ตำรวจสุทธิสารจับกุมทนายความคิดรวยทางลัดลักลอบนำเข้ายาไอซ์-ยาอีจากชายแดนเขมรขายนักท่องราตรีย่านรัชดาฯ แถมมีอาชีพเสริมปลอมแปลงเอกสารราชการ
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 และ พ.ต.ท.สามารถ พรหมชาติ สว.สส.สน.สุทธิสาร ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสัญญา ส้ำสิริถาวรกุล อายุ 28 ปี อาชีพทนายความอิสระ นายณัฏฐ์ทอง วีรโรจน์ อายุ 35 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวม 265.2 กรัม ยาอีจำนวน 614 เม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน อาวุธปืนยาวติดลำกล้องขนาด .22 มม. 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน คอมพิวเตอร์ พร้อมเครื่องพรินเตอร์ 1 ชุด และเอกสารปลอมแปลงของทางราชการอีกหลายรายการ เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ใบทะเบียนภาษีรถยนต์ ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ธนบัตรปลอมของประเทศมาเลเซียและกัมพูชา
พล.ต.ต.วรศักดิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร ได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาครอบครองยาเสพติดไว้ได้จำนวนหลายราย ก่อนจะทำการขยายผลการจับกุมเรื่อยมาจนได้ผู้ต้องหาหลายราย ประกอบด้วย น.ส.นฤมล โพนธี อายุ 22 ปี และน.ส.ชิตขวัญ ภู่ไพบูลย์ อายุ 23 ปี สองสาวโคโยตี้ และนายวชิร รัตนวิชาโรจน์ อายุ 24 ปี โดยจับกุมได้ที่ห้องพักของธนดลแมนชั่น ซอยอินทามระ 51 แขวงและเขตดินแดง พร้อมของกลางยาไอซ์ 18.29 กรัม ยาอี 3 เม็ด และกัญชา 1 ถุงเล็ก จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่า ของกลางทั้งหมดซื้อมาจากนายยอดชาย วงษ์แพทย์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นเอเย่นต์รายย่อย เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปจับกุมนายยอดชาย ได้ที่ห้องพักภายในเอื้อประชาคอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 71 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม.พร้อมของกลาง ยาบ้า 4,450 เม็ด ยาไอซ์ 59.89 กรัม ยาอี 400 เม็ด
พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายยอดชายยอมรับสารภาพว่าได้รับยาบ้ามาจากนายสัญญา ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความและเป็นผู้มีความรู้สูง เจ้าหน้าที่จึงได้ไปเฝ้าติดตามจนทราบว่านายยอดชายเป็นผู้ค้ายารายใหญ่โดยรับยาเสพติดมาจากฝั่งประเทศกัมพูชา แตกต่างจากรายอื่นในอดีตซึ่งส่วนใหญ่จะรับมาจากทางภาคใต้ เจ้าหน้าที่จึงใช้ยุทธวิธีสืบสวนอย่างละเอียดก่อนทำการเข้าจับกุมได้ที่สำนักงานทนายความไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ปากซอยเอกชัย 88 ถนนเอกชัย แขวงบางบอน เขตบางขุนเทียน ซึ่งเมื่อตรวจค้นภายในสำนักงานของนายสัญญา ก็ทำให้ทราบว่านอกจากค้ายาเสพติดแล้วยังยึดอาชีพเป็นนักปลอมแปลงเอกสารของทางราชการตัวยงอีกด้วย
ด้าน นายสัญญา ให้การรับสารภาพว่า ยาไอซ์และยาอีของกลางที่พบนั้นตนไปรับมาจากชายแดนกัมพูชาเพื่อนำมาขายให้นักเที่ยวย่านรัชดาฯ โดยจะมีนักโทษยาเสพติดรายหนึ่งที่ตนเคยว่าความให้และขณะนี้ยังอยู่ในเรือนจำเป็นคนคอยติดต่อให้ ตนเพิ่งหันมาค้ายาเสพติดได้เพียง 2-3 เดือนเท่านั้น โดยขณะนี้กำลังเรียนต่อเนติบัณฑิตอยู่
นายสัญญา ให้การต่อว่า สำหรับเรื่องการปลอมเอกสารนั้นตนทำมาได้ 2-3 ปีแล้ว เนื่องจากในอดีตตนเคยเป็นเด็กในแก๊งปลอมเอกสารรายใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ แต่ปัจจุบันหัวหน้าได้วางมือไปแล้ว ตนจึงรับช่วงมาดำเนินการต่อ โดยคิดค่าปลอมแปลงราคาประมาณครั้งละ 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน วีซ่า หรือคู่มือจดทะเบียนรถยนต์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครองครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันปลอมเอกสารทางราชการ ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารต่างประเทศ และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
