ผู้จัดการรายสัปดาห์ - สภาธุรกิจไทย-จีนแนะวิธีทำการค้ากับจีนให้ประสบความสำเร็จ โดยเน้นเจาะรายมณฑล ศึกษาข้อมูลทุกด้านก่อนร่วมทำธุรกิจกับคนจีน โดยเฉพาะประวัติลักษณะ คู่ค้าแต่ละเมือง เตือนทำธุรกิจในจีนไม่ง่าย ระวัง! ถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นจีนหลอก
ปิดท้ายปลายปีด้วยงานสัมมนา “จีน..โอกาสการค้าของคนไทย?” โดยสภาธุรกิจไทย-จีน เมื่อวันพุธที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก
ประเด็นสำคัญของการคุยกันคือ แม้จีนจะมีประชากรที่แสดงภาพถึงตลาดการบริโภคที่ใหญ่มหาศาล ด้วยประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน และมีเศรษฐกิจโตมากถึงปีละ 10-11% แต่ที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขนี้เป็นตัวการที่ลวงให้แมงเม่าบินเข้าไปบนกองไฟ และคนไทยต้องหอบสมบัติกลับเมืองไทยเพราะว่าไม่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจที่เข้าไปทำมากกว่า 50% การเข้าไปลงทุนในจีนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!
รู้กฎระเบียบ-ใช้ความได้เปรียบลดภาษี
ไกรสินธุ์ วงศ์สุรไกร บริษัทโรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด กล่าวว่า อันดับแรกของคนที่คิดไปทำการค้าในจีน จะต้องเริ่มจากการสำรวจตลาด และดูสินค้าตัวเองว่ามีความเด่นอะไรบ้าง สำรวจท่าเรือต่างๆ ที่จะใช้ขนส่ง กฎระเบียบในการนำเข้าต่าง ๆ ที่สำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าสินค้าที่เราจะทำนั้นมีพิกัดทางศุลกากรอย่างไร และต้องเปรียบเทียบกับตารางการลดภาษีที่ไทยทำข้อตกลงทางการค้าไว้กับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งจะมีการลดภาษีในสินค้าแต่ละตัวไม่เท่ากันในแต่ละปี ที่สำคัญคือจะต้องนำไปคุยกับทางคู่ค้าทางจีนด้วยว่าทางการจีนเรียกพิกัดสินค้านี้ว่าอะไร เป็นตัวเดียวกันหรือไม่ เพราะนี่เป็นผลประโยชน์ที่เราจะได้รับโดยตรง
ทั้งนี้การลดภาษีมีข้อแม้ว่าจะต้องไปขอ Certificate of origin ที่กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ที่เรียกว่า From E เพื่อให้ได้รับสิทธิในการลดภาษีด้วย แต่ก็เป็นเพียงภาษีนำเข้า พอเข้าจีนแล้วผู้ประกอบการไทยต้องคำนึงให้ดีคือจะมีต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในจีนอีก 13-17% ซึ่งเมื่อรวมกับค่าขนส่งจากเมืองไทย ทั้งจากกทม.หรือท่าเรือแหลมฉบังมาขึ้นตามท่าเรือต่างๆ ในจีนแล้ว ก็จะทำให้ต้นทุนสินค้าเราสูงขึ้นมาก
ฉะนั้นถ้าจะนำสินค้าเข้าไปขายในจีน ควรจะเน้นคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก จึงจะมีโอกาสอยู่รอด โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการเครื่องหมายในการยกระดับการผลิตสินค้า ทั้ง GMP ISO HACCP ให้ได้
ระวังแก๊งค์ต้มตุ๋นจีนหลอก!
อย่างไรก็ดี การเข้าไปจีนสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ยังไม่มีประสบการณ์ขอแนะนำว่านอกจากจะเดินหน้าแนวรุกในการนำสินค้าไปขายแล้ว จำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวจากพวกต้มตุ๋นชาวจีนที่ขณะที่มีอยู่จำนวนมากด้วย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ได้มีคนจีนกลุ่มหนึ่งติดต่อเข้ามาทางการส่งแฟกซ์ หรืออีเมลล์ว่าต้องการสั่งซื้อสินค้าของบริษัทจำนวนมาก ทำให้ทางบริษัทได้ติดต่อกับคนกลุ่มนี้กลับไป และมีการเดินทางไปเจรจาธุรกิจกันหลายครั้ง ทุกครั้งที่ไปนั้นจะมีการเจรจากันที่โรงแรม 5 ดาว ทุกคนที่มาเจรจาจะแต่งตัวดี และในการเจรจาจะรู้เรื่องทุกประการเกี่ยวกับการทำธุรกิจและการค้า เหมือนคนที่ทำธุรกิจมานาน แต่ท้ายที่สุดแล้วก่อนทำการเซ็นต์สัญญากันอย่างเป็นทางการ ก็จะมีคนจีนในกลุ่มนั้นมาติดต่อทางบริษัท เพื่อให้ออกเงินค่าของขวัญให้กับผู้บริหารชาวจีน อาทิ เหล้า บุหรี่ นาฬิกา และของมีค่าต่างๆ โดยเป็นเงินประมาณ 1 หมื่นหยวน โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า และนัดเจอกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่งเวลา 1 ทุ่มตรงในวันนั้น โดยบอกเหตุผลว่าเป็นการฉลองการทำการค้าที่ลุล่วงไปด้วยดี
“คนจีนเป็นคนที่ต้องรักษาหน้า การให้สินน้ำใจเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือทำไมไม่มีการบอกล่วงหน้า ผมเลยบอกเขาไปว่าให้ออกไปก่อน เราไม่ได้เตรียมเงินมา แล้วจะชดใช้ให้ทีหลัง เขาก็มีการลดราคาจาก 1 หมื่นหยวน เหลือ 5 พันหยวน เราก็เริ่มผิดสังเกตว่าผิดปกติแล้ว ผมก็ยืนยันให้ทางเขาออกเงินไปก่อน และจะชดใช้ให้ทีหลัง สรุปพอคืนนั้นเราไปตามนัดที่ร้านอาหาร ไม่มีใครมาร่วมงานสักคนเดียว”
กรณีเช่นนี้ได้มีนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในจีนหลายรายได้เคยประสบมาแล้ว โดยแก๊งค์ต้มตุ๋นมีพฤติกรรมการกระทำเหมือนกันทุกอย่าง แต่ต่างมลฑล ต่างเมืองกันเท่านั้น อย่างไรก็ดีพบว่า แก๊งค์ต้มตุ๋นนี้พอเวลาเปลี่ยนไป ก็มีการกระทำที่รัดกุมมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นผู้ประกอบการไทยควรศึกษาปูมลึกของผู้ที่จะมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจให้ละเอียดและต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นชาวจีนหลอกเอาได้
ลักษณะพ่อค้า 4 เมืองใหญ่
ทั้งนี้ในการทำธุรกิจกับจีนควรเข้าใจขนบธรรมเนียมของจีนด้วย เพราะการไปเจาะตลาดในจีนควรจะเลือกเป็นรายมณฑล ไม่ควรมองเป้าหมายเป้าใหญ่ด้วยตัวเลขลวงของจำนวนประชากร 1,300 ล้านคนเท่านั้น โดยทำความลักษณะกลุ่มคนจีนมณฑลต่างๆ เพื่อความราบรื่นในการทำการค้า อาทิ 4 เมืองสำคัญของจีน ดังนี้
ลักษณะคนเซี่ยงไฮ้ จะยึดถือว่าตัวเองเป็นคนที่เจ๋งที่สุด เชี่ยวชาญที่สุด สามารถทำทุกอย่างได้หมดจึงมีความหยิ่งเล็กน้อย
ลักษณะคนมิ๋นนาน มณฑลฝูเจี้ยน จะมีลักษณะของการอยากเป็นเถ้าแก่ เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพารัฐ
ลักษณะคนกวางตุ้ง เชื่อถือโชคลาง ฮวงจุ้ย โดยหากจะมอบของกำนัลให้คนกวางตุ้งจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น นาฬิกาแขวน,ร่ม จะหมายถึง คนตาย ไม่นิยมให้กัน อย่างตัวเลข เบอร์มือถือก็ควรมีเลข 3,6,8,9 เพราะเป็นเลขมงคล
ลักษณะคนตงเป่ย เป็นคนที่พูดตรงกับใจ เป็นนักดื่มเหล้า มีสโลแกนว่าดื่มก่อนทำธุรกิจที่หลัง โดยเชื่อว่าคนที่ดื่มด้วยไม่มันส์ ไม่สนุก ก็จะทำธุรกิจด้วยกันไม่ราบรื่น เป็นต้น
ปิดท้ายปลายปีด้วยงานสัมมนา “จีน..โอกาสการค้าของคนไทย?” โดยสภาธุรกิจไทย-จีน เมื่อวันพุธที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก
ประเด็นสำคัญของการคุยกันคือ แม้จีนจะมีประชากรที่แสดงภาพถึงตลาดการบริโภคที่ใหญ่มหาศาล ด้วยประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน และมีเศรษฐกิจโตมากถึงปีละ 10-11% แต่ที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขนี้เป็นตัวการที่ลวงให้แมงเม่าบินเข้าไปบนกองไฟ และคนไทยต้องหอบสมบัติกลับเมืองไทยเพราะว่าไม่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจที่เข้าไปทำมากกว่า 50% การเข้าไปลงทุนในจีนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!
รู้กฎระเบียบ-ใช้ความได้เปรียบลดภาษี
ไกรสินธุ์ วงศ์สุรไกร บริษัทโรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด กล่าวว่า อันดับแรกของคนที่คิดไปทำการค้าในจีน จะต้องเริ่มจากการสำรวจตลาด และดูสินค้าตัวเองว่ามีความเด่นอะไรบ้าง สำรวจท่าเรือต่างๆ ที่จะใช้ขนส่ง กฎระเบียบในการนำเข้าต่าง ๆ ที่สำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าสินค้าที่เราจะทำนั้นมีพิกัดทางศุลกากรอย่างไร และต้องเปรียบเทียบกับตารางการลดภาษีที่ไทยทำข้อตกลงทางการค้าไว้กับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งจะมีการลดภาษีในสินค้าแต่ละตัวไม่เท่ากันในแต่ละปี ที่สำคัญคือจะต้องนำไปคุยกับทางคู่ค้าทางจีนด้วยว่าทางการจีนเรียกพิกัดสินค้านี้ว่าอะไร เป็นตัวเดียวกันหรือไม่ เพราะนี่เป็นผลประโยชน์ที่เราจะได้รับโดยตรง
ทั้งนี้การลดภาษีมีข้อแม้ว่าจะต้องไปขอ Certificate of origin ที่กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ที่เรียกว่า From E เพื่อให้ได้รับสิทธิในการลดภาษีด้วย แต่ก็เป็นเพียงภาษีนำเข้า พอเข้าจีนแล้วผู้ประกอบการไทยต้องคำนึงให้ดีคือจะมีต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในจีนอีก 13-17% ซึ่งเมื่อรวมกับค่าขนส่งจากเมืองไทย ทั้งจากกทม.หรือท่าเรือแหลมฉบังมาขึ้นตามท่าเรือต่างๆ ในจีนแล้ว ก็จะทำให้ต้นทุนสินค้าเราสูงขึ้นมาก
ฉะนั้นถ้าจะนำสินค้าเข้าไปขายในจีน ควรจะเน้นคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก จึงจะมีโอกาสอยู่รอด โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการเครื่องหมายในการยกระดับการผลิตสินค้า ทั้ง GMP ISO HACCP ให้ได้
ระวังแก๊งค์ต้มตุ๋นจีนหลอก!
อย่างไรก็ดี การเข้าไปจีนสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ยังไม่มีประสบการณ์ขอแนะนำว่านอกจากจะเดินหน้าแนวรุกในการนำสินค้าไปขายแล้ว จำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวจากพวกต้มตุ๋นชาวจีนที่ขณะที่มีอยู่จำนวนมากด้วย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ได้มีคนจีนกลุ่มหนึ่งติดต่อเข้ามาทางการส่งแฟกซ์ หรืออีเมลล์ว่าต้องการสั่งซื้อสินค้าของบริษัทจำนวนมาก ทำให้ทางบริษัทได้ติดต่อกับคนกลุ่มนี้กลับไป และมีการเดินทางไปเจรจาธุรกิจกันหลายครั้ง ทุกครั้งที่ไปนั้นจะมีการเจรจากันที่โรงแรม 5 ดาว ทุกคนที่มาเจรจาจะแต่งตัวดี และในการเจรจาจะรู้เรื่องทุกประการเกี่ยวกับการทำธุรกิจและการค้า เหมือนคนที่ทำธุรกิจมานาน แต่ท้ายที่สุดแล้วก่อนทำการเซ็นต์สัญญากันอย่างเป็นทางการ ก็จะมีคนจีนในกลุ่มนั้นมาติดต่อทางบริษัท เพื่อให้ออกเงินค่าของขวัญให้กับผู้บริหารชาวจีน อาทิ เหล้า บุหรี่ นาฬิกา และของมีค่าต่างๆ โดยเป็นเงินประมาณ 1 หมื่นหยวน โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า และนัดเจอกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่งเวลา 1 ทุ่มตรงในวันนั้น โดยบอกเหตุผลว่าเป็นการฉลองการทำการค้าที่ลุล่วงไปด้วยดี
“คนจีนเป็นคนที่ต้องรักษาหน้า การให้สินน้ำใจเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือทำไมไม่มีการบอกล่วงหน้า ผมเลยบอกเขาไปว่าให้ออกไปก่อน เราไม่ได้เตรียมเงินมา แล้วจะชดใช้ให้ทีหลัง เขาก็มีการลดราคาจาก 1 หมื่นหยวน เหลือ 5 พันหยวน เราก็เริ่มผิดสังเกตว่าผิดปกติแล้ว ผมก็ยืนยันให้ทางเขาออกเงินไปก่อน และจะชดใช้ให้ทีหลัง สรุปพอคืนนั้นเราไปตามนัดที่ร้านอาหาร ไม่มีใครมาร่วมงานสักคนเดียว”
กรณีเช่นนี้ได้มีนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในจีนหลายรายได้เคยประสบมาแล้ว โดยแก๊งค์ต้มตุ๋นมีพฤติกรรมการกระทำเหมือนกันทุกอย่าง แต่ต่างมลฑล ต่างเมืองกันเท่านั้น อย่างไรก็ดีพบว่า แก๊งค์ต้มตุ๋นนี้พอเวลาเปลี่ยนไป ก็มีการกระทำที่รัดกุมมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นผู้ประกอบการไทยควรศึกษาปูมลึกของผู้ที่จะมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจให้ละเอียดและต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นชาวจีนหลอกเอาได้
ลักษณะพ่อค้า 4 เมืองใหญ่
ทั้งนี้ในการทำธุรกิจกับจีนควรเข้าใจขนบธรรมเนียมของจีนด้วย เพราะการไปเจาะตลาดในจีนควรจะเลือกเป็นรายมณฑล ไม่ควรมองเป้าหมายเป้าใหญ่ด้วยตัวเลขลวงของจำนวนประชากร 1,300 ล้านคนเท่านั้น โดยทำความลักษณะกลุ่มคนจีนมณฑลต่างๆ เพื่อความราบรื่นในการทำการค้า อาทิ 4 เมืองสำคัญของจีน ดังนี้
ลักษณะคนเซี่ยงไฮ้ จะยึดถือว่าตัวเองเป็นคนที่เจ๋งที่สุด เชี่ยวชาญที่สุด สามารถทำทุกอย่างได้หมดจึงมีความหยิ่งเล็กน้อย
ลักษณะคนมิ๋นนาน มณฑลฝูเจี้ยน จะมีลักษณะของการอยากเป็นเถ้าแก่ เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพารัฐ
ลักษณะคนกวางตุ้ง เชื่อถือโชคลาง ฮวงจุ้ย โดยหากจะมอบของกำนัลให้คนกวางตุ้งจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น นาฬิกาแขวน,ร่ม จะหมายถึง คนตาย ไม่นิยมให้กัน อย่างตัวเลข เบอร์มือถือก็ควรมีเลข 3,6,8,9 เพราะเป็นเลขมงคล
ลักษณะคนตงเป่ย เป็นคนที่พูดตรงกับใจ เป็นนักดื่มเหล้า มีสโลแกนว่าดื่มก่อนทำธุรกิจที่หลัง โดยเชื่อว่าคนที่ดื่มด้วยไม่มันส์ ไม่สนุก ก็จะทำธุรกิจด้วยกันไม่ราบรื่น เป็นต้น