อธิบดีกรมประชาฯ ย้ำปฏิบัติตามกฎหมาย กระตุก “หมัก” ตั้งทีวีช่องใหม่รับอดีตพนักงาน “ชินทีวี” ไม่ง่าย ชี้กฎหมายห้ามไว้ต้องรอ กสช.เกิดก่อน ปลง “ชีวิตก็เป็นแบบนี้ การเปลี่ยนแปลงเป็นปกติ”
วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.45 น. นายปราโมช รัฐวินิช อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังนโยบายของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ผู้บริหารของกรมประชาสัมพันธ์มาพบผู้บังคับบัญชาเพื่อรับนโยบายและแนวทางการดำเนินการ ส่วนรายละเอียดก็ต้องรอรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเราต้องรอรับทราบก่อน และคงเร็วไปหากจะบอกว่าขั้นตอนและแนวทางอาจจะไม่ตรงกับแนวทางเดิม จึงต้องรับฟังก่อน ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์นั้นเป็นประชาสัมพันธ์ของรัฐก็ต้องทำหน้าที่สนองนโยบายและสร้างความเข้าใจต่อประชาชนในแนวนโยบายของรัฐบาล
นายปราโมช กล่าวว่า แนวคิดการเปิดทีวีเสรีอีกช่องหนึ่งของรัฐบาล ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีระบุว่าอาจจะเปิดขึ้นและรับพนักงานทีวีไอวีเดิมกลับเข้ามาทำงานนั้นเรามีกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ที่กำหนดตามรัฐธรรมนูญให้มีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) จึงจะสามารถทำได้ แม้วันนี้จะมีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) แล้วแต่ก็ยังเป็นการจัดการทางด้านเทคนิคเท่านั้น แต่ยังอนุญาตจัดตั้งสถานีไม่ได้ เนื่องจาก พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ.2543 ยังบังคับใช้อยู่ คือมอบหมายให้หน่วยราชการที่รับผิดชอบดำเนินการไปตามกฎหมายในระหว่างที่ยังไม่มี กสช.
อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ในมาตรา 80 นั้น ห้ามอนุญาตให้จัดตั้งสถานีใหม่ ห้ามอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และห้ามอนุญาตให้ขยายบริการเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอำนาจของ กสช. ซึ่งกฎหมายประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาแล้วกำลังอยู่ในขั้นของการลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในการดำเนินการ และหากมีการแก้ไขกฎหมายก็ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร
“อย่างเรื่องของการทำงานของสื่อสารธารณะ ระหว่างทีไอทีวีมาเป็นสื่อสาธารณะก็ได้เน้นย้ำไปแล้วว่าในวันนั้นกฎหมายมีผลบังคับใช้ เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา เจ้าหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย” อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่าการแปลงทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะนั้นไม่เป็นธรรมกับคนทำงาน นายปราโมชกล่าวว่า เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วก็เป็นมุมมองที่สื่อเสนอกันอย่างหลากหลาย แต่เมื่อเป็นกฎหมายที่ผ่าน สนช.ทั้ง 3 วาระในฐานะภาครัฐก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้กรมประชาสัมพันธ์อยู่ในฐานะที่ลำบากหรือไม่ นายปราโมช กล่าวว่า ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นปกติ ผู้ใหญ่คงเข้าใจบทบาทและหน้าที่เป็นอย่างไร ก็ต้องขอเวลาดูอีกระยะหนึ่ง
นายปราโมชกล่าวถึงการดำเนินการกับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวีว่า ขณะนี้ยังไม่มี กสช. กรมประชาสัมพันธ์ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ากฎหมายประเทศไทยบังคับใช้ไม่ทันเทคโนโลยีที่ออกมา ทำให้เกิดปัญหา หากผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวีจะดำเนินการฟ้องร้องตนที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมอื่นๆ นั้นกรมประชาสัมพันธ์เคยเตือนไปตรวจสอบมาหลายสถานีแล้ว ไม่ใช่เฉพาะสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเท่านั้น รวมไปถึงวิทยุชุมชน และเคเบิลทีวีด้วย
/0110