ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ระบุพร้อมพัฒนาศักยภาพสื่อในสังกัดในการให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่และสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด
นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยนายรัตนบุรี อติศัพท์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นางกุณฑลี บัวสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี เดินทางมาตรวจเยี่ยม ณ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต โดยมีนางอัจฉรา แร่ทอง ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต นางบุษยา ใจเปี่ยม ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดและบุคลากรของสำนักงานฯ พร้อมสื่อมวลชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ
นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 จังหวัดภูเก็ตว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมระบุว่า บทบาทของสื่อทั้งวิทยุและโทรทัศน์ขณะนี้ต้องมีการพัฒนาและปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินให้จังหวัดจัดทำคำของบประมาณได้เอง กรมประชาสัมพันธ์จึงต้องเตรียมความพร้อมในภารกิจด้านการประชาสัมพันธ์ของสื่อทุกรูปแบบเพื่อให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด
โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวระดับโลก มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการเสนอข่าวสาร สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ตลอดจนเรื่องเรื่องเร่งด่วนที่สนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด
นายปราโมช กล่าวต่อไปว่า กรมประชาสัมพันธ์พร้อมที่จะพัฒนาสื่อและศักยภาพของบุคลากรในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ขณะเดียวกันพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐให้มากที่สุด ภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ในส่วนของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษาหลังจากมีผลบังคับใช้ จะทำให้บทบาทหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปโดยมีจะมีคณะกิจการโทรคมนาคมเข้ามาดูแลในเรื่องของวิทยุชุมชน เคเบิลทีวีและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม จะมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบโดยมีการจัดระเบียบการดำเนินการต่าง ๆ ที่ถูกต้องและทั่วถึงซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากที่ พรบ. ฉบับดังกล่าวมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา.
นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยนายรัตนบุรี อติศัพท์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นางกุณฑลี บัวสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี เดินทางมาตรวจเยี่ยม ณ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต โดยมีนางอัจฉรา แร่ทอง ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต นางบุษยา ใจเปี่ยม ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดและบุคลากรของสำนักงานฯ พร้อมสื่อมวลชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ
นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 จังหวัดภูเก็ตว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมระบุว่า บทบาทของสื่อทั้งวิทยุและโทรทัศน์ขณะนี้ต้องมีการพัฒนาและปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินให้จังหวัดจัดทำคำของบประมาณได้เอง กรมประชาสัมพันธ์จึงต้องเตรียมความพร้อมในภารกิจด้านการประชาสัมพันธ์ของสื่อทุกรูปแบบเพื่อให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด
โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวระดับโลก มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการเสนอข่าวสาร สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ตลอดจนเรื่องเรื่องเร่งด่วนที่สนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด
นายปราโมช กล่าวต่อไปว่า กรมประชาสัมพันธ์พร้อมที่จะพัฒนาสื่อและศักยภาพของบุคลากรในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ขณะเดียวกันพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐให้มากที่สุด ภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ในส่วนของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษาหลังจากมีผลบังคับใช้ จะทำให้บทบาทหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปโดยมีจะมีคณะกิจการโทรคมนาคมเข้ามาดูแลในเรื่องของวิทยุชุมชน เคเบิลทีวีและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม จะมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบโดยมีการจัดระเบียบการดำเนินการต่าง ๆ ที่ถูกต้องและทั่วถึงซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากที่ พรบ. ฉบับดังกล่าวมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา.