ผู้นำฝ่ายค้านซักฟอกนโยบายรัฐบาล เรียกร้องให้เคารพสิทธิของทุกฝ่าย ยึดมั่นระบบรัฐสภา ให้สิทธิเสรีภาพสื่ออย่าสร้างบรรยากาศควากลัวให้เกิดขึ้นอีก ขณะเดียวกันเรียกร้อง "หมัก" แสดงภาพนายกฯตัวจริงออกมา อย่าเป็นแค่หุ่นเชิดแก้ต่างคดีทุจริตให้"แม้ว"
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อภิปรายนโยบายรัฐบาล
วันนี้(18 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้อภิปรายนโยบายรัฐบาล ระหว่างการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 1 สมัยสามัญ โดยก่อนเข้าสู่หัวข้อการอภิปราย เขาได้ถือโอกาสชี้แจงเรื่องการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะการทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาลเงา โดยให้เหตุผลว่าเป็นการทำหน้าที่ในระบบสากล ตามแบบประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
ผู้นำฝ่ายค้านผู้นี้ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเคารพสิทธิ์การทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน เพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธา และมีการแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้เป็นการตอกย้ำความเป็นทายาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยสังเกตจากหลายนโยบาย เช่น กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน เป็นต้น พร้อมตั้งข้อสังเกตอีกว่า หลายนโยบายทำเพื่อตัวเอง พวกพ้อง หรือเพื่อประชาชน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ย้ำว่า ในฐานะฝ่ายค้านต้องติดตามตรวจสอบ และเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลมากังวล เนื่องจากไม่เคยมีฝ่ายค้านชุดไหนสามารถล้มรัฐบาลได้ แต่หากรัฐบาลจะล้มก็เกิดจากปัญหาภายใน และเงื่อนไขในการกระทำ และหากรัฐบาลทำดีฝ่ายค้านก็จะสนับสนุน
นายอภิสิทธิ์ อภิปรายถึงนโยบาย โดยแสดงความผิดหวังที่ไม่มีการบรรจุนโยบายด้านการศึกษาเป็นวาระเร่งด่วน รวมทั้งไม่ได้ระบุให้ชัดเจนเรื่องการส่งเสริมให้เรียนฟรีอย่างน้อย 12 ปี ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ป 1 ถึงมัธยมปลาย เพียงแต่ระบุว่าให้เรียนฟรี 12 ปี ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า อาจเริ่มตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมต้น ซึ่งถ้าต้องการแบบนั้นก็ให้ระบุให้ชัดว่าให้เรียนฟรีไม่น้อยกว่า 15 ปี
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ติงอีกว่า นโยบายรัฐบาลได้กล่าวถึงเรื่องครูน้อยมาก รวมทั้งใช้การบริหารงานที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่โดยตรง เช่นงานธุรการและมวลชน
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับสารสนเทศด้านการศึกษา โดยสนับสนุนการส่งเสริมให้มีคอมพิวเตอร์อย่างทั่วถึง แต่กังวลในเรื่องการจะส่งเสริมให้เด็กมีคอมพิวเตอร์แทนที่จะสนับสนุนให้โรงเรียนมีคอมพิวเตอร์อย่างทั่วถึง เพราะการให้เด็กมีคอมพิเตอร์อาจนำไปใช้ในทางที่ผิด
นายอภิสิทธิ์ พูดเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจ เรื่องต้นทุนด้านพลังงาน เสนอให้ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และให้ควบคุมราคาก๊าซหุงต้มเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้เป็นเรื่องด่วน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเสนอให้รัฐบาลเข้ามาสะสางเรื่องหนี้สินบัตรเครดิต นอกเหนือไปจากดูแลเรื่องหนี้สินเกษตรกรและคนยากจนทั่วไป
นายอภิสิทธิ์ เรียกร้องให้นายสมัคร ให้มีความเชิดชูการปกครองในระบอบรัฐสภา ให้ความสำคัญกับการตอบกระทู้ในสภา เพื่อป้องกันวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นอีก รวมทั้งต้องส่งเสริมบทบาทของกาารเมืองภาคประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วม อย่าให้เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ไปรื้อเต้นท์สมัชชาคนจน จนต้องมีการก้มกราบขอร้องกันขึ้นมาอีก
จากนั้น หัวหน้าพรรคประชาะปัตย์ได้อภิปรายเรื่องการให้สิทธิเสรีภาพสื่อ จะต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนในสมัยที่เป็นมท.1 ที่มีการสั่งปิดหนังสือพิมพ์เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีในปัจจุบันการแทรกแซงจะเปลี่ยนรูปแบบโดยผ่านอำนาจรัฐและ ด้านธุรกิจ สร้างความกลัวให้เกิดขึ้น
ส่วนกรณีของ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ที่มีการยุติการออกอากาศทางรายการวิทยุนั้น ที่บอกว่าถอนตัวไปเองนั้นอาจเป็นการตัดตอน เพราะสาเหตุมาจากเรื่องที่นายกฯไปให้สัมภาษณ์เรื่อง 6 ตุลาฯว่ามีคนเสียชีวิตเพียงคนเดียว จากนั้น นายเจิมศักดิ์ ได้อ่านหนังสือที่บันทึกเหตุการณ์การให้สัมภาษณ์ของนายกฯซึ่งในสมัยนั้นเป็นมท.1 เคยบอกว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่านั้น และเห็นว่า นายเจิมศักดิ์ ควรจะเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่งหรือไม่ และว่าถ้าเรื่องนี้จบก็จะมีเรื่องอื่นตามมาอีกหรือไม่
ในตอนท้าย นายอภิสิทธ์ กล่าวถึงการทุจริตว่า รัฐบาลทุกรัฐบาลจล้มไปด้วยปัญหาทุจริต และนายกฯจะจริงจังกับปัญหาเหล่านี้แค่ไน อย่างไรก็ตามรู้สึกเห็นใจกับข้อกล่าวหาว่าเป็นหุ่นเชิด แต่วันนี้มีอำนาจก็อยากให้แสดงความเป็นนายกฯตัวจริงออกมา และว่าไม่ใช่ต้องมาแก้ข้อกล่าวให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปล่อยให้กระทบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ต่อไป
