“โสภณ เพชรสว่าง” โวยแหลก อ้างสอบตกบุรีรัมย์เพราะ “พลังแม้ว” เทเสียงให้ผู้สมัครมัชฌิมาฯ ชี้เป็นการซื้อเสียง เรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบ ระบุผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งซ่อมจากการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.ได้แค่ 8 พันกว่าคะแนนแต่คราวนี้พุ่งพรวดเป็นเกือบแสนคะแนน ข้องใจ “หมัก” อยากควบกลาโหมเพราะมีงบประมาณมาก
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อแผ่นดิน เมื่อเวลา 11.30 น. นายโสภณ เพชรสว่าง และนายหนูแดง วรรณกลางซ้าย แถลงข่าวร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้งซ่อมที่ จ.บุรีรัมย์ เขต 1 โดยนำ นายภุชงค์ เลาหะศิริวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้รับทราบแผนการซื้อเสียงและเทคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคมัชฌิมาธิปไตยมาเป็นพยาน และร่วมแถลงข่าวด้วย
โดย นายภุชงค์ ยืนยันว่า ได้รับทราบแผนการซื้อเสียงดังกล่าวในระหว่างหาเสียงที่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ และเมื่อมีการเลือกตั้งทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนทั้งสิ้น ขอย้ำว่าการเทคะแนนก็คือต้องซื้อเสียงใหม่เท่านั้นจึงจะทำได้ แต่จะบอกให้ประชาชนเลือกอีกครั้งเป็นไปไม่ได้แน่ ทั้งนี้ พยานที่ได้รับโบนัสครั้งนี้ก็บอกว่าเงินออกแล้วและพยานคนนี้ก็ให้ปากคำกับ กกต.ไปแล้ว จึงรู้สึกเสียใจที่มีคนทำให้ จ.บุรีรัมย์ เสียชื่อ
นายโสภณ กล่าวด้วยว่า อยากชี้ให้เห็นว่าเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาผู้สมัครของพรรคมัชฌิมาได้คะแนนเลือกตั้งเพียงแค่ 8,400 คะแนน และ 4,928 คะแนน แต่พอการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 ม.ค. กลับได้ถึง 6 หมื่นคะแนน และ 7 หมื่นคะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติเพราะการหาเสียงในเวลาสั้นไม่สามารถจะทำให้คะแนนขึ้นมาได้มากขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะเป็นการทำเพื่อหวังตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นในขณะนี้ฝ่ายที่ถูกให้ใบแดงก็สะใจที่สามารถล้มคนที่แจ้งข้อมูลได้ จากนี้ต่อไปตนจะเดินหน้าการเมืองนอกสภาจะเปิดเครือข่ายภาคประชาชนที่ จ.บุรีรัมย์ด้วย อยากให้ กกต.จัดการเรื่องนี้โดยให้ จ.บุรีรัมย์ เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะต่อไปบุรีรัมย์ก็จะเบ็ดเสร็จ ที่ผ่านมาใครก็รู้ว่า นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธ์ โดนยิงเรื่องอะไร คนอื่นออกโฉนดไม่ได้แต่มีคนเดียวที่ออกได้
เมื่อถามว่าการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้กระทบความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า ตนสนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่การซื้อเสียงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน การที่พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลถือเป็นบุญคุณกับพรรคพลังประชาชนเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่เข้าร่วมพลังประชาชนก็จะมีเสียงไม่พอ ทั้งนี้ เชื่อว่ารัฐมนตรีที่เข้าไปทำงานล้วนเป็นนอมินีทั้งหมดซึ่งจะสร้างปัญหาตามมาอีกแน่นอน ขอตั้งข้อสังเกตอีกว่าเหตุใดนายสมัครจึงอยากจะนั่งควบในตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วย เพราะกระทรวงนี้มีงบประมาณมากนับหมื่นล้านบาท เรื่องอยากให้ประชาชนได้จับตาติดตามด้วย
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาตามที่ได้บอกได้รับการอนุญาตจากพรรคแล้วหรือยัง นายโสภณ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าแล้ว และที่ออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้ก็ได้หารือกับหัวหน้าแล้วเช่นกัน ซึ่งหัวหน้าก็ไม่ได้ห้ามอะไร แต่หากการเคลื่อนไหวของตนในอนาคตหากถูกห้ามในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตนก็พร้อมที่จากลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรค และไปเคลื่อนไหวในนามส่วนตัว
/0110