ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจบุรีรัมย์รวบอดีตทหารแต่งเครื่องแบบเก่า ตระเวนข่มขู่หลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้านเดือดร้อนทั่วเมือง ประวัติเคยถูกจับคดีลักษณะเดียวกันเมื่อปี 49 ที่สัตหีบ หลังถูกปลดออกจากราชการเมื่อปี 35 ได้แต่งเครื่องแบบเก่าตระเวนต้มตุ๋นประชาชนในหลายพื้นที่
วันนี้ (31 ม.ค.) พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมตำรวจชุดสายสืบ ได้เข้าจับกุม นายวีระศักดิ์ ทองอินทร์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.77 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ได้ในชุดแต่งกายเครื่องแบบทหาร ที่โรงแรมไม้สนรีสอร์ท อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลัง นายณรงค์ ชิดรัมย์ อายุ 30 ปี และ นายประพันธ์ แกมรัมย์ อายุ 30 ปีได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ภานุวัฒน์ มากมูล ร้อยเวร สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่า ถูก นายวีระศักดิ์ อ้างเป็นทหารยศพันโท ไม่ทราบสังกัด หลอกเหมารถปิกอัพแล้วไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างจำนวน 6,000 บาท
โดย นายประพันธ์ แกมรัมย์ เจ้าของรถปิกอัพ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วันนี้ (30 ม.ค.) ได้มีชายฉกรรจ์รูปร่างสันทัดสูงประมาณ 180 เซนติเมตร (ซม.) ใส่ชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ ทราบชื่อภายหลังคือ นายวีระศักดิ์ หรือตู่ ทองอินทร์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 77 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังลงจากรถโดยสารประจำทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มาขอเหมารถยนต์รับจ้าง ให้พาไปเที่ยวตามร้านอาหารโดยจะให้ค่าจ้าง 3,000 บาท หากไม่ไว้ใจให้พาเพื่อนไปได้ด้วยและจะดูแลทุกอย่าง
จึงได้พานายณรงค์ นั่งไปเป็นเพื่อนด้วย
จากนั้นตนทั้ง 2 คน ได้พาตระเวนหาร้านอาหารทั่วตัวเมืองบุรีรัมย์ แต่ทุกร้านอาหารได้ปิดหมดแล้ว นายวีระศักดิ์ จึงให้พาขับรถไปถนนสายบุรีรัมย์-อ.ประโคนชัย ระหว่างนั่งในรถ นายวีระศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า พี่เป็นทหารยศ พันโท ฉายา “ตู่บางเขต” มารับทหารในค่ายที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไปส่งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ต่อมาเมื่อไปถึงบริเวณสี่แยกภัทรถนนสายเลี่ยงเมืองบุรีรัมย์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร นายวีระศักดิ์ เห็นร้านอาหารร้านหนึ่งยังเปิดไฟอยู่ จึงให้ นายณรงค์ เดินเข้าไปปลุกเจ้าของร้าน จากนั้นได้เดินไปเคาะประตูร้านอาหารไม่ทราบชื่อ โดยนายวีระศักดิ์ ได้แสดงตัวเป็นทหารยศพันโท มาขอรับประทานอาหาร ซึ่งเจ้าของร้านเกรงใจจึงอนุญาตให้เข้าไปนั่ง และ นายวีระศักดิ์ ได้สั่งเบียร์มาดื่ม
พร้อมกับบอกเจ้าของร้านว่าพี่มาทำงานด่วน อยากจะคลายเครียดเพราะเดินทางมาไกล จากนั้นได้ขอให้เจ้าของร้านหาหญิงสาวมานั่งเป็นเพื่อน และได้พาไปร่วมหลับนอนด้วย 2 คน โดยจะให้ค่าตัวคนละ 2,000 บาท และจะเอาเงินมาจ่ายหลังนำเด็กมาส่งที่ร้าน เจ้าของร้านจึงตกลง
นายประพันธ์ เจ้าของรถ ยังเล่าต่อว่า นายวีระศักดิ์ ให้พามาส่งที่โรงแรมเทพนคร อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เวลาประมาณ 05.00 น.เปิดห้อง 3 ห้อง ให้ตนนอน 1 ห้องพร้อมกับผู้หญิง ให้นายณรงค์ นอน 1 ห้อง ส่วน นายวีระศักดิ์ ไปนอนกับผู้หญิงอีก 1 ห้อง พอรุ่งเช้าเวลา นายวีระศักดิ์ ได้พาหญิงสาวไปส่งที่ร้านอาหารและบอกเจ้าของร้านว่า หญิงสาวที่เอาไปนอนด้วยไม่ถูกใจ ขอผู้หญิงคนใหม่จะจ่ายเพิ่มให้อีก 5,000 บาท เจ้าของร้านก็ยอมให้ผู้หญิงไปอีก
หลังจากนั้นตนทั้ง 2 คน เริ่มเอะใจ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มกินอาหาร และเช่าโรงแรม นายวีระศักดิ์ ยังไม่จ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว พอถามถึงค่ารถบอกว่า ใจเย็นจะจ่ายเพิ่มให้อีก 3,000 บาท รวมกับที่ตกลงไว้แล้วเป็น 6,000 บาท นายวีระศักดิ์ ยังยึดเอากระเป๋าเงินของ นายณรงค์ ซึ่งมีเงินอยู่ 1,000 บาท ติดตัวไปด้วยอ้างว่า กลัว นายณรงค์ จะหนีไปก่อนให้อยู่เป็นเพื่อน รับรองจ่ายให้แน่นอน 6,000 บาท
นอกจากนั้น นายวีระศักดิ์ ยังได้ไปเปิดห้องพักที่โรงแรมไม้สนรีสอร์ทอีก 3 ห้อง แต่ไม่จ่ายเงิน ตนทั้ง 2 คิดว่าถูกหลอกจึงได้เข้าแจ้งความ
สอบสวน นายวีระศักดิ์ หรือ จ่าสิบเอก วีระศักดิ์ ทองอินทร์ เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ได้นั่งรถโดยสารประจำทาง มาจากจ.นครราชสีมา มาลงที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเหลือเงินติดตัวอยู่ 500 บาท จึงได้แต่งเครื่องแบบเก่าออกตระเวนหลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ
รวมทั้งอ้างว่า เคยรับราชการทหารอยู่สังกัดกรมทหารพรานที่ 1 กองพลทหารราบที่ 11 (พัน 4 รอ.) เขตบางเขน กรุงเทพฯ ถูกปลดเมื่อปี 2535 ส่วนเครื่องแบบเป็นชุดเก่าที่เคยเป็นทหาร และเคยถูกตำรวจจับหลังก่อคดีในลักษณะเดียวกันที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อปี 2549 ซึ่งขณะนั้นอ้างว่าเป็นทหารพลร่มป่าหวายยศ สิบเอก
หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีในข้อหา “แต่งเครื่องแบบทหารตาม พ.ร.บ.ทหาร หรือ เครื่องแบบทหารที่ทหารยังคงใช้ในราชการอยู่ โดยไม่มีสิทธิจะแต่งได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และหลอกลวงต้มตุ๋นประชาชน” พร้อมทั้งแจ้งให้ประชาชนที่ถูก นายวีระศักดิ์ หลอกเข้ามาแจ้งความได้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์