ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - 3 ผู้สมัคร ส.ส.สอบตกเลือกซ่อมใบแดง เขต 1 บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน-ปชป.นำโดย “โสภณ เพชรสว่าง” แถลงคัดค้านการรับรองผลเลือกตั้งของ 3 ส.ส.พรรคมัชฌิมาฯ แฉพบหลักฐานสูตรการซื้อเสียงเทคะแนนของพรรค “พลังแม้ว” ให้ 3 ผู้สมัครมัชฌิมาฯพลิกชนะยกทีมแบบถล่มทลาย เผยหอบเอกสารหลักฐานร้องทั้ง กกต.จังหวัด และ กกต.กลาง ด้านประธาน กกต.บุรีรัมย์ ระบุมีการร้องทุจริตเลือกซ่อมแล้ว 7 เรื่อง รวมร้องคัดค้าน 1 เรื่อง เร่งพิจารณาส่งให้ กกต.กลางเชือด
วันนี้ (18 ม.ค.) นายโสภณ เพชรสว่าง พร้อมด้วย นายหนูแดง วรรณกางซ้าย ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) และ นายภุชงค์ เลาหศิริวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เขตเลือกตั้งที่ 1 บุรีรัมย์ ได้ร่วมกันออกมาแถลงข่าวที่สำนักงาน “โสภณ เพชรสว่าง” ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ คัดค้านการประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส.ของผู้สมัคร พรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌ.) ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ สุขเกษม นายมาโนช เฮงยศมาก และ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ที่ได้คะแนนเลือกตั้งสูงเป็นลำดับที่ 1-3 ในการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยอ้างว่าการเลือกตั้งใหม่ ส.ส. เขต 1 บุรีรัมย์ วันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้สมัคร ส.ส.พรรค มฌ.ทั้ง 3 คน ได้รับการช่วยเหลือและเทคะแนนจากกลุ่มผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่ถูก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดง หวังสกัดผู้สมัคร พรรค พผ.และพรรคอื่นๆ ไม่ให้ได้ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส พร้อมทั้งได้มีการแจกจ่ายเงินซื้อเสียง เพื่อให้ได้มาซึ่งการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ผู้สมัครทั้ง 3 คน นำโดย นายโสภณ เพชรสว่าง ยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องต่อ กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ และจะนำข้อมูลหลักฐาน พร้อมเอกสารแผนระบบการแจกเงินซื้อเสียงของพรรคพลังประชาชน (พปช.) ไปร้องต่อ กกต.กลางให้พิจารณาระงับการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งใหม่ ส.ส. เขต 1 บุรีรัมย์ และให้ดำเนินการสอบเอาผิดกับผู้สมัครทั้ง 3 คน ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างเร่งด่วน
นายโสภณ เพชรสว่าง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์ ปรากฏว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ที่นั่ง ส.ส.ทั้ง 3 ที่นั่ง ซึ่งมีผู้นำเอกสารสูตรการแจกเงินซื้อเสียงของพรรคพลังประชาชน มาให้ นายภุชงค์ ซึ่งเป็นสูตรการแจกเงินซื้อเสียงที่เป็นระบบ มีหัวคะแนนหลัก คือ ระดับ A เป็นนายกเทศมนตรี นายก อบต., กำนัน ได้รายละ 10,000 บาท ถ้าชนะจ่ายเพิ่ม รองลงมาเป็น ระดับ B ผู้ใหญ่บ้าน รายละ 2,000 บาท ถ้าชนะจ่ายเพิ่ม, รองลงมาเป็น ระดับ C หัวคะแนนกลุ่มย่อยในพื้นที่เพื่อขยายหาเครือข่าย 10-20 เสียงต่อคน รายละ 500 บาท หากชนะจ่ายเพิ่ม และ ระดับ D ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนได้รายละ 100 บาท
โดยสูตรดังกล่าวได้แจกเงินพร้อมสั่งการให้เทคะแนนให้เบอร์ 1-2-3 พรรคมัชฌิมาธิปไตย และห้ามเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย, เพื่อแผ่นดิน และ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหากหน่วยใดได้คะแนนไม่ถึง 5 คะแนน รับโบนัสอีก 30,000 บาท ซึ่งเป็นแผนการสกัดกั้นไม่ให้พรรคเพื่อแผ่นดินได้ที่นั่ง ส.ส.ซึ่งผลการเลือกตั้งก็ปรากฏชัดแล้ว
และยังสอดคล้องกับใบปลิวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ที่เขียนโจมตีการให้ใบแดงของ กกต.กับผู้สมัครพลังประชาชน ว่า เป็นการกลั่นแกล้ง พร้อมเชิญชวนประชาชนห้ามเลือกผู้ที่ร้องเรียนจนได้ใบแดง ซึ่งก็คือ นายหนูแดง และตน นั่นเอง
นายโสภณ กล่าวต่อว่า ทั้ง 2 เรื่องชี้ให้เห็นว่า พรรคพลังประชาชนจับมือกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย มีการแจกเงินซื้อเสียงเพื่อเทคะแนนอย่างชัดเจน โดยดูจากผลคะแนนจะเห็นว่า เลือกตั้งครั้งที่แล้ว เบอร์ 1 พรรคมัชฌิมาฯ ได้เพียง 8,143 คะแนน แต่ครั้งนี้ได้กว่า 66,000 คะแนน ส่วน เบอร์ 2 พรรคมัชฌิมาฯ ครั้งที่แล้วได้เพียง 4,928 คะแนน ครั้งนี้คะแนนพุ่งเป็นกว่า 71,000 คะแนน
“ในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้สมัคร ส.ส.จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ กรณีดังกล่าวผมพร้อมทั้ง นายหนูแดง และ นายภุชงค์ จึงได้ร้องคัดค้านไม่ให้มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 กับกกต.จังหวัดบุรีรัมย์ และ กกต.กลาง” นายโสภณ กล่าว
ด้าน นายเกษม วัฒนธรรม ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งใหม่ในเขต 1 บุรีรัมย์ จนถึงขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้งแล้ว 7 เรื่อง เป็นกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้องว่า ผู้สมัครพรรคการเมืองคู่แข่งแจกเงินซื้อเสียง 2 เรื่อง และเป็นเรื่องที่ชาวบ้านจากอำเภอต่างๆ นำเงินที่ได้รับจากหัวคะแนนมามอบแก่ กกต. เพื่อเป็นพยานหลักฐานร้องทุจริตเลือกตั้งของผู้สมัครอีก 5 เรื่อง
นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน ร้องว่า มีการแจกใบปลิว เพื่อชักจูงไม่ให้ประชาชนลงคะแนนให้ รวมไปถึงการร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งส.ส.อีก 1 เรื่อง รวมเป็น 8 เรื่อง ซึ่ง กกต.จังหวัดจะเร่งนำเข้าที่ประชุมพิจารณาว่าจะรับเป็นเรื่องร้องเรียนหรือไม่ ก่อนที่จะสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อรวบรวมเป็นสำนวนส่งให้ กกต.กลาง พิจารณาวินิจฉัยต่อไป
“อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งใหม่ในเขต 1 บุรีรัมย์ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้จะมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพียง 50.61% เท่านั้น อาจเพราะเนื่องจากวันเลือกตั้งไม่ตรงกับวันหยุด” นายเกษม กล่าว