้งกรรมการสอบสวนเหมือนกับคณะกรรมการที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ซึ่งถ้าหากมีการเปิดเผยมติออกมาก่อนก็จะทำให้กกต.ทำงานลำบาก เพราะจะเป็นการกดดันการพิจารณา

“ขอให้ทุกฝ่ายอดใจรออีกสักระยะ ไม่นานก็จะรู้ผลอย่างแน่นอน คาดว่าวันที่ 13 มี.ค.นี้ทางอนุกรรมการฯ จะทำบันทึกส่งมาให้กกต.พิจารณา อย่างไรก็ตามหากคณะกรรมการฯ มีมติมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ผลการสรุปนั้นก็จะไม่ผูกพันกับความเห็นของกกต. ซึ่งเรื่องนี้กกต.ก็จะพิจารณาอย่างรอบด้านว่า โดยจะพิจารณาจากผลสรุปของคณะกรรมการฯ ประกอบกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงก่อนจะลงมติ”

/0110
กำลังโหลดความคิดเห็น