xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” เตือน “หมัก” จะเป็นแค่ “นายกรัฐมนโท” - ชี้คนกรุงเลือก “รสนา” ต้าน “ระบอบแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” เชื่อ “นายกฯ หมัก” ไม่เห็นด้วย 3 ข้อหาย้าย “เสรีพิศุทธ์” แต่ไม่กล้าใช้อำนาจยับยั้ง เย้ยจะเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง หรือเป็นแค่ “นายกรัฐมนโท” ในสภาโจ๊ก ชี้ภาพ รอง ผบช.น.คนใหม่ไหว้ใต้เข็มขัด “แม้ว” สะท้อนใครเชลียร์แล้วได้ดี เตือน รมต.ฉ้อฉลระวังตัว คนกรุงแห่เลือก “รสนา” ส่งสัญญาณต้าน “ระบอบทักษิณ” แรง

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 3 มีนาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงปัญหาสัญญาณการออกอากาศของ เอเอสทีวี ที่ถูกรบกวนว่า เกิดจากผู้ไม่หวังดีที่มีความรู้ทางด้านวิศวกรรมโทรคมนาคมส่งสัญญาณรบกวน โดยเฉพาะรายการวิเคราะห์การเมือง เช่น รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ซึ่งคนทำจะต้องมีทั้งความรู้และกำลังเงิน เพราะต้องใช้จานยิงสัญญาณที่มีกำลังสูง นอกจากนั้นน่าจะรู้ภาษาไทยด้วย เพราะสามารถเจาะจงยิงสัญญาณในช่วงรายการสำคัญได้ และถือว่านี่เป็นการก่อการร้ายดาวเทียมข้ามชาติ เป็นการกระทำที่มีความผิดร้ายแรง หลักฐานจะถูกเปิดเผยให้คนทั่วโลกรับรู้ว่า เป็นฝีมือของใครในเร็วๆนี้

**ติง “หมัก” แหยงอำนาจมืด ไม่กล้าค้านย้าย “เสรีพิศุทธ์”

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อ้างว่าได้เลือกใช้วิธีการที่เบาที่สุดในการย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีคนเสนอมา 3 วิธี เพื่อเป็นการรักษาไมตรีกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไว้ ว่า สะท้อนให้เห็นว่านายสมัครนั้นไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาทั้ง 3 ประเด็น แต่กลับไม่ได้ใช้อำนาจของการเป็นนายกรัฐมนตรียับยั้ง

ทั้งนี้ การสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการนั้น ผู้บังคับบัญชาจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบก่อน ค่อยมีมติว่าจะตั้งกรรมการสอบวินัยหรือไม่ แต่กรณีของ พล.อ.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับมีการตั้งคณะกรรมการสอบฯ ขึ้นมาทันที ทั้งที่บางข้อหา เช่น การสั่งการโดยใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชานั้น ไม่น่าเอามาเป็นเหตุผลได้

ผู้ดำเนินรายการตั้งข้อสังเกตอีกว่า บุคคลที่ยัดข้อกล่าวหาให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่นายสมัครอ้างถึงนั้น ต้องใหญ่จนนายสมัคร ไม่กล้าพูดและเอ่ยชื่อออกมา เป็นมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ จะเป็นการรักษาไมตรี หรือเป็นการเริ่มต้นของความไม่ชอบมาพากล ที่สำคัญหากยังไม่มีมูลส่อไปในทางที่ผิด มันสมควรแล้วหรือไม่ที่ พล.ต.อ.สรีพิศุทธ์จะต้องถูกสั่งย้าย หากปล่อยให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอีก ข้าราชการที่บริสุทธิ์จะมีมาตรการอะไรเพื่อปกป้องตัวเองจากความไม่ชอบธรรมนี้หรือไม่

** เชลียร์ “แม้ว” แล้วได้ดี

ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า การโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการย้าย พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6 ไปช่วยราชการที่ บช.น. หลังจากที่ พล.ต.ต.อภิชาต ไปต้อนรับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่เดินกลับจากภาคใต้ โดยอ้างเหตุผลว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาซีดีเถื่อนในพื้นที่รับผิดชอบได้ ซึ่งเห็นข้อกล่าวหาที่ทำได้ง่ายมาก เพราะซีดีเถื่อนนั้นมีอยู่ทั่วประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ก็มีภาพ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา อดีต ผบก.น.7 ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็น รอง ผบช.น. นี้ได้เข้าไปก้มตัวลงไหว้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชนิดที่ก้มต่ำกว่าปกติถึงใต้เข็มขัดระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปที่กองบังคับการกองปราบปราม เพื่อแวะพักรับประทานกาแฟระหว่างรอเวลาเดินทางไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดที่ถนนรัชดาภิเษก การกระทำเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับตำรวจชั้นยศนายพล สงสัยว่าทำแบบนี้หรือไม่ถึงได้ดิบได้ดี ไม่แปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบใช้ตำรวจ

จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้นำเทปบันทึกภาพเมื่อครั้ง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลากฯ แล้วเดินขนาบข้างมากับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีอยู่จังหวะหนึ่งที่ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองไปปัดสิ่งสกปรกบริเวณหัวไหล่ด้านขวาของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้เป็นของที่ระลึก นอกจากนั้นก็เป็นภาพเมื่อครั้งนายเนวิน ชิดชอบ โผสวมกอด พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อครั้งประกาศยุติบทบาททางการเมือง หลังการเลือกตั้ง 2 เม.ย.49 เป็นภาพที่ถูกบันทึกและจดจำมากที่สุด และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้นายเนวิน ได้ดิบได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้อีกด้วย

พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกจัดให้เป็นนักการตลาดชั้นยอด สามารถสร้างกระแสได้อย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดก็จัดฉากตัวเองก้มล้มกราบพื้นแผ่นดินหลังเดินทางกลับมาประเทศไทย มีการจัดฉากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก้มลงกราบไว้ล่วงหน้า จะเห็นว่าก่อนที่จะก้มลงกราบพื้นดินในวันที่เดินทางกลับประเทศไทยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณลงจากเครื่องแล้วเดินไปกอดภรรยาและลูก แสดงว่าเท้าแตะพื้นแล้ว แต่กลับไม่ก้มลงกราบ ไปกราบตอนที่จะเดินออกไปด้านนอกที่มีผู้ส่อข่าว-ช่างภาพรออยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งน่าจะเป็นการวางพล็อตเอาไว้ เพราะมีมือที่มองเห็นดึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เดินเคียงคู่กันมาออกไป ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะก้มลงกราบ เพื่อไม่ให้บังภาพประวัติศาสตร์นั้น

** “หมัก” เลือกเอาจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ “นายกรัฐมนโท”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ตำหนิสื่อมวลชน กล่าวหาเสี้ยมเขาชน “นายใหญ่” ว่า ไม่แปลกใจอะไรที่นายสมัคร จะออกมาตั้งแง่กับสื่ออีก แต่หากพูดตามหลักวันนี้สื่อสารมวลชนคิดอย่างนี้หมด ภาพข้าราชการไปล้อมหน้าล้อมหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ขณะเดียวกันก็มี ส.ส.พรรคพลังประชาขนออกมาพูดว่า พวกตนเป็น ส.ส.ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นหัวหน้า นายสมัครนั้นเป็นนายกฯ ตัวจริงตามกฎหมาย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเป็นนายกฯ ในหัวใจ และพวกตนยังจะเรียก พ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นนายกฯ เพราะถูกทำให้พ้นจากตำแหน่งด้วยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“คนเรียกนี่อยู่ในพรรคพลังประชาชนนะครับ เรียกนายกฯ 2 คน นายกฯ ทักษิณ กับ นายกฯ สมัคร ผมว่าเพื่อไม่ให้คุณสมัคร ไม่สบายใจ เพราะว่าเราเองก็ถือว่าเป็นรายการ ที่มักจะพูดและก็มีคนหาว่าเราเสี้ยมนี่นะครับ ที่จริงแล้วเราควรจะให้คำนิยามใหม่ เราควรจะใช้ว่า คนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี อีกคนหนึ่งควรจะเป็นนายกรัฐมนโท

คือ ผมดูแล้วนายกรัฐมนตรีเนี้ย ก็ควรจะเป็นคนที่มีอำนาจ คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ มีอำนาจในการสั่งการ มีอิทธิพลจริงๆ ส่วนนายกรัฐมนโทเนี้ย มันดูเหลื่อมๆ มีขบกันนิดนึง ดูโตกว่านิดนึง แต่ว่ามันอยู่ในสภาโจ๊กนะครับ และก็ขึ้นอยู่ว่าท่าทีของคุณสมัคร เนี้ย อยากเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ อยากเป็นนายกรัฐมนโท”

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวถึงแนวความคิดที่จะเปิดบ่อนเสรีอีกว่า การเปิดบ่อนต้องชั่งน้ำหนักให้ดีๆ โดยเฉพาะท่าทีของนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่ชัดเจน คำพูดยังสวนทางกับแนวความคิด หากจะดำเนินการก็ควรรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนด้วย

**เตือน “นพดล” ทำครอบครัวนายแตกแยก

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศที่ว่าตนไม่ทราบโปรแกรมของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ตามปกตินายนพดลจะรู้เรื่องความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณดีที่สุด แทบจะทุกฝีก้าว แต่ล่าสุดที่นายนพดลกลับบอกว่าไม่ทราบเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะไปตีกอล์ฟกับนายฮุนเซน ถ้าใครอยากรู้ต้องไปถาม“น้องลิเดีย” ซึ่งไม่ทราบว่านายนพดลหวังดีหรือหวังร้ายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณกันแน่ เพราะแทนที่จะให้ไปถามคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หรือลูกๆ กลับให้ไปถามน้องลิเดีย ซึ่งก็มีข้อหน้าสังเกตว่า เวลานี้“ลิเดีย”แสดงออกเป็นพิเศษ เมื่อให้สัมภาษณ์ถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ก็มักจะพูดไป หัวเราะไป ไม่ทราบว่ามีความหมายอย่างไรแน่

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงการเสนอบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่า ล่าสุดแม้พล.อ.อนุพงษ์จะบอกว่ายังไม่ได้เสนอ แต่ก็เชื่อว่าทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และนายสมัคร คงจะคุยกันได้ อย่างไรก็ตาม นายสมัครคงจะคิดหนักไม่น้อย เพราะจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีและเป็น รมว.กลาโหมเอง จะบอกว่าคนโน้นคนนี้ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณมาบีบบังคับไม่ได้

** คนกรุงฯเทใจเลือก “รสนา” - ส่งสัญญาณไม่เอา “ระบอบแม้ว”

ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงผลการเลือกตั้ง ส.ว.เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จากผลกการเลือกตั้ง ส.ว.กรุงเทพมหานคร ซึ่งนางรสนา โตสิตระกูล ได้รับเลือกอย่างท่วมท้นถึง 7 แสนกว่าคะแนน เหนือผู้สมัครคนอื่นๆ ทำลายสถิติการเลือกตั้ง ส.ว. 2 ครั้งที่ผ่านมานั้น ถือเป็นสัญญาณที่แรงมากของคนกรุงฯ ที่ไม่เอาพรรคพลังประชาชาชน

นางรสนานั้น มีภาพของการอยู่ตรงข้ามระบอบทักษิณที่ชัดเจนมาก จึงได้รับคะแนนอย่างถล่มทลาย ขณะที่คนที่มีกลางๆ คนกรุงเทพฯ จะไม่ค่อยเลือก เช่น นายนิติพงษ์ ห่อนาค ที่เป็นดาราก็ยังไม่ได้รับเลือก ส่วนคนที่ชัดเจนว่าอยู่ฝั่งพลังประชาชนนั้นคนกรุงเทพฯ ยิ่งไม่เอาเลย นั่นแสดงว่าคนกรุงเทพฯ ได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะเลือกข้างฝ่ายที่จะเข้าไปตรวจสอบอำนาจรัฐไม่ให้เหิมเกริมเกินไป

นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงรัฐมนตรีหลายๆ กระทรวงให้ตระหนักให้ดีว่า คน กทม.ลุกขึ้นมาแล้ว เพื่อส่งเสริมคนดีให้เข้าไปตรวจสอบรัฐบาล เพราะเขาเริ่มระแวงแล้วว่ารัฐบาลเริ่มจะไม่มีความโปร่งใส

อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า กรณีที่นางรสนาได้รับเลือกเป็น ส.ว.นั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กลับพูดถึงในเชิงท้าทายว่า ดีแล้วที่นางรสนาจะได้เข้ามาทำงานตรวจสอบในสภา จะได้รู้ว่าการเมืองในระบบคืออะไร และยังเหน็บแนมว่ายิ่งได้ น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ มาช่วยวางแผน และ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน มาช่วยทำงานตรวจสอบ ก็จะยิ่งดี

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังเคยพูดว่าพันธมิตรฯ ไม่มีความจำเป็นที่จะออกมาเคลื่อนไหว จึงอยากจะฝากบอก ร.ต.อ.เฉลิมว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้น ต้องขยายขอบเขต ประชาชนต้องมีส่วนร่วมทางการปกครองมากกว่าที่ ร.ต.อ.เฉลิม คิด

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น