“แกนนำพันมิตรฯ” ยัน ปชป.ไม่ปิดกั้น ไม่ลืมกำพืดดั้งเดิม เติบโตจากการเมืองภาคประชาชน ขวางหุ่นเชิดทุกรูปแบบ จวกพวกขนคนต้อนรับกลับไทย “ทักษิณ” เป็นพ่อหรืออย่างไร จัดงานเอิกเกริก
วันนี้ (26 ก.พ.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่ไปร่วมแถลงข่าวประกาศเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยใช้เวลาในการหารือนานร่วม 30 นาที
นายสมเกียรติ กล่าวว่า การหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ใช้เวลานานพอสมควร และเป็นการหารือด้วยบรรยากาศของความเข้าใจ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนร่วม กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งยอมรับว่าประชาธิปัตย์เปิดกว้างมากขึ้น ยอมรับฟังความคิดเห็นของการเมืองภาคประชาชน การหารือไม่มีบรรยากาศของการเคร่งเครียดแต่อย่างใด โดยพรรคไม่ได้ปิดกั้นการทำงานภาคประชาชนของตนแต่อย่างใด แต่ต้องไม่กระทบกับวัฒนธรรมองค์กรของพรรค
“ผมเป็น 1 ใน 5 ของพันธมิตรฯ เกิดจากการเมืองภาคประชาชน จนได้เป็น ส.ส. หากผมไม่ไปร่วมแถลงด้วย ผมก็เสียหาย เพราะเกิดมาจากภาคประชาชน ผมไม่ลืมกำพืดของตัวเองได้ เพราะประชาชนส่วนหนึ่งเลือกผมเข้ามาเพราะจากบทบาทการทำหน้าที่ทางการเมืองภาคประชาชน นี่คือจุดยืนของผม ดังนั้น เมื่อผมถูกเลือกเข้ามาจึงต้องทำหน้าที่ทั้งการเมืองในสภา และการเมืองภาคประชาชนด้วยความสมดุล คือ มีจุดยืนทางการเมืองภาคประชาชน เคารพกฎระเบียบและวัฒนธรรมองค์กรของพรรค และการเคลื่อนไหวหากเกิดวิกฤติด้วยความเหมาะสม” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งขึ้นมามีบทบาทอย่างชัดเจนซึ่งครบ 2 ปีแล้ว และเมื่อตนมาเป็น ส.ส.แล้วก็สามารถเคลื่อนไหวภาคประชาชนได้ เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคอื่น ซึ่ง ส.ส.อีสานหลายคนไปตั้งชมรมคนรักทักษิณ หลังจากได้รับการเลือกตั้งไปแล้ว สมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ บางคนก็ไปเป็นรัฐมนตรีกันอย่างเอิกเกริกไม่เห็นมีใครว่าอะไร ซึ่งตนเดิมเคยเป็นแกนนำพันธมิตร การกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งจึงไม่น่าจะกระทบกับพรรคและไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร การทำงานการเมือง ต้องไม่ลืมการเมืองภาคประชาชนด้วย
เมื่อถามว่าหากพันธมิตรฯ ต้องการให้ไปเป็นแกนนำการเคลื่อนไหวจะตัดสินใจอย่างไร นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนจะปฏิเสธความต้องการและเสียงเรียกร้องความต้องการของภาคประชาชนไม่ได้ เมื่อส่วนใหญ่ตัดให้ตนมาเป็นแกนนำก็พร้อมที่จะมาทำงาน เพราะในอนาคตพันธมิตรจะมีการขยายแกนนำเพิ่มเติมอีก 7-9 คน ซึ่งจะมีการประชุมเครือข่ายภาคประชาชนทั้งประเทศในกลางเดือนมีนาคมนี้อีกครั้ง เพื่อกำหนดแกนนำและบทบาทการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนนับจากนี้
เมื่อถามว่าการออกมาแสดงจุดยื่นการเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชน จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับแนวทางของพรรค และจะเป็นการซ้ำรอยกับกรณีของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หรือไม่ นายสมเกียรติ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ มี ส.ส.มากขึ้น มีความหลากหลาย และเป็นกว้างรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค และเป็นพรรคที่ยอมรับเหตุผลของความหลากหลายมากกว่าพรรคอื่นในยามนี้
เมื่อถามว่าการออกมาเคลื่อนไหวของเครือข่ายพันธมิตรฯ โดยเฉพาะการออกมาชุมนุมอีกครั้งจะยืนอยู่บนเงื่อนไขอย่างไร นายสมเกียรติ กล่าวว่า จุดยืนของพันธมิตรคือการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อมาต่อสู้คดี
