“แก้วสรร” ปฏิเสธตั้งกองทุนรับบริจาคสู้คดี ยันไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ป.ป.ช.พร้อมจ่าย 19 ล้านเพิ่มเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแก๊งทุจริตเอง โต้ อสส.หากไม่สั่งฟ้อง ให้ส่งสำนวนคืน
วันนี้ (6 ก.พ.) นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงว่า ขณะนี้มีประชาชนจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม คตส.เพื่อขอบริจาคเงินสนับสนุน และให้กำลังใจในการต่อสู้คดี โดย คตส.ขอขอบคุณในความปารถนาดีของประชาชน แต่ไม่อยากให้เกิดความสับสนว่า คตส.ไม่มีงบประมาณในการดำเนินการ จึงขอชี้แจงว่า คตส.เป็นหน่วยงานอิสระที่ตั้งขึ้นมามีงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง ดังนั้น คตส.สามารถเดินต่อไปได้ ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ไม่มีนักการเมืองใดเข้ามาแทรกแซงด้วยทั้งสิ้น คตส.ไม่สามารถรับบริจาคจากประชาชน หรือ พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าหรือ พรรคใหม่
นายแก้วสรร กล่าวว่า งบประมาณของ คตส.ได้มาจาก 2 ทางคือ ผ่านงบประมาณแผ่นดิน กับ งบเจียดจ่ายมาจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งที่ผ่านมา คตส.ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงบประมาณว่าจะขอใช้งบประมาณในส่วนไหนได้บ้าง โดยสำนักงบประมาณได้ชี้ช่องให้ไปใช้งบจาก ป.ป.ช.เพราะก่อนหน้านี้สำนักงบประมาณได้เคยเสนอผ่าน ครม.เพื่อขอใช้งบประมาณจากป.ป.ช. กกต.และ สตง.ได้อยู่แล้วโดยได้งบประมาณก้อนแรกจำนวน 46 ล้านบาท และหลังจากที่มีการขยายเวลาการทำงานของ คตส.ออกไปอีก 9 เดือน ตามกฎหมายใหม่ได้กำหนดให้ ป.ป.ช.ต้องรับภาระทั้งหมดต่อจาก คตส.ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคดี และงบประมาณ หากงบประมาณไม่เพียงพอก็ขอจากป.ป.ช.ได้ และหากเหลือก็ต้องส่งคืนให้ ป.ป.ช.ซึ่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมานายนาม ยิ้มแย้มประธาน คตส.ได้ลงนาส่งหนังสือไปยังป.ป.ช.แล้ว และป.ป.ช.อยู่ในระหว่างการเตรียมงบประมาณให้ ส่วนจะได้เมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ป.ป.ช. คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในเรื่องงบประมาณ ที่สำคัญสำนักงบประมาณ ได้มีการติดต่อเป็นการภายในกับ ป.ป.ช.แทน คตส.แล้ว
“การที่มาบอกกว่า คตส.ถังแตกหรือ รัฐบาลไม่ให้งบ ดูหนังภารตะมากเกินไป จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันยกใหญ่ในการโทรศัพท์มาสอบถามเรื่องการขอบริจาค พร้อมทั้งขอหมายเลขบัญชีธนาคาร ขอยืนยันตรงนี้ว่า คตส.ยังไม่เปิดรับบริจาค ขอบคุณที่ทุกคนได้แสดงความห่วงใย การของบประมาณ 19 ล้านบาทครั้งนี้เพื่อความพร้อมหากจำเป็นต้องยื่นฟ้องคดีเอง ยืนยันว่าไม่มีใครกลั่นแกล้ง ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ไม่ได้แกล้ง แม้แต่นายกฯสมัคร ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องการจัดสรรงบประมาณภายในองค์กร จึงอยากชี้แจงรายละเอียด เพราะข่าวที่ออกไปทำให้เกิดอารมณ์ทางการเมือง คิดกันไปต่างๆ นาๆ” นายแก้วสรร ระบุ
นายแก้วสรร กล่าวว่า ปัจจุบันงบประมาณของ คตส. มีเหลือใช้จนถึงสิ้นเดือน เมษายนนี้ คาดว่าจะได้งบจาก ป.ป.ช.ทัน ส่วนการตัดรถเช่าลง 1 คัน เนื่องจากงานภาคสนามได้ลดลงไปมากแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ ไปไหนให้นั่งแท็กซี่ จะประหยัดกว่าการเช่ารถเดือนละ 3-4 หมื่นบาท
เมื่อถามถึงกรณีที่อัยการสูงสุดระบุว่าจะไม่รับสำนวนของคตส.ไว้วินิจฉัยว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่จนกว่าคตส.จะกลับไปทบทวนความไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัว หรือหวยบนดิน ว่า การที่คตส.ทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุดเพื่อให้ยืนยันว่าจะไม่สั่งฟ้องคตส.จะได้ดำเนินการเอง ในเมื่ออัยการยืนยันว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ก็เท่ากับว่าไม่สั่งฟ้องก็ให้คืนสำนวนมา เท่ากับว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องก็เท่านั้น คตส. จะได้ยื่นฟ้องเอง หากอัยการสูงสุดยึดตามสำนวนนี้ ทุกคดีของคตส.ก็แย่หมด เพราะการดำเนินการของคตส.ได้มีการใช้พยานและสำนวนในชั้นตรวจสอบร่วมกับชั้นไต่สวน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายป.ป.ช.และตามกฎหมายยังให้อำนาจคตส. ใช้สำนวนจากป.ป.ช. ดีเอสไอ และสตง. มาเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนที่คตส.รับมาพิจารณาเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการเอาผิดคดีการทุจริตคอร์รับชั่น
“การทำงานของคตส.เป็นระบบไต่สวนอัยการสูงสุด จะยึดสำนวนตามแบบตำรวจไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ไปจับตชด.ซึ่งที่ผ่านมาทั้งคดีการซื้อที่ดินย่านรัชดาของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคดีเลี่ยงภาษีของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน คตส.ก็ได้ใช้วิธีการตรวจสอบและไต่สวนเช่นเดียวกับคดีหวยบนดิน ซึ่งในขณะนั้นอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องทุกสำนวนที่คตส.ส่งให้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอัยการเพิ่งไม่เข้าใจทั้งที่ก่อนหน้านี้เข้าใจมาเป็นอย่างดี” นายแก้วสรร กล่าว