“หมอมงคล” อำลาตำแหน่ง รมว.สธ.ชี้ ระบบดี รัฐมนตรีใหม่ก็ทำงานไปตามระบบ ไม่ห่วงข้าราชการ ชมทำงานดี รู้บทบาทหน้าที่ สมานฉันท์ดีขึ้น ย้ำไม่สนการเมืองทำงานกับสหพัฒน์สบายใจกว่า เสียดาย 1 ปีรัฐบาลขิงแก่น่าจะทำงานได้มากกว่านี้ แต่เดินหน้าได้ไม่เต็มสูบ
วันนี้ (1 ก.พ.)นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการอำลาตำแหน่ง รมว.สธ.โดยมีผู้บริหารและข้าราชการให้กำลังใจ นำดอกไม้มามอบให้เป็นจำนวนมาก ว่า ตนคงไม่มีอะไรฝากฝังเป็นพิเศษ ถึงรัฐมนตรีคนใหม่ สำหรับงานในกระทรวงสาธารณสุขที่ตนเองทำนั้น ถือเป็นงานปกติในกระทรวงอยู่แล้ว โดยเป็นไปตามระบบ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อระบบดีอยู่แล้วก็ทำไปตามระบบ เมื่อธรรมชาติเป็นแบบนั้น คงไม่สามารถเบี่ยงเบนความจริงได้
“มั่นใจว่า สิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่ทำดีที่สุดแล้ว ข้าราชการทุกคนต่างก็รู้ในบทบาทหน้าที่และรับผิดชอบหน้าที่ดี ดังนั้น ก็ขอให้ทำงานต่อไป ส่วนความสมานฉันท์ในกระทรวงก็ดีขึ้นเยอะ แต่ต้องค่อยเป็นไป อยู่ๆ คงไม่กลับหน้ามือเป็นหลังมือ การทำงานก็มีการปรึกษาหารือที่ดีต่อกันปัญหาต่างๆ คงต้องค่อยๆ คลี่คลายไป” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวถึงการทำงานตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมาด้วย ว่า บรรยากาศการทำงานที่นี่มีความรักความผูกผันกัน ถึงแม้ว่าเมื่อทำงานร่วมกันก็มีความขัดแย้งกันบ้าง เพราะแพทย์ส่วนใหญ่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความเชื่อมั่นและมั่นใจ แต่ลึกๆ เราก็ร่วมกันแก้ไขปัญหาปรึกษาหารือกันทุกครั้ง มีการระดมสมองได้ข้อสรุปแล้วก็จบ ซึ่งคนอื่นไม่เข้าใจวัฒนธรรมตรงนี้ เหมือนขัดแย้งกันแต่นี่เป็นวัฒนธรรมองค์กร จึงถือว่า ดีและน่าพอใจ และคงเป็นไปไม่ได้ที่ให้ทุกคนมีความเห็นเหมือนกัน คงไม่ใช่สังคมปัญญา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่ลงเล่นการเมือง นพ.มงคล บอกว่า ผมไม่สนใจการเมือง ยืนยันว่า ไม่ว่าจะมีใครมาชวนก็ไม่สนใจเด็ดขาด ซึ่งการที่ผมเป็นรัฐมนตรี มาโดยอุบัติเหตุ โดยหลังจากนี้ผมจะกลับไปทำงานกับบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด เพราะทำตรงนั้นทำงานแล้วสบายใจ มีบรรยากาศแบบพี่แบบน้อง มีแต่การให้ ผมชอบบรรยากาศแบบนั้น
นพ.มงคล กล่าวถึงผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาล ว่า 1 ปี ของรัฐบาล ใจตนเองอยากให้ทำสิ่งต่างๆ ได้มากกว่านี้ แต่ก็เป็นความคาดหวัง เพราะการทำงานต้องอาศัยเครื่องจักรกลขับเคลื่อน มีอุปสรรคติดตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งการเข้ามาทำงานของรัฐบาลอาจยังขับเคลื่อนได้ไม่เต็มสูบ บางเรื่องจึงช้าไปไม่ได้ทำ ปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไข แม้แต่เรื่องที่น่าจะแก้ได้ อย่างการตั้ง ศอ.บต.ในภาคใต้ ก็ยังไม่เป็นตัวเป็นตน คือ มันแก้ไม่ได้ ถ้าไม่มีเอกภาพ ถามว่าเป็นความบกพร่องหรือไม่ คิดว่า คงไม่ใช่เป็นจังหวะที่ดีพอ
วันนี้ (1 ก.พ.)นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการอำลาตำแหน่ง รมว.สธ.โดยมีผู้บริหารและข้าราชการให้กำลังใจ นำดอกไม้มามอบให้เป็นจำนวนมาก ว่า ตนคงไม่มีอะไรฝากฝังเป็นพิเศษ ถึงรัฐมนตรีคนใหม่ สำหรับงานในกระทรวงสาธารณสุขที่ตนเองทำนั้น ถือเป็นงานปกติในกระทรวงอยู่แล้ว โดยเป็นไปตามระบบ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อระบบดีอยู่แล้วก็ทำไปตามระบบ เมื่อธรรมชาติเป็นแบบนั้น คงไม่สามารถเบี่ยงเบนความจริงได้
“มั่นใจว่า สิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่ทำดีที่สุดแล้ว ข้าราชการทุกคนต่างก็รู้ในบทบาทหน้าที่และรับผิดชอบหน้าที่ดี ดังนั้น ก็ขอให้ทำงานต่อไป ส่วนความสมานฉันท์ในกระทรวงก็ดีขึ้นเยอะ แต่ต้องค่อยเป็นไป อยู่ๆ คงไม่กลับหน้ามือเป็นหลังมือ การทำงานก็มีการปรึกษาหารือที่ดีต่อกันปัญหาต่างๆ คงต้องค่อยๆ คลี่คลายไป” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวถึงการทำงานตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมาด้วย ว่า บรรยากาศการทำงานที่นี่มีความรักความผูกผันกัน ถึงแม้ว่าเมื่อทำงานร่วมกันก็มีความขัดแย้งกันบ้าง เพราะแพทย์ส่วนใหญ่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความเชื่อมั่นและมั่นใจ แต่ลึกๆ เราก็ร่วมกันแก้ไขปัญหาปรึกษาหารือกันทุกครั้ง มีการระดมสมองได้ข้อสรุปแล้วก็จบ ซึ่งคนอื่นไม่เข้าใจวัฒนธรรมตรงนี้ เหมือนขัดแย้งกันแต่นี่เป็นวัฒนธรรมองค์กร จึงถือว่า ดีและน่าพอใจ และคงเป็นไปไม่ได้ที่ให้ทุกคนมีความเห็นเหมือนกัน คงไม่ใช่สังคมปัญญา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่ลงเล่นการเมือง นพ.มงคล บอกว่า ผมไม่สนใจการเมือง ยืนยันว่า ไม่ว่าจะมีใครมาชวนก็ไม่สนใจเด็ดขาด ซึ่งการที่ผมเป็นรัฐมนตรี มาโดยอุบัติเหตุ โดยหลังจากนี้ผมจะกลับไปทำงานกับบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด เพราะทำตรงนั้นทำงานแล้วสบายใจ มีบรรยากาศแบบพี่แบบน้อง มีแต่การให้ ผมชอบบรรยากาศแบบนั้น
นพ.มงคล กล่าวถึงผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาล ว่า 1 ปี ของรัฐบาล ใจตนเองอยากให้ทำสิ่งต่างๆ ได้มากกว่านี้ แต่ก็เป็นความคาดหวัง เพราะการทำงานต้องอาศัยเครื่องจักรกลขับเคลื่อน มีอุปสรรคติดตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งการเข้ามาทำงานของรัฐบาลอาจยังขับเคลื่อนได้ไม่เต็มสูบ บางเรื่องจึงช้าไปไม่ได้ทำ ปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไข แม้แต่เรื่องที่น่าจะแก้ได้ อย่างการตั้ง ศอ.บต.ในภาคใต้ ก็ยังไม่เป็นตัวเป็นตน คือ มันแก้ไม่ได้ ถ้าไม่มีเอกภาพ ถามว่าเป็นความบกพร่องหรือไม่ คิดว่า คงไม่ใช่เป็นจังหวะที่ดีพอ
