“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้ชัดรัฐบาลจงใจกลั่นแกล้งย้าย ขรก.ระดับสูง 4 รายซ้อนในรอบ 2 สัปดาห์ รับ “ทักษิณ” กลับ แฉเหตุ “เสรีพิศุทธิ์” โดนเด้งพ้น สตช.เพราะไม่สนองคำขอดึง “เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์” พี่ชาย “คุณหญิงอ้อ” กลับสำนักงานตำรวจฯ แนะ “ทั่นหมัก” ไม่อยากโดนถามเรื่องนายกฯ ซ้อน ต้องแสดงออกถึงความเป็นนายกฯ ตัวจริง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% สำหรับการนำเข้าเงินตราต่างประเทศว่า ธปท.มีความผิดพลาดมากที่สุด ก็คือ หามาตรการที่ไม่สามารถป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทได้ ตั้งแต่ปลายปี 2549 เป็นต้นมา ต้องถือว่าค่าเงินบาทแข็งผิดปกติ หลายคนเลยเป็นห่วงเรื่องของการส่งออกและเกรงว่าสถานการณ์จะไม่ปกติไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ มีจุดที่พลาด คือ มาตรการกันสำรองไปเปิดช่องในส่วนของตลาดหุ้น ก็แปลว่า ถ้าเก็งกำไรในตลาดอื่นไม่ได้ ก็มาเก็งกำไรในตลาดหุ้นแทน ทำให้หนีไม่พ้นที่นักลงทุนจะไปถือหลักทรัพย์อย่างอื่นที่มีค่าเป็นเงินบาท นั่นคือในรูปของหุ้น
อย่างไรก็ตาม การยกเลิกมาตรการกันสำรองจะมีผลระยะสั้นกับตลาดหุ้น หลายคนยังไม่เชื่อมั่นในประเทศไทย ก็จะมาลงทุนในตลาดหุ้นแบบหวือหวาในช่วงระยะสั้นๆ มาตรการที่ปรากฏตอนนี้เป็นได้เพียงแค่ติดตามการเก็งกำไรค่าเงิน แต่มาตรการจริงๆ ในการป้องกันเก็งกำไรค่าเงินยังไม่เห็น ทั้งจากมาตรการที่มีอยู่หรือถึงมี แต่ก็เบาบางมาก
**ฟันธง กลั่นแกล้งย้าย “บิ๊ก ขรก.” รับ “แม้ว” กลับ
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีว่า สถานการณ์บ้านเมืองในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงแล้วหลายคน เริ่มตั้งแต่ย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามด้วยเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ย้ายอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ แล้วก็ในที่สุด ย้าย ผบ.ตร. และเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในช่วงระยะเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับมาประเทศไทย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ฤดูโยกย้ายข้าราชการ การโยกย้ายครั้งนี้จึงถือเป็นการกลั่นแกล้ง เป็นสิ่งที่ย่อมต้องเกิดคำถามกับประชาชนที่เฝ้ามอง
นอกจากนี้ยังมีข่าวการย้าย พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเชียงราย เข้าไปช่วยราชการประจำ สตช. ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า การโยกย้ายครั้งนี้ อาจเป็นผลจากก่อนหน้านี้ที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการขอให้ย้าย พล.ต.ต.ทรงธรรม ออกนอกพื้นที่ชั่วคราว ระหว่างการสอบสวนคดีทุจริตเลือกตั้ง และสุดท้ายก็ไม่ได้มีการโยกย้าย มาโยกย้ายหลังจากที่ กกต.ให้ใบแดงแล้ว เชื่อว่าลึกๆ น่าจะมีแรงกดดันไปที่ ผบ.ตร.พอสมควร พร้อมๆ กับกระแสข่าวการย้าย ผบ.ตร. แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ยืนหยัดทำทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ไม่สนองความต้องการของพรรคพลังประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ท่าทีของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมา ก็ดูมีความสนิทสนมกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย อยู่เป็นประจำ และทำหน้าที่ต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างดี ถึงขนาดที่วันหนึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำคุณงามความดีมาก็มาก เป็นคนดีของแผ่นดิน แต่ข้อเสียก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม เห็นแก่คุณงามความดีของเขาด้วย
อย่างวไรก็ตาม นี่แสดงให้เห็นว่าลึกๆ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ที่คอยสั่งการอีกทีหนึ่งหรือนายสมัคร ก็ตาม ก็คงเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นคนที่ยังมีความไว้ใจไม่ได้ ก็แปลว่าคำสั่งแบบนี้ต้องมีคนที่เหนือกว่าจึงจะทำได้ ไม่ใช่มือธรรมดา ไม่ใช่มือที่มองไม่เห็น เป็นมือที่น่าจะรู้ได้ว่าจะเป็นใคร
** แฉแรงแค้น ต่อรองเก้าอี้ “เพรียวพันธุ์” ไม่สำเร็จ
ผู้ดำเนินรายการ ยังเปิดเผยอีกว่า มีข่าวว่า รัฐบาลชุดนี้มีการต่อรองไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ขอให้ดึง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต รอง ผบ.ตร. พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กลับจากสำนักนายกฯ คืนสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำไม่ได้ เนื่องจากอาจจะเป็นเงื่อนไขของโครงสร้าง หรืออาจจะเป็นเงื่อนไขของเวลา หรืออาจจะเป็นเงื่อนไขของสถานการณ์ จึงสนองตอบไม่ได้
แต่สุดท้ายแล้ว น่าจะมีการสนองอะไรสักอย่างหนึ่งให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ การขึ้นมารักษาการตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่เป็นรอง ผบ.ตร. ทำให้เปิดช่องว่างให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เข้าสู่ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.เพื่อรอขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ในไม่ช้าอย่างแน่นอน
**จี้ “หมัก” เล่นบทนายกฯ ตัวจริง
ในช่วงที่สอง ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีถึง 2 คนว่า ไม่แปลกใจว่าทำไมสื่อสารมวลชนถึงต้องตั้งคำถาม ถามนายสมัคร ขนาดรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังตาม พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างใกล้ชิด ก็เลยสงสัยว่า ยังเป็นรองโฆษกรัฐบาลอยู่หรือไม่
“น่าเห็นใจ คือ น่าเห็นใจทั้งคุณสมัคร และน่าเห็นใจทั้งน้องนักข่าวที่ไปถาม ที่จริงชอบที่คุณสมัคร เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ เราอาจจะมองว่า คุณสมัคร เป็นคนที่ใช้คำพูดที่รุนแรง แต่คำพูดของคุณสมัคร มันสะท้อนอะไรในใจ มีความรู้สึกว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็อยากรักเกียรติภูมิของตัวเอง อยากรักศักดิ์ศรีในความเป็นนายกรัฐมนตรี”
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ถ้าให้ประชาชนเลือกระหว่าง นายสมัครกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่า ประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชนน่าจะมองไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า อย่างน้อยจุดขายบอกว่า จะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับคืนมา ต้องเลือกพรรคพลังประชาชน ต้องยอมรับว่า วันนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอำนาจการสั่งการอยู่ในพรรคพลังประชาชน นายสมัคร ต้องแสดงอะไรบางอย่างออกมาในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าปล่อยให้สื่อมวลชน หรือแม้กระทั้งประชาชนเกิดความสงสัย
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )
