ผู้จัดการรายวัน – ททท. ร่วมไว้อาลัย สมเด็จพระพี่นางฯ งดจัดอีเว้นต์ 3 งานยักษ์ในไตรมาสแรก รวมงบเฉียด 100 ล้านบาท ปรับเป็นทำบุญใหญ่ถวายเป็นพระราชกุศลช่วงเทศกาลสงกรานต์ และโยกงบไปกระตุ้นตลาดช่วงโลว์ซีซั่นทดแทน ด้านตลาดต่างประเทศ ยังเดินสายโรดโชว์ต่อเนื่อง ล่าสุด ร่วมหนุนเก็บตัวนางงามเชก หวังกระตุ้นตลาดยุโรปตะวันออก ขณะที่ประธานบอร์ดคนใหม่ “ศักดิ์ทิพย์” เครื่องร้อน ออกตรวจงานททท. ก่อนวันประชุมจริง16 ม.ค.นี้
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ดังนั้นที่ประชุมผู้บริหาร ททท. มีมติงดจัดงานอีเว้นต์ที่เป็นงานรื่นเริงในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2551 ซึ่งมี 3 งานใหญ่ ที่ จะยกเลิก ชะลอ และถอนตัว รวมเป็นวงเงินงบประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ได้แก่ งานเทศกาลตรุษจีน ที่ประชุมมีมติให้ ททท.ถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนในทุกจังหวัด แต่ผู้จัดงานหลัก ยังคงจัดงานอยู่เช่นเดิม , งานพัทยา มิวสิค เฟสติวัล ที่กำหนดจัดต้นเดือนมีนาคม จะเลื่อนออกไปจัดในเดือนมิถุนายน
***ทำบุญใหญ่ถวายพระพี่นางฯ***
ส่วนงานเทศกาลสงกรานต์ ในเดือนเมษายน ได้งดจัดงานสงกรานต์สี่ภาคที่ท้องสนามหลวง แต่ให้จัดเป็นงานทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระพี่นางฯ ทั้งนี้เพราะเป็นช่วงเวลาที่ตรงกันการสิ้นพระชนม์ครบ 100 วัน พอดี โดย ททท. จะสั่งการให้ ทุกสำนักงานในต่างจังหวัด จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร ทั่วประเทศ
“ในส่วนของนาฎศิลป์จีนที่ ททท.ได้ติดต่อมาแสดงในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะนี้กำลังเจรจาว่า ขอให้เข้ามาแสดงในช่วงงาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย สำหรับงบจัดงาน ทั้ง 3 กิจกรรม เกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบสำหรับตลาดในประเทศ ททท.จะนำไปใช้ทำการตลาด เพื่อกระตุ้นตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศในช่วงโลว์ซีซั่นของปีนี้ เพราะเชื่อว่าขณะนี้คนไทยทั้งประเทศยังอยู่ในความโศกเศร้า คงไม่มีอารมณ์ที่จะเดินทางท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ส่วนกิจกรรมงานประเพณีในแต่ละจังหวัดที่ ททท.ภูมิภาคต้องเข้าไปสนับสนุนก็ยังคงให้ดำเนินการไปตามปกติ ตามความเหมาะสม ”
นางพรศิริกล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศ ปี 2550 ที่ผ่านมามีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศทั้งสิ้น 82.47 ล้านคนครั้ง เติบโตจากปีก่อน 1.21% ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ในเรื่องของรายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ คือได้เพียง 3.73 แสนล้านบาท จากเป้าหมายตั้งไว้ 3.8 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพราะ คนไทย หันมาเที่ยวระยะใกล้แบบเช้าไปเย็นกลับมาขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันแพง ที่พักแพง โดยเดินทางด้วยตัวเองมากกว่าใช้บริการบริษัทนำเที่ยว เห็นได้ชัดจากสถิติ การใช้จ่าย ตลาดในประเทศ ต่อคนต่อทริปในวันพักเฉลี่ยที่ 2.64 วัน ที่ค่าใช้จ่าย 3,330 บาทลดลงจากปี 2549 ราว 10%
สำหรับกิจกรรมในต่างประเทศ ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้เป็นปกติ โดยในส่วนของตลาด ยุโรปตะวันออก เช่น สาธารณะรัฐ เชก โปร์แลนด์ ฮังการี เยอรมันตะวันออก เป็นต้น ททท. ได้วางแผนทำการตลาดเชิงรุก เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา แต่ละตลาดมีการเติบโตเฉลี่ยประเทศละ 20-30% ซึ่งตลาดสำคัญของยุโรปตะวันออกช่วง 11 เดือนแรกของปี 2550 มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 108,845 คน เพิ่มขึ้น 32.7% ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตเป็นอันดับ 2 รองจากรัสเซียที่มีจำนวนนักท่องเที่ยว 182,752 คน เพิ่มขึ้น 53.66%
**โรดโชว์16งาน16ประเทศ***
ดังนั้นในปี 2551 ททท.จะเร่งเดินหน้าออกงานโรดโชว์ ที่จัดขึ้นในประเทศกลุ่มนี้ให้มากขึ้นและถี่ขึ้น โดยตั้งงบประมาณจากส่วนกลางไว้ 6 ล้านบาท พร้อมกับหาผู้สนับสนุนเพิ่มเติมในการออกงานแต่ละครั้ง ซึ่งจะเข้าร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ทั้งหมด 16 งาน ใน 16 ประเทศ เช่น นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ สาธารณะรัฐเชก อิตาลี เบลเยี่ยม สเปน เดนมาร์ก สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ โปร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส เป็นต้น โดยในงาน International Tourismus Borse (ITB) ที่ประเทศเยอรมัน ปีนี้ ทาง ททท. ได้เตรียมเชิญ เอกชน 30 ราย เดินสายโรดโชว์ต่อ หรือ โพส ไอทีบี โรดโชว์ นอกจากนั้นยังร่วมงานระดับท้องถิ่นประเทศ ที่สาธารณะรัฐเชก ระหว่างวันที่ 14-17 ก.พ.51 ที่งาน ฮอลิเดย์ เวิลด์
ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรปตะวันออกในปีนี้เพิ่มขึ้น 11.4%
และมีรายได้รวมที่ 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.24% ซึ่งเชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มยุโรปตะวันออก และเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนแนวโน้มการบริโภคสินค้าต่างประเทศเริ่มกลายมาเป็นแฟชั่นของตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ยังได้รับความนิยม ได้แก่ พัทยา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เดินทางมาครั้งแรก นิยมเดินทางมาด้วยตัวเอง และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ซึ่งมีอายุระหว่าง 25-34 ปี
****ดึงเวทีนางงามเชกโปรโมตไทย**
เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตลาดนี้ ล่าสุด ททท.ได้ร่วมเป็นผู้สนุบสนุนการต้อนรับคณะสาวงาม ทีมงาน สื่อมวลชน จากเวทีประกวด Miss Czfch 2008 ของสาธารณรัฐเชก รวม 27 คน เพื่อเก็บตัวในประเทศไทยระหว่างวันที่ 3-17 มกราคมนี้ ด้วยวงเงิน 9 แสนบาท
ทั้งนี้ ในระหว่างเก็บตัวคณะสาวงามดังกล่าวจะเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวราราม ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมืองโบราณ สวนนงนุช ชายหาดพัทยา เกาะปันหยี หาดป่าตอง หาดกะตะ กะรน เป็นต้น พร้อมกับการบันทึกเทปเพื่อจัดทำเป็นสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
โดยการบันทึกเทปทั้งหมด จะได้ออกอากาศทาง TV Nova ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ยอดนิยมของเชก และ ลงในนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ เท่ากับเป็นการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวของไทย ผ่านเวทีประกวดนางามของประเทศนี้ ซึ่งเป้าหมายจะชัดเจนคือเป็นกลุ่มอัพมาร์เก็ต ที่ ททท.ต้องการ
ส่วนภาพรวมของตลาดต่างประเทศ ปี 2551 ตั้งเป้าหมายที่ 15.7 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 6 แสนล้านบาท มั่นใจว่าทำได้แน่นอน เพราะปีนี้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติ ผ่านการเลือกตั้งและกำลังจะมีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศแล้ว
***เชื่อการเมืองยังแทรกแซงได้**
ทางด้านนายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมการบริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ด ททท.) ได้กล่าวภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยมหน่วยงาน ททท. ว่า ได้มอบนโยบายแก่ ททท. ในเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดรอง เพื่อกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง และ การใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์สถานที่ท่องเที่ยวให้อยู่ในสภาพดี ซึ่งถือเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล
สำหรับเรื่องโครงสร้างบอร์ดชุดใหม่ ซึ่งแต่งตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.การท่องเที่ยวฉบับปี พ.ศ.2550 นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะ เปิดให้เอกชนเข้ามาเป็นกรรมการ สะท้อนให้เห็นว่า ภาครัฐและเอกชนจะร่วมการทำงานกันมากขึ้น รัฐจะรับฟังความคิดเห็นของเอกชนมากขึ้น ขณะเดียวกันมองว่า เรื่องการแทรกแซงทางการเมือง คงหนีไม่พ้น แม้ว่าประธานบอร์ดจะไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวก็ตาม แต่ก็เป็นผู้ที่ได้มาจากการแต่งตั้งของ รัฐมนตรีว่าการฯ ขณะเดียวกัน ททท.ก็เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ภายใต้การดูและของการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แต่มั่นใจว่าการทำงานจะคล่องตัวขึ้นกว่าเดิมแน่นอน โดยการประชุมบอร์ดชุดใหม่นัดแรกจะมีขึ้นในวันที่ 16 ม.ค.นี้
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ดังนั้นที่ประชุมผู้บริหาร ททท. มีมติงดจัดงานอีเว้นต์ที่เป็นงานรื่นเริงในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2551 ซึ่งมี 3 งานใหญ่ ที่ จะยกเลิก ชะลอ และถอนตัว รวมเป็นวงเงินงบประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ได้แก่ งานเทศกาลตรุษจีน ที่ประชุมมีมติให้ ททท.ถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนในทุกจังหวัด แต่ผู้จัดงานหลัก ยังคงจัดงานอยู่เช่นเดิม , งานพัทยา มิวสิค เฟสติวัล ที่กำหนดจัดต้นเดือนมีนาคม จะเลื่อนออกไปจัดในเดือนมิถุนายน
***ทำบุญใหญ่ถวายพระพี่นางฯ***
ส่วนงานเทศกาลสงกรานต์ ในเดือนเมษายน ได้งดจัดงานสงกรานต์สี่ภาคที่ท้องสนามหลวง แต่ให้จัดเป็นงานทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระพี่นางฯ ทั้งนี้เพราะเป็นช่วงเวลาที่ตรงกันการสิ้นพระชนม์ครบ 100 วัน พอดี โดย ททท. จะสั่งการให้ ทุกสำนักงานในต่างจังหวัด จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร ทั่วประเทศ
“ในส่วนของนาฎศิลป์จีนที่ ททท.ได้ติดต่อมาแสดงในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะนี้กำลังเจรจาว่า ขอให้เข้ามาแสดงในช่วงงาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย สำหรับงบจัดงาน ทั้ง 3 กิจกรรม เกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบสำหรับตลาดในประเทศ ททท.จะนำไปใช้ทำการตลาด เพื่อกระตุ้นตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศในช่วงโลว์ซีซั่นของปีนี้ เพราะเชื่อว่าขณะนี้คนไทยทั้งประเทศยังอยู่ในความโศกเศร้า คงไม่มีอารมณ์ที่จะเดินทางท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ส่วนกิจกรรมงานประเพณีในแต่ละจังหวัดที่ ททท.ภูมิภาคต้องเข้าไปสนับสนุนก็ยังคงให้ดำเนินการไปตามปกติ ตามความเหมาะสม ”
นางพรศิริกล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศ ปี 2550 ที่ผ่านมามีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศทั้งสิ้น 82.47 ล้านคนครั้ง เติบโตจากปีก่อน 1.21% ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ในเรื่องของรายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ คือได้เพียง 3.73 แสนล้านบาท จากเป้าหมายตั้งไว้ 3.8 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพราะ คนไทย หันมาเที่ยวระยะใกล้แบบเช้าไปเย็นกลับมาขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันแพง ที่พักแพง โดยเดินทางด้วยตัวเองมากกว่าใช้บริการบริษัทนำเที่ยว เห็นได้ชัดจากสถิติ การใช้จ่าย ตลาดในประเทศ ต่อคนต่อทริปในวันพักเฉลี่ยที่ 2.64 วัน ที่ค่าใช้จ่าย 3,330 บาทลดลงจากปี 2549 ราว 10%
สำหรับกิจกรรมในต่างประเทศ ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้เป็นปกติ โดยในส่วนของตลาด ยุโรปตะวันออก เช่น สาธารณะรัฐ เชก โปร์แลนด์ ฮังการี เยอรมันตะวันออก เป็นต้น ททท. ได้วางแผนทำการตลาดเชิงรุก เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา แต่ละตลาดมีการเติบโตเฉลี่ยประเทศละ 20-30% ซึ่งตลาดสำคัญของยุโรปตะวันออกช่วง 11 เดือนแรกของปี 2550 มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 108,845 คน เพิ่มขึ้น 32.7% ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตเป็นอันดับ 2 รองจากรัสเซียที่มีจำนวนนักท่องเที่ยว 182,752 คน เพิ่มขึ้น 53.66%
**โรดโชว์16งาน16ประเทศ***
ดังนั้นในปี 2551 ททท.จะเร่งเดินหน้าออกงานโรดโชว์ ที่จัดขึ้นในประเทศกลุ่มนี้ให้มากขึ้นและถี่ขึ้น โดยตั้งงบประมาณจากส่วนกลางไว้ 6 ล้านบาท พร้อมกับหาผู้สนับสนุนเพิ่มเติมในการออกงานแต่ละครั้ง ซึ่งจะเข้าร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ทั้งหมด 16 งาน ใน 16 ประเทศ เช่น นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ สาธารณะรัฐเชก อิตาลี เบลเยี่ยม สเปน เดนมาร์ก สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ โปร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส เป็นต้น โดยในงาน International Tourismus Borse (ITB) ที่ประเทศเยอรมัน ปีนี้ ทาง ททท. ได้เตรียมเชิญ เอกชน 30 ราย เดินสายโรดโชว์ต่อ หรือ โพส ไอทีบี โรดโชว์ นอกจากนั้นยังร่วมงานระดับท้องถิ่นประเทศ ที่สาธารณะรัฐเชก ระหว่างวันที่ 14-17 ก.พ.51 ที่งาน ฮอลิเดย์ เวิลด์
ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรปตะวันออกในปีนี้เพิ่มขึ้น 11.4%
และมีรายได้รวมที่ 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.24% ซึ่งเชื่อว่ายังมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มยุโรปตะวันออก และเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนแนวโน้มการบริโภคสินค้าต่างประเทศเริ่มกลายมาเป็นแฟชั่นของตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ยังได้รับความนิยม ได้แก่ พัทยา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เดินทางมาครั้งแรก นิยมเดินทางมาด้วยตัวเอง และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน ซึ่งมีอายุระหว่าง 25-34 ปี
****ดึงเวทีนางงามเชกโปรโมตไทย**
เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ตลาดนี้ ล่าสุด ททท.ได้ร่วมเป็นผู้สนุบสนุนการต้อนรับคณะสาวงาม ทีมงาน สื่อมวลชน จากเวทีประกวด Miss Czfch 2008 ของสาธารณรัฐเชก รวม 27 คน เพื่อเก็บตัวในประเทศไทยระหว่างวันที่ 3-17 มกราคมนี้ ด้วยวงเงิน 9 แสนบาท
ทั้งนี้ ในระหว่างเก็บตัวคณะสาวงามดังกล่าวจะเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวราราม ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมืองโบราณ สวนนงนุช ชายหาดพัทยา เกาะปันหยี หาดป่าตอง หาดกะตะ กะรน เป็นต้น พร้อมกับการบันทึกเทปเพื่อจัดทำเป็นสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
โดยการบันทึกเทปทั้งหมด จะได้ออกอากาศทาง TV Nova ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ยอดนิยมของเชก และ ลงในนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ เท่ากับเป็นการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวของไทย ผ่านเวทีประกวดนางามของประเทศนี้ ซึ่งเป้าหมายจะชัดเจนคือเป็นกลุ่มอัพมาร์เก็ต ที่ ททท.ต้องการ
ส่วนภาพรวมของตลาดต่างประเทศ ปี 2551 ตั้งเป้าหมายที่ 15.7 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 6 แสนล้านบาท มั่นใจว่าทำได้แน่นอน เพราะปีนี้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติ ผ่านการเลือกตั้งและกำลังจะมีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศแล้ว
***เชื่อการเมืองยังแทรกแซงได้**
ทางด้านนายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมการบริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ด ททท.) ได้กล่าวภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยมหน่วยงาน ททท. ว่า ได้มอบนโยบายแก่ ททท. ในเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดรอง เพื่อกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง และ การใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์สถานที่ท่องเที่ยวให้อยู่ในสภาพดี ซึ่งถือเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล
สำหรับเรื่องโครงสร้างบอร์ดชุดใหม่ ซึ่งแต่งตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.การท่องเที่ยวฉบับปี พ.ศ.2550 นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะ เปิดให้เอกชนเข้ามาเป็นกรรมการ สะท้อนให้เห็นว่า ภาครัฐและเอกชนจะร่วมการทำงานกันมากขึ้น รัฐจะรับฟังความคิดเห็นของเอกชนมากขึ้น ขณะเดียวกันมองว่า เรื่องการแทรกแซงทางการเมือง คงหนีไม่พ้น แม้ว่าประธานบอร์ดจะไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวก็ตาม แต่ก็เป็นผู้ที่ได้มาจากการแต่งตั้งของ รัฐมนตรีว่าการฯ ขณะเดียวกัน ททท.ก็เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ภายใต้การดูและของการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แต่มั่นใจว่าการทำงานจะคล่องตัวขึ้นกว่าเดิมแน่นอน โดยการประชุมบอร์ดชุดใหม่นัดแรกจะมีขึ้นในวันที่ 16 ม.ค.นี้