คตส. ถามอัยการสูงสุด เอากฎหมายตัวไหนมาสั่งให้สอบเพิ่มคดีหวยบนดิน ลั่นไม่ฟ้องก็ส่งสำนวนคืนมา จะได้ดำเนินการเอง มั่นใจหลักฐานแน่น "แก้วสรร" ขอบคุณความปารถนาดีจากประชาชนที่โทรศัพท์มาบริจาค เผยไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณเพราะป.ป.ช.พร้อมจ่าย แจงขอ 19 ล้านเพิ่มเพื่อเตรียมความพร้อมยื่นฟ้องคดีเอง
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุดจะไม่รับวินิจฉัยว่าสั่งฟ้องหรือไม่ ในคดีการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัว หรือหวยบนดินว่า เป็นเรื่องความเห็นที่แตกต่างระหว่าง คตส. กับ อัยการสูงสุด และได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาความไม่สมบูรณ์ของสำนวนไปเรียบร้อย เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นไม่ตรงกัน โดย คตส.ยืนยันความสมบูรณ์ของสำนวน ก็ได้แจ้งให้ อัยการสูงสุด ทราบเพื่อขอสำนวนคืน โดยตนได้ลงนามส่งหนังสือไปตั้งวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่ออัยการสูงสุด เห็นไม่ตรงกันกับ คตส. ก็ต้องส่งสำนวนกลับคืนมา จึงเท่ากับว่าอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
เมื่อถามว่า มองเจตนาของ อัยการสูงสุดอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ คตส.ได้ส่งสำนวนคดีทุจริตการซื้อขายที่ดิน กับ คดีเลี่ยงภาษี อัยการสูงสุดก็สั่งฟ้องตามนั้น นายนาม กล่าวพร้อมกับชี้หน้าผู้สื่อข่าวทุกคนว่า โตๆ กันแล้ว รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ขอออกความเห็นเดี๋ยวจะเป็นปัญหาขัดแย้งกัน เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันด้านกฎหมาย
ด้าน นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.ในฐานประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีหวยบนดิน กล่าวว่า หาก อัยการสูงสุดไม่รับวินิจฉัย ก็ให้ส่งสำนวนคืนกลับมาแค่นี้ก็จบ และถือว่าอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง เพราะ คตส.ได้ยืนยันแล้วว่า สำนวนของ คตส. มีความสมบูรณ์ทั้งพยานหลักฐานที่จะมาสามารถดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาได้ ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการร่วมในส่วนของ คตส.ได้รายงานให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบแล้ว จนมีมติให้ขอสำนวนคืนเพื่อดำเนินการตั้งทีมทนายยื่นฟ้องเอง
"ไม่ทราบว่าอัยการสูงสุดเอากฎหมายตัวไหนมาสั่งให้ คตส.ต้องไปทบทวนสำนวน และสอบพยานเพิ่มเติม คตส.ไม่ใช่พนักงานสอบสวน ที่จะต้องถูกสั่งให้ไปสอบเพิ่มเติม แต่ คตส.เป็นองค์กรอิสระหนึ่งซึ่งมีกระบวนการและขั้นตอนการตรวจสอบและไต่สวนเหมือนกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อัยการสูงสุดจะมาบอกว่า จะรับ หรือ ไม่รับ วินิจฉัยว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ไม่ได้ หากอัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนของ คตส. ก็สั่งไม่ฟ้อง แล้วส่งเรื่องกลับคืนมา คตส.จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไปภายใน 14 วัน นับตั้งแต่ได้รับเอกสารสำนวนคืน"นายอุดม กล่าว
นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงว่า ขณะนี้มีประชาชนจำนวนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม คตส. เพื่อขอบริจาคเงินสนับสนุน และให้กำลังใจในการทำงาน โดย คตส.ขอขอบคุณในความปารถนาดีของประชาชน แต่ไม่อยากให้เกิดความสับสนว่าคตส.ไม่มีงบประมาณในการดำเนินการ จึงขอชี้แจงว่า คตส.เป็นหน่วยงานอิสระที่ตั้งขึ้นมามีงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง
ดังนั้น คตส.สามารถเดินต่อไปได้ ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ และไม่มีนักการเมืองใดเข้ามาแทรกแซงด้วย และ คตส.ไม่สามารถรับบริจาคจากประชาชน หรือ พรรคการเมืองได้
นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า งบประมาณของ คตส.ได้มาจาก 2 ทางคือ ผ่านงบประมาณแผ่นดิน กับ งบเจียดจ่ายมาจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งที่ผ่านมา คตส.ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงบประมาณว่า จะขอใช้งบประมาณในส่วนไหนได้บ้าง โดยสำนักงบประมาณได้ชี้ช่องให้ไปใช้งบจาก ป.ป.ช. เพราะก่อนหน้านี้สำนักงบประมาณได้เคยเสนอผ่าน ครม. เพื่อขอใช้งบประมาณจากป.ป.ช. -กกต. และ สตง.ได้อยู่แล้วโดยได้งบประมาณก้อนแรกจำนวน 46 ล้านบาท และหลังจากที่มีการขยายเวลาการทำงานของ คตส.ออกไปอีก 9 เดือน ตามกฎหมายใหม่ได้กำหนดให้ ป.ป.ช. ต้องรับภาระทั้งหมดต่อจาก คตส. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคดี และงบประมาณ หากงบประมาณไม่เพียงพอก็ขอจากป.ป.ช.ได้ และหากเหลือก็ต้องส่งคืนให้ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ได้ลงนาส่งหนังสือไปยังป.ป.ช.แล้ว และป.ป.ช.อยู่ในระหว่างการเตรียมงบประมาณให้ ส่วนจะได้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ป.ป.ช. คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในเรื่องงบประมาณ ที่สำคัญสำนักงบประมาณ ได้มีการติดต่อเป็นการภายในกับ ป.ป.ช.แทน คตส.แล้ว
"การที่มาบอกกว่า คตส. ถังแตก หรือ รัฐบาลไม่ให้งบ ดูหนังภารตะมากเกินไป จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันยกใหญ่ โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องการขอบริจาค พร้อมทั้งขอหมายเลขบัญชีธนาคาร ขอยืนยันตรงนี้ว่า คตส.ยังไม่เปิดรับบริจาค ขอบคุณที่ทุกคนได้แสดงความห่วงใย การของบประมาณ 19 ล้านบาทครั้งนี้ เพื่อความพร้อมหากจำเป็นต้องยื่นฟ้องคดีเอง ยืนยันว่าไม่มีใครกลั่นแกล้ง ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ไม่ได้แกล้ง แม้แต่นายกฯสมัคร ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องการจัดสรรงบประมาณภายในองค์กร จึงอยากชี้แจงรายละเอียด เพราะข่าวที่ออกไป ทำให้เกิดอารมณ์ทางการเมือง คิดกันไปต่างๆ นาๆ"นายแก้วสรร กล่าว
นายแก้วสรร กล่าวว่า ปัจจุบันงบประมาณของ คตส. มีเหลือใช้จนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ คาดว่าจะได้งบจาก ป.ป.ช.ทัน ส่วนการตัดรถเช่าลง 1 คัน เนื่องจากงานภาคสนามได้ลดลงไปมากแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ ไปไหนให้นั่งแท็กซี่ จะประหยัดกว่าการเช่ารถเดือนละ 3-4 หมื่นบาท
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุดจะไม่รับวินิจฉัยว่าสั่งฟ้องหรือไม่ ในคดีการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัว หรือหวยบนดินว่า เป็นเรื่องความเห็นที่แตกต่างระหว่าง คตส. กับ อัยการสูงสุด และได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาความไม่สมบูรณ์ของสำนวนไปเรียบร้อย เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นไม่ตรงกัน โดย คตส.ยืนยันความสมบูรณ์ของสำนวน ก็ได้แจ้งให้ อัยการสูงสุด ทราบเพื่อขอสำนวนคืน โดยตนได้ลงนามส่งหนังสือไปตั้งวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่ออัยการสูงสุด เห็นไม่ตรงกันกับ คตส. ก็ต้องส่งสำนวนกลับคืนมา จึงเท่ากับว่าอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
เมื่อถามว่า มองเจตนาของ อัยการสูงสุดอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ คตส.ได้ส่งสำนวนคดีทุจริตการซื้อขายที่ดิน กับ คดีเลี่ยงภาษี อัยการสูงสุดก็สั่งฟ้องตามนั้น นายนาม กล่าวพร้อมกับชี้หน้าผู้สื่อข่าวทุกคนว่า โตๆ กันแล้ว รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ขอออกความเห็นเดี๋ยวจะเป็นปัญหาขัดแย้งกัน เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันด้านกฎหมาย
ด้าน นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.ในฐานประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีหวยบนดิน กล่าวว่า หาก อัยการสูงสุดไม่รับวินิจฉัย ก็ให้ส่งสำนวนคืนกลับมาแค่นี้ก็จบ และถือว่าอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง เพราะ คตส.ได้ยืนยันแล้วว่า สำนวนของ คตส. มีความสมบูรณ์ทั้งพยานหลักฐานที่จะมาสามารถดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาได้ ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการร่วมในส่วนของ คตส.ได้รายงานให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบแล้ว จนมีมติให้ขอสำนวนคืนเพื่อดำเนินการตั้งทีมทนายยื่นฟ้องเอง
"ไม่ทราบว่าอัยการสูงสุดเอากฎหมายตัวไหนมาสั่งให้ คตส.ต้องไปทบทวนสำนวน และสอบพยานเพิ่มเติม คตส.ไม่ใช่พนักงานสอบสวน ที่จะต้องถูกสั่งให้ไปสอบเพิ่มเติม แต่ คตส.เป็นองค์กรอิสระหนึ่งซึ่งมีกระบวนการและขั้นตอนการตรวจสอบและไต่สวนเหมือนกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อัยการสูงสุดจะมาบอกว่า จะรับ หรือ ไม่รับ วินิจฉัยว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ไม่ได้ หากอัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนของ คตส. ก็สั่งไม่ฟ้อง แล้วส่งเรื่องกลับคืนมา คตส.จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไปภายใน 14 วัน นับตั้งแต่ได้รับเอกสารสำนวนคืน"นายอุดม กล่าว
นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงว่า ขณะนี้มีประชาชนจำนวนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม คตส. เพื่อขอบริจาคเงินสนับสนุน และให้กำลังใจในการทำงาน โดย คตส.ขอขอบคุณในความปารถนาดีของประชาชน แต่ไม่อยากให้เกิดความสับสนว่าคตส.ไม่มีงบประมาณในการดำเนินการ จึงขอชี้แจงว่า คตส.เป็นหน่วยงานอิสระที่ตั้งขึ้นมามีงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง
ดังนั้น คตส.สามารถเดินต่อไปได้ ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ และไม่มีนักการเมืองใดเข้ามาแทรกแซงด้วย และ คตส.ไม่สามารถรับบริจาคจากประชาชน หรือ พรรคการเมืองได้
นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า งบประมาณของ คตส.ได้มาจาก 2 ทางคือ ผ่านงบประมาณแผ่นดิน กับ งบเจียดจ่ายมาจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งที่ผ่านมา คตส.ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงบประมาณว่า จะขอใช้งบประมาณในส่วนไหนได้บ้าง โดยสำนักงบประมาณได้ชี้ช่องให้ไปใช้งบจาก ป.ป.ช. เพราะก่อนหน้านี้สำนักงบประมาณได้เคยเสนอผ่าน ครม. เพื่อขอใช้งบประมาณจากป.ป.ช. -กกต. และ สตง.ได้อยู่แล้วโดยได้งบประมาณก้อนแรกจำนวน 46 ล้านบาท และหลังจากที่มีการขยายเวลาการทำงานของ คตส.ออกไปอีก 9 เดือน ตามกฎหมายใหม่ได้กำหนดให้ ป.ป.ช. ต้องรับภาระทั้งหมดต่อจาก คตส. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคดี และงบประมาณ หากงบประมาณไม่เพียงพอก็ขอจากป.ป.ช.ได้ และหากเหลือก็ต้องส่งคืนให้ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ได้ลงนาส่งหนังสือไปยังป.ป.ช.แล้ว และป.ป.ช.อยู่ในระหว่างการเตรียมงบประมาณให้ ส่วนจะได้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ป.ป.ช. คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในเรื่องงบประมาณ ที่สำคัญสำนักงบประมาณ ได้มีการติดต่อเป็นการภายในกับ ป.ป.ช.แทน คตส.แล้ว
"การที่มาบอกกว่า คตส. ถังแตก หรือ รัฐบาลไม่ให้งบ ดูหนังภารตะมากเกินไป จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันยกใหญ่ โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องการขอบริจาค พร้อมทั้งขอหมายเลขบัญชีธนาคาร ขอยืนยันตรงนี้ว่า คตส.ยังไม่เปิดรับบริจาค ขอบคุณที่ทุกคนได้แสดงความห่วงใย การของบประมาณ 19 ล้านบาทครั้งนี้ เพื่อความพร้อมหากจำเป็นต้องยื่นฟ้องคดีเอง ยืนยันว่าไม่มีใครกลั่นแกล้ง ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ไม่ได้แกล้ง แม้แต่นายกฯสมัคร ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องการจัดสรรงบประมาณภายในองค์กร จึงอยากชี้แจงรายละเอียด เพราะข่าวที่ออกไป ทำให้เกิดอารมณ์ทางการเมือง คิดกันไปต่างๆ นาๆ"นายแก้วสรร กล่าว
นายแก้วสรร กล่าวว่า ปัจจุบันงบประมาณของ คตส. มีเหลือใช้จนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ คาดว่าจะได้งบจาก ป.ป.ช.ทัน ส่วนการตัดรถเช่าลง 1 คัน เนื่องจากงานภาคสนามได้ลดลงไปมากแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ ไปไหนให้นั่งแท็กซี่ จะประหยัดกว่าการเช่ารถเดือนละ 3-4 หมื่นบาท
