“ประพันธ์” เชื่อมัชฌิมาจะมีปัญหาเสนอชื่อบุคคลร่วม รมต.ตามมา เพราะยังไม่รู้ใครเป็นหัวหน้าพรรค สั่งคณะกรรมการสอบเร่งพิจารณา พร้อมยันสถานะ “หมัก” ไม่ขัดคุณสมบัติแม้จะเคยลง ส.ว. เมินคำร้อง “ทั่นยุทธ” อ้างวีซีดีฉาวถูกตัดต่อ
วันนี้ (31 ม.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวนยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทย ว่ามติดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย เพราะ กกต. ต้องตรวจสอบว่าพรรคมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ซึ่งการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนที่มีนาย บุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน กกต.ไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลา แต่เชื่อว่าคณะกรรมการฯ จะพิจารณาโดยเร็ว เพราะมีสำนวนการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคของทั้ง 2 คนอยู่พอสมควรแล้ว
ส่วนความคืบหน้าเรื่องสถานภาพของนาย ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีปัญหาอยู่ 2 กรณี คือ นายประชัยได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยแล้วหรือไม่ และนายประชัยได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตยแล้วหรือไม่ ซึ่งกรณีการลาออกจากการเป็นสมาชิกนั้น ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ได้ระบุว่าจะสมบูรณ์เมื่อผู้ประสงค์ลาออกได้ยื่นใบลาออกกับนายทะเบียนของพรรคการเมืองนั้นๆ แล้ว ดังนั้น ต้องตรวจสอบว่าหนังสือลาออกของนายประชัยไปอยู่ที่ไหน เพราะนายประชัยอ้างว่าได้ถอนใบลาออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทราบว่าการสอบสวนประเด็นนี้เสร็จสิ้นแล้ว
“เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา เนื่องจากขณะนี้มีการประชุมพรรคเพื่อเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค ปัญหาจึงมีว่าตกลงแล้วใครเป็นหัวหน้าพรรคกันแน่ และหากบุคคลที่ไม่ใช่หัวหน้าพรรคไปเรียกประชุมจะเกิดปัญหาว่าการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น กกต.จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ยุติ เพราะเชื่อว่าจะมีเรื่องโต้เถียงตามมาว่า การเรียกประชุมเพื่อมติเสนอชื่อบุคคลไปเป็นรัฐมนตรีนั้นถูกต้องหรือไม่”
ส่วนสถานภาพของนายสมัคร สุนทรเวช ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่อาจขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมัครเคยดำรงตำแหน่ง ส.ว.เมื่อปี 2549 นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้น ตอนลงสมัคร ส.ส. กกต.ได้ตรวจสอบคุณสมบัตินายสมัครแล้วว่าสามารถลงเลือกตั้งส.ส.ได้ ซึ่งก็ไม่มีบุคคลใดทักท้วง ดังนั้น ถือได้ว่านายสมัครไม่มีปัญหา ส่วนความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 ก็ไม่มีปัญหา แต่หากมีผู้ข้อโต้แย้งเพิ่มเติมเข้ามายัง กกต.ก็พร้อมพิจารณา แต่จู่ๆ จะให้ กกต.ไปรื้อค้นมาตรวจสอบเองคงไม่ได้ ทั้งนี้ที่กำลังมีความสับสนอยู่ ว่า ส.ว.ปี 2549 สามารถลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ได้หรือไม่นั้น กกต.ได้มีมติ ว่า ส.ว.ปี 2549 สามารถลงสมัครได้ เพราะในรัฐธรรมนูญมีบทเฉพาะกาลยกเว้นไว้ให้
สำหรับความคืบหน้ากรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องการให้ กกต.ส่งวีซีดีหลักฐานสำนวนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.ยังไม่มีมติเรื่องนี้ เพราะคณะกรรมการสอบสวนสำนวนนี้ยังไม่ได้เสนอมาว่าจะต้องส่งหรือไม่ ต้องรอให้คณะกรรมการสอบสวนเสนอมาก่อน ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการสอบสวนฯจะสอบเสร็จในเร็วๆนี้ เพราะที่คณะกรรมฯ ขอขยายเวลามานั้นก็ใกล้สิ้นสุดแล้ว และยังไม่ได้ขอขยายเวลาเพิ่มอีก ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้เหลือพยานที่ต้องสอบปากคำไม่มากแล้ว