กกต.วิงวอน ปชช.สลัดความเบื่อหน่ายออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว. เผยได้รับเรื่องร้องเรียนทุจริตแล้ว 40 เรื่อง ทุจริตซื้อขายเสียงสูงสุด คาดประกาศรับรองผลได้ทันภายในวันที่ 4 มี.ค.นี้
วันนี้ (2 มี.ค.) อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายในชุดแรกนับตั้งแต่มีการออกเสียงประชามติเลือกตั้ง ส.ส. และสว.เป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกคนกรุณาสลัดความเบื่อหน่ายและออกไปใช้สิทธิ โดยทั้งประเทศมีหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 84,891 หน่วย มีผู้ปฏิบัติงานกว่า 1 ล้านคนที่ทำหน้าที่ และคาดว่าจะสามารถประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการได้ในเวลา 22.00 น.ของวันเดียวกัน
สำหรับสถานการณ์ทั่วไป ได้รับรายงานว่าบางพื้นที่มีฝนตก และยังไม่มีน้ำท่วมรุนแรง ดังนั้น ขอให้ประชาชนออกมาแต่เนิ่นๆ และขอให้ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และรายชื่อผู้สมัครก่อนเข้าคูหาเลือกทั่วประเทศ ทั้งนี้ มีผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ว.ทั้งหมด 505 คน แต่ กกต.ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและพบว่าขาดคุณสมบัติ 33 คน ทำให้เหลือ ส.ว.ลงเลือกตั้งครั้งนี้จำนวน 472 คน ซึ่งหากประชาชนไม่ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัคร และไปเลือกคนที่ถูกตัดสิทธิจะทำให้เป็นบัตรเสียได้
นายอภิชาต กล่าวถึงการอำนายความสะดวกให้ผู้สูงอายุ และพิการว่า กรรมการประจำหน่วย และลูกเสืออาสาของ กกต.จะเป็นผู้ดูแลความสะดวก ส่วนผู้มีปัญหาด้านสายตาจะเตรียมบัตรทาบไว้ให้ และ กกต.หวังว่าทุกคนจะได้รับความสะดวก
นายอภิชาต เปิดเผยว่า กกต.ได้เปิดรับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.-1 มี.ค. พบว่ามีการแจ้งเหตุทุจริตจำนวน 40 เรื่อง แบ่งเป็น แจกเงิน 24 เรื่อง เจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง 4 เรื่อง, จัดเลี้ยง 3 เรื่อง, ปิดป้ายโฆษณาแนะนำตัวผิดที่ 1 เรื่อง, ใส่ร้าย 1 เรื่อง แล อื่นๆ 7 เรื่อง ทั้งนี้ กกต.พยายามให้การเลือกตั้งครั้งนี้สุจริตมากที่สุด และถ้าประชาชนพบเห็นให้แจ้งเบาะแสมาได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 1171
สำหรับปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ที่มีกระแสข่าวว่ามีการลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นายอภิชาต กล่าวว่า เบื้องต้นได้โทรศัพท์ประสานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทราบว่ายังไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นตามที่เป็นข่าว เป็นเพียงวัตถุต้องสงสัย และสร้างสถานการณ์ รวมถึงโทร.แจ้งเหตุมาที่ กกต. อย่างไรก็ตาม ปัญหาในพื้นที่ 3 จึงหวัดชายแดนภาคใต้ กกต.ได้ใช้มาตรการดูแลความปลอดภัยเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส. คือ การเพิ่มเจ้าหน้าที่ 3 เท่า และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่ ช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยดูแลสุขภาพด้วยตนเอง หลังมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเสียชีวิตเมื่อครั้งเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา
นายอภิชาต ยังกล่าวว่า กกต.จะสามารถรับรองผลการเลือกตั้งจนสามารถเปิดประชุมวุฒิสภาได้ภายใน 30 วันนับจากนี้ แม้กฎหมายจะไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะต้องทำให้เสร็จตามระยะเวลาดังกล่าว แต่ กกต. ก็จะใช้แผนงานสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.มาเทียบเคียง เพราะขณะนี้ สนช.ก็หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว จึงต้องรีบประกาศรับรองเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศขึ้น รวมไปถึงหาก ในจังหวัดใดที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน กกต.ก็จะประกาศรับรองภายใน 7 วันทำการ
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า เพราะทุกเสียงถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 50 ได้ให้ความสำคัญกับ ส.ว.ค่อนข้างมาก ทั้งถอดถอน แต่งตั้งองค์กรอิสระรวมถึงหากข้าราชการระดับสูงมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็สามารถถอดถอนได้ และมีอำนาจในการถ่วงดุลนโยบายของรัฐบาล
สำหรับการประกาศรับรองผลเชื่อว่าจะทำได้ภายในวันที่ 4 มี.ค. แต่หาก ส.ว.จังหวัดใดมีเรื่องร้องเรียนเราก็สามารถตรวจสอบเพื่อประกาศรับรองผลภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนที่สำคัญประมาณ 8 เรื่อง ที่มีทั้งติดป้ายหาเสียง ซื้อเสียง รวมไปถึงมี ส.ส.ในพื้นที่จ.ภาคอีสานไปช่วยผู้สมัคร ส.ว.หาเสียง โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและเชื่อว่าการเลือกตั้ง ส.ว.คงไม่มีการแข่งขันที่รุนแรง
ด้าน นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการด้านกิจการการมีส่วนร่วม แถลงถึงการรับรายงานสถานการณ์แจ้งเหตุทุจริตจากองค์การเอกชน 190 องค์กรทั่วประเทศว่า จากการที่มีอาสาสมัครร่วมทำงานตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.-1 มี.ค.มีการแจ้งเหตุเข้ามาจำนวน 13 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการแจกเงินซื้อเสียง พบมากใน จ.เชียงราย อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ประจวบคีรีขันธ์ หนองคายและแพร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ได้รับข้อมูลจากนายเพชร นางาม อาสาสมัครได้นำพยานและเงินสดเป็นใบละ 100 จำนวน 4-5 ใบมาแจ้งต่อ ผอ.กต.จว.อำนาจเจริญ โดยพยานอ้างว่าได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้สมัคร ส.ว.รายหนึ่ง ดังนั้น การร้องเรียนเหล่านี้ทาง กกต.จะส่งข้อมูลให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ การที่ กกต.ได้เปิดโครงการรณรงค์สายตรงถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่มีนักเรียน นักศึกษามาร่วมเป็นอาสาสมัครตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.-1 มี.ค.ก็สามารถติดต่อเชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิได้ทั้งสิ้น 131,597 สาย โดยตอบว่าจะไปใช้สิทธิจำนวน 118,922 สาย คิดเป็นร้อยละ 90.41 ไม่แน่ใจว่าจะสามารถไปใช้สิทธิได้ 6,741 สาย คิดเป็นร้อยละ 5.08 และไม่ออกไปใช้สิทธิ 5,937 สาย คิดเป็นร้อยละ 5.08