คตส.ฟันโคตรโกง 2 โครงการใหญ่ ปั่นราคาสูงเกินจริงเหยียบ 18 ล้าน รองผู้ว่า กคช.มีเอี่ยว “แก้วสรร” โวอีกแล้ว จับพญานาค-ปลาตัวใหญ่ อยู่หมัด จ่อส่งอัยการสูงสุดสั่งฟ้องทุจริตร่มเกล้า-บางพลี สิ้นเดือนนี้ รับขวัญลูกเจ๊แดง คตส.เรียกให้ปากคำเอาเงินบรรณพจน์ 100 ล้าน มาจากไหน 18 ม.ค.นี้
วันนี้ (14 ม.ค.) นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร กล่าวภายหลังการประชุมใหญ่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่า ที่ประชุมวันนี้ คตส.ได้มีมติตั้งข้อกล่าวหาและชี้มูลความผิดการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ คือ 1.โครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดปราจีนบุรี (กบินทร์บุรี 2) มูลค่า 181 ล้านบาท โดยพบว่ามีการพอกราคาที่ดินเกินความจริง 7.8 ล้านบาท ทั้งยังพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารการประเมินที่ดิน ซึ่งจากการตรวจสอบของอนุกรรมการ พบว่า มีการใช้เอกสารปลอม และมีการแก้ไขการประเมินราคาที่ดินย้อนหลัง คณะกรรมการจึงมีมติชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 1.เจ้าหน้าที่ศูนย์ที่ดิน 2 คน คือ นายเจตวัฒน์ วิชิต กับ นายปรีชา ขุนรักษ์ 2.นายธวัช ทุวิรัต กรรมการผู้จัดการบริษัท อลิอันซ์ พร็อพเพอตี้ จำกัด 3.นายพิทยา เจริญวรรณ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐ กระทำผิดต่อหน้าที่ พ.ศ.2502 มาตรา 3, 11 และความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 และ 157
นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติชี้มูลความผิดกับโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการอรัญประเทศ มูลค่า 209 ล้านบาท ในความผิดฐานพอกราคาสูงกว่าความเป็นจริง 10.7 ล้านบาท พบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารการประเมินราคาที่ดินเช่นเดียวกัน โดยมีมติชี้มูลความผิด และแจ้งข้อกล่าวและตั้งอนุกรรมการไต่สวน นายธวัช ทุวิรัต และเจ้าหน้าที่ศูนย์ที่ดิน 3 คน คือ นายเจตวัฒน์ นายปรีชา และ นายวินัย ภิรมย์ดี หลังจากนี้ อนุกรรมการจะส่งหนังสือให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 โครงการคัดค้านการตั้งอนุกรรมการไต่สวนและมารับทราบข้อกล่าวหากับ คตส.ต่อไป ซึ่งถ้าแก้ข้อกล่าวหาไม่ได้ กลุ่มมาเฟียในการเคหะฯที่ร่วมกันพอกราคาก็จะถูกจัดการ และในโครงการทุจริตโควตา พญานาค และปลาใหญ่ ก็จะโดนคดีทุจริตนี้ด้วย
“อนุกรรมการได้นำรายชื่อบริษัทที่ประเมินที่ดินของโครงการบ้านเอื้ออาทรทั้งหมดมาตรวจสอบ พบว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งที่ไม่ได้ส่งผลการประเมิน แต่กลับมีการกล่าวอ้างบริษัทประเมินที่ดินถึง 2 บริษัท ซึ่งอนุกรรมการได้ไปตรวจสอบบริษัทประเมินที่ดิน ปรากฏว่า ไม่มีการประเมินราคาที่ดินแต่อย่างใด กลุ่มทุจริตจึงให้บริษัทดังกล่าวทำการประเมินย้อนหลัง แต่บริษัทไม่ยอม กลุ่มทุจริตจึงบังอาจแก้วันที่ย้อนหลังแล้วไปซุกไว้ในห้องมั่นคงที่อนุกรรมการบล็อกเอาไว้ว่า ห้ามนำเอกสารอื่นใดไปสอดแทรกเพิ่มเติม จึงพบว่าทั้งสองคดีมีการปลอมเอกสารการประเมินและใช้เอกสารปลอม และประเมินราคาเกินความเป็นจริง” นายแก้วสรรกล่าว
นายแก้วสรร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของอนุกรรมการอีกหนึ่งโครงการ คือ โครงการบ้านเอื้ออาทรคลอง 9 อนุกรรมการจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาและขอมติที่ประชุม คตส.เพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวนในวันจันทร์ที่ 21 มกราคม ส่วนโครงการบ้านเอื้ออาทรเคหะร่มเกล้าบางพลี ที่มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนไปเรียบร้อยแล้วนั้น จะมีการสรุปผลการไต่สวน และส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องได้ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ หลังจากนั้น อนุกรรมการก็จะไม่ไปตรวจสอบโครงการอื่นของบ้านเอื้ออาทรอีกแล้ว ซึ่งคาดว่า ภายในระยะเวลาต่อจากนี้ คือ 5 เดือนกว่า อนุกรรมการจะสามารถสรุปผลได้ทุกโครงการ
นายแก้วสรร ในฐานะอนุกรรมการสอบสวนกรณีการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในความผิดกรณีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต และคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรัพย์สินโดยมิสมควร และขอให้ศาลยึดเงินจากการซื้อขายหุ้นจากการขายหุ้นชินคอร์ป และเงินปันผลให้ตกเป็นของแผ่นดิน ว่า ทั้งสองคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางคตส.ได้ส่งข้อกล่าวหาไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้ว และทางทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง ทำให้อนุกรรมการสบายใจและทำให้เรื่องนี้ไม่เสียเวลา
นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนเอื้อประโยชน์ในธุรกิจโทรคมนาคมรวม 3 คดี อนุกรรมการได้มีการวางแผนที่จะเรียกพยานมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดผู้ถูกกล่าวหาภายในสองสัปดาห์นี้ จะได้ทยอยรายงาน คตส.เพื่อตั้งข้อกล่าวหาได้ หลักฐานของคตส.ในขณะนี้มีหลักฐานเพียงพอแล้วเหลือเพียงผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง เพื่อจะได้มีการนำสืบพยานกันต่อไป เวลาที่เหลือก่อนจะถึงมิถุนายน คตส.ไม่ได้วิตกว่าจะทำไม่ทันแต่อย่างใด
นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.กล่าวถึงความคืบหน้าการเพิกถอนการอายัดทรัพย์นางสาว ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ที่ถูกอายัดบัญชีเงิน 100 ล้านบาทนั้น ทางอนุกรรมการพิจารณาเพิกถอนการอายัดทรัพย์เห็นว่าหลังจาก นางสาวชินณิชา เลื่อนการชี้แจงออกมาหลายครั้งแล้ว จึงได้สั่งกำชับให้มาชี้แจงด้วยตัวเองในวันที่ 18 มกราคมนี้
อนึ่ง เงินของ น.ส.ชินณิชา จำนวน 100 ล้านบาทที่ คตส.อายัดไว้ ทีมทนายของ น.ส.ชินณิชา ชี้แจงว่าเป็นเงินกู้มาจากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร