นาย ประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหาร การเลือกตั้ง กล่าวก่อนการประชุม กกต.ถึงกรณีมีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวน ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทย ว่า มติดังกล่าว เป็นไปตามกฎหมาย เพราะ กกต. ต้องตรวจสอบว่าพรรคมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด กฎหมายเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ซึ่งการทำงานของคณะกรรมการสอบสวน ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน กกต. ไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลา แต่เชื่อว่า คณะกรรมการฯจะพิจารณาโดยเร็ว เพราะมีสำนวนการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคของทั้ง 2 คนอยู่พอสมควรแล้ว
สำหรับความคืบหน้ากรณีที่นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องการให้กกต. ส่งวีซีดีหลักฐานสำนวนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.ยังไม่มีมติเรื่องนี้ เพราะคณะกรรมการสอบสวนสำนวนนี้ ยังไม่ได้เสนอมา ว่าจะต้องส่งหรือไม่ ต้องรอให้คณะกรรมการสอบสวนเสนอมาก่อน ทั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการสอบสวนฯจะสอบเสร็จในเร็วๆนี้ เพราะที่คณะกรรมฯ ขอขยายเวลามานั้น ก็ใกล้สิ้นสุดแล้ว และ ยังไม่ได้ขอขยายเวลาเพิ่มอีก ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้ เหลือพยานที่ต้องสอบปากคำไม่มากแล้ว
นายประพันธ์ นัยโกวิท ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุมว่า กกต. ได้การพิจารณากรณีนายยงยุทธ มีหนังสือขอให้ กกต. ส่งซีดีหลักฐานการทุจริตเลือกตั้งจ.เชียงราย ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สตช.ตรวจสอบแล้ว โดยที่ประชุมมีมติมอบให้ คณอนุกรรมการสอบสวนฯ ที่มีนายสุวิทย์ ธีระพงษ์ เป็นผู้พิจารณา เพราะสำนวนทุจริตเลือกตั้งจ.เชียงราย อยู่ระหว่างการดำเนินสอบสวน ของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งทางคณะอนุฯ อาจมองว่า จำเป็นหรือไม่จำเป็น ที่จะต้องส่งไปก็ได้ กกต.จึงอยากให้พิจารณาก่อน แต่ถ้าอนุฯเห็นว่า ควรเข้าที่ประชุม กกต.ก็ให้คณะอนุฯ เสนอกลับมาที่ กกต.ใช้ดุลยพินิจได้
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ฝ่ายพรรคการเมือง กล่าว ถึงความคืบหน้า การทำสำนวนยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยว่าขณะนี้ กกต. ได้รับรายงานจากคณะอนุกรรมการ ฯ แล้ว ซึ่งกระบวนการพิจารณายุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยครั้งนี้จะแตกต่างจากกรณียุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งการยุบพรรคครั้งนั้นเกี่ยวข้องกับประเด็นนอมินี และหนีเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง 20 % ทำให้ต้องมีการสืบพยานจำนวนมาก และใช้เวลาพิจารณาก่อนตัดสินเป็นปี ขณะที่กรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตย เป็นเรื่องการกระทำผิดข้อกฎหมายล้วนๆ ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาเพียง 2-3 เดือนก็จบแล้ว
ส่วนคำตัดสินยุบพรรคจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องการแต่งตั้ง ครม.ไม่เกี่ยวข้องกับ กกต. แต่หากสุดท้ายพรรคถูกยุบเชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบรัฐบาล เพราะนายสมัคร นายกรัฐมนตรี สามารถปรับ ครม. ได้ตลอดเวลา
นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานคณะกรรมการด้านพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติของ กกต. กล่าวถึงกรณีได้รับแต่งตั้งจากกต.ให้เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนยุบพรรคพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยว่า ได้รับโทรศัพท์จาก กกต.คนหนึ่งถึงมติแต่งตั้งดังกล่าว พร้อมกับตอบรับที่จะทำหน้าที่นี้ เพราะปกติตนก็จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในประเด็นข้อกฎหมายต่อ กกต.ด้านพรรคการเมืองอยู่แล้ว ซึ่งในการสอบสวนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ขณะนี้ยังไมได้พูดคุยกับกรรมการคนอื่น คิดว่าคงจะสามารถทำงานร่วมกันได้
“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นประเด็นสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก เพราะตามกระบวนการแล้วเราก็คงต้องเชิญผู้ถูกกล่าวหา ผู้กล่าวหา มาให้ปากคำ เพิ่มเติม ทั้งนี้จะพยายามสอบสวนให้เกิดข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด หากผลออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องอธิบายต่อสังคมได้ว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ซึ่งการสอบสวนนั้นต้องยึดทั้งหลักกฎหมาย หลักรัฐศาสตร์ อย่างรอบคอบ เท่าที่ทราบ กกต.ก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าต้องเสร็จเมื่อใดเพียงบอกว่า ให้เร็วที่สุด ดังนั้นต้องรอให้มีการประชุมก่อนจึงจะสามารถบอกได้ว่ากรอบการทำงานจะเป็นอย่างไร”
นายบุญทัน ยังกล่าวอีกว่าไม่ค่อยหนักใจกับการสอบฯที่ผลออกมาอาจจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง เพราะเมื่อรับปากว่าจะมาทำงานใหญ่แล้วก็ต้องรับผิดชอบและสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลและยืนอยู่ตรงกลาง ให้ความเป็นธรรม ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่ก็เป็นนักกฎหมายที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าจะมีอะไรมากดดันการทำงานได้ อีกทั้งเรื่องดังกล่าวก็ผ่านกระบวนการของ กกต. ในการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง) มาแล้ว จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อการสืบสวน หาข้อเท็จจริงว่า พรรคการเมืองจะเกี่ยวข้องต่อการได้รับใบแดงของผู้สมัครหรือไม่
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ให้สัมภาษณ์ระหว่างรอเข้าห้องประชุม กกต.ถึงสำนวนสืบสวนสอบสวนที่ยังคัางอยู่ว่าไม่ทราบว่ามีเหลือสำนวนอะไรอยู่บ้าง
ส่วนความชัดเจนว่าจะส่งวีซีดีสำนวนทุจริตเลือกตั้ง จ.เชียงราย 8 แผ่นของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สนช.) นายสมชัย กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ามีเข้าที่ประชุมหรือไม่ เพราะไม่รู้เรื่องจริงๆ
นายสมชัย ยังบอกด้วยว่า ในเร็วๆนี้จะไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลฝ่ายสืบสวน สอบสวนแล้วเพราะไม่อยากทำ ต้องการขอย้ายตัวเองมาทำฝ่ายการมีส่วนร่วม ที่นายสุเมธ อุปนิสากร รับผิดชอบอยู่ขณะนี้แทน เพราะตอนนี้มีปัญหาว่าทำหนังสือขอกลับไปที่ศาลแล้ว แต่มีหนังสือแจ้งกลับว่าไม่สามารถกลับไปได้ จึงคิดว่าจะขอย้ายตัวเองมาทำฝ่ายการมีส่วนร่วมแทน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนต่างประหลาดใจเมื่อนายสมชัย เดินเข้ามาหาสื่อพร้อมกับอกว่าจะขอพูดเรื่องหนึ่ง คืออยากให้กำลังใจพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่ทำการปฎิวัติ และอยากบอกว่าตนเข้าใจตอนที่ พล.อ. สนธิ ปฎิวัติ ซึ่งทุกคนต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ตอนนั้นบ้านเมืองมีขั้วอยู่ 2 ขั้ว ที่ถล่มทำลายล้างกัน หากตอนนั้นประเทศไทยมีปัญหาขึ้นมา คิดดูว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และตอนนั้นที่พล.อ.สนธิ จำเป็นต้องออกมาปฎิวัติ มันเป็นการช่วยแก้ไขปัญหา เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คนไทยที่แบ่งขั้ว และการทำลายล้างกันหยุดลงได้
“หากลองย้อนกลับไปมอง ทุกคนตอนนั้นก็ชื่นชม แม้แต่สหรัฐอเมริกา เขาก็เข้าใจว่าทหารตอนนั้นออกมาแทรกแซงเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ในบ้านเมือง เป็นความจำเป็น เรื่องนี้ต้องเข้าใจ และอยากจะบอกว่าขอให้กำลังใจคณะปฎิรูปฯ ตอนนั้น แต่ไม่ใช่ คมช. เพราะตอนนั้นก็ชื่นชมว่าท่านทำถูกแล้ว” นายสมชัย กล่าวและเดินเข้าห้องประชุมไป ท่ามกลางความสงสัยของผู้สื่อข่าว
เนื่องจากก่อนหน้านี้นายสมชัยเคยให้สัมภาษณ์ ในทำนองว่าอยากให้บ้านเมือง เป็นประชาธิปไตย และไม่ชอบการปฏิวัติ แม้แต่คำ ๆ นี้ก็ไม่อยากให้มีการเอ่ยถึง แต่เมื่ออยู่ดีๆ นายสมชัย ออกมากล่าวว่าต้องให้กำลังใจพล.อ.สนธิ และเห็นถึงความ จำเป็นของการปฏิวัติ ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่สื่อว่า หรือเป็นเพราะขณะนี้ พล.อ.สนธิได้โทรไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทำความเข้าใจกันเพื่อความสมานฉันท์แล้ว
สำหรับความคืบหน้ากรณีที่นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องการให้กกต. ส่งวีซีดีหลักฐานสำนวนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.ยังไม่มีมติเรื่องนี้ เพราะคณะกรรมการสอบสวนสำนวนนี้ ยังไม่ได้เสนอมา ว่าจะต้องส่งหรือไม่ ต้องรอให้คณะกรรมการสอบสวนเสนอมาก่อน ทั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการสอบสวนฯจะสอบเสร็จในเร็วๆนี้ เพราะที่คณะกรรมฯ ขอขยายเวลามานั้น ก็ใกล้สิ้นสุดแล้ว และ ยังไม่ได้ขอขยายเวลาเพิ่มอีก ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้ เหลือพยานที่ต้องสอบปากคำไม่มากแล้ว
นายประพันธ์ นัยโกวิท ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุมว่า กกต. ได้การพิจารณากรณีนายยงยุทธ มีหนังสือขอให้ กกต. ส่งซีดีหลักฐานการทุจริตเลือกตั้งจ.เชียงราย ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สตช.ตรวจสอบแล้ว โดยที่ประชุมมีมติมอบให้ คณอนุกรรมการสอบสวนฯ ที่มีนายสุวิทย์ ธีระพงษ์ เป็นผู้พิจารณา เพราะสำนวนทุจริตเลือกตั้งจ.เชียงราย อยู่ระหว่างการดำเนินสอบสวน ของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งทางคณะอนุฯ อาจมองว่า จำเป็นหรือไม่จำเป็น ที่จะต้องส่งไปก็ได้ กกต.จึงอยากให้พิจารณาก่อน แต่ถ้าอนุฯเห็นว่า ควรเข้าที่ประชุม กกต.ก็ให้คณะอนุฯ เสนอกลับมาที่ กกต.ใช้ดุลยพินิจได้
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ฝ่ายพรรคการเมือง กล่าว ถึงความคืบหน้า การทำสำนวนยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยว่าขณะนี้ กกต. ได้รับรายงานจากคณะอนุกรรมการ ฯ แล้ว ซึ่งกระบวนการพิจารณายุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยครั้งนี้จะแตกต่างจากกรณียุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งการยุบพรรคครั้งนั้นเกี่ยวข้องกับประเด็นนอมินี และหนีเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง 20 % ทำให้ต้องมีการสืบพยานจำนวนมาก และใช้เวลาพิจารณาก่อนตัดสินเป็นปี ขณะที่กรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตย เป็นเรื่องการกระทำผิดข้อกฎหมายล้วนๆ ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาเพียง 2-3 เดือนก็จบแล้ว
ส่วนคำตัดสินยุบพรรคจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องการแต่งตั้ง ครม.ไม่เกี่ยวข้องกับ กกต. แต่หากสุดท้ายพรรคถูกยุบเชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบรัฐบาล เพราะนายสมัคร นายกรัฐมนตรี สามารถปรับ ครม. ได้ตลอดเวลา
นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานคณะกรรมการด้านพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติของ กกต. กล่าวถึงกรณีได้รับแต่งตั้งจากกต.ให้เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนยุบพรรคพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยว่า ได้รับโทรศัพท์จาก กกต.คนหนึ่งถึงมติแต่งตั้งดังกล่าว พร้อมกับตอบรับที่จะทำหน้าที่นี้ เพราะปกติตนก็จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในประเด็นข้อกฎหมายต่อ กกต.ด้านพรรคการเมืองอยู่แล้ว ซึ่งในการสอบสวนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ขณะนี้ยังไมได้พูดคุยกับกรรมการคนอื่น คิดว่าคงจะสามารถทำงานร่วมกันได้
“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นประเด็นสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก เพราะตามกระบวนการแล้วเราก็คงต้องเชิญผู้ถูกกล่าวหา ผู้กล่าวหา มาให้ปากคำ เพิ่มเติม ทั้งนี้จะพยายามสอบสวนให้เกิดข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด หากผลออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องอธิบายต่อสังคมได้ว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ซึ่งการสอบสวนนั้นต้องยึดทั้งหลักกฎหมาย หลักรัฐศาสตร์ อย่างรอบคอบ เท่าที่ทราบ กกต.ก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าต้องเสร็จเมื่อใดเพียงบอกว่า ให้เร็วที่สุด ดังนั้นต้องรอให้มีการประชุมก่อนจึงจะสามารถบอกได้ว่ากรอบการทำงานจะเป็นอย่างไร”
นายบุญทัน ยังกล่าวอีกว่าไม่ค่อยหนักใจกับการสอบฯที่ผลออกมาอาจจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง เพราะเมื่อรับปากว่าจะมาทำงานใหญ่แล้วก็ต้องรับผิดชอบและสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลและยืนอยู่ตรงกลาง ให้ความเป็นธรรม ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่ก็เป็นนักกฎหมายที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าจะมีอะไรมากดดันการทำงานได้ อีกทั้งเรื่องดังกล่าวก็ผ่านกระบวนการของ กกต. ในการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง) มาแล้ว จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อการสืบสวน หาข้อเท็จจริงว่า พรรคการเมืองจะเกี่ยวข้องต่อการได้รับใบแดงของผู้สมัครหรือไม่
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ให้สัมภาษณ์ระหว่างรอเข้าห้องประชุม กกต.ถึงสำนวนสืบสวนสอบสวนที่ยังคัางอยู่ว่าไม่ทราบว่ามีเหลือสำนวนอะไรอยู่บ้าง
ส่วนความชัดเจนว่าจะส่งวีซีดีสำนวนทุจริตเลือกตั้ง จ.เชียงราย 8 แผ่นของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สนช.) นายสมชัย กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ามีเข้าที่ประชุมหรือไม่ เพราะไม่รู้เรื่องจริงๆ
นายสมชัย ยังบอกด้วยว่า ในเร็วๆนี้จะไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลฝ่ายสืบสวน สอบสวนแล้วเพราะไม่อยากทำ ต้องการขอย้ายตัวเองมาทำฝ่ายการมีส่วนร่วม ที่นายสุเมธ อุปนิสากร รับผิดชอบอยู่ขณะนี้แทน เพราะตอนนี้มีปัญหาว่าทำหนังสือขอกลับไปที่ศาลแล้ว แต่มีหนังสือแจ้งกลับว่าไม่สามารถกลับไปได้ จึงคิดว่าจะขอย้ายตัวเองมาทำฝ่ายการมีส่วนร่วมแทน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชนต่างประหลาดใจเมื่อนายสมชัย เดินเข้ามาหาสื่อพร้อมกับอกว่าจะขอพูดเรื่องหนึ่ง คืออยากให้กำลังใจพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่ทำการปฎิวัติ และอยากบอกว่าตนเข้าใจตอนที่ พล.อ. สนธิ ปฎิวัติ ซึ่งทุกคนต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ตอนนั้นบ้านเมืองมีขั้วอยู่ 2 ขั้ว ที่ถล่มทำลายล้างกัน หากตอนนั้นประเทศไทยมีปัญหาขึ้นมา คิดดูว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และตอนนั้นที่พล.อ.สนธิ จำเป็นต้องออกมาปฎิวัติ มันเป็นการช่วยแก้ไขปัญหา เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คนไทยที่แบ่งขั้ว และการทำลายล้างกันหยุดลงได้
“หากลองย้อนกลับไปมอง ทุกคนตอนนั้นก็ชื่นชม แม้แต่สหรัฐอเมริกา เขาก็เข้าใจว่าทหารตอนนั้นออกมาแทรกแซงเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ในบ้านเมือง เป็นความจำเป็น เรื่องนี้ต้องเข้าใจ และอยากจะบอกว่าขอให้กำลังใจคณะปฎิรูปฯ ตอนนั้น แต่ไม่ใช่ คมช. เพราะตอนนั้นก็ชื่นชมว่าท่านทำถูกแล้ว” นายสมชัย กล่าวและเดินเข้าห้องประชุมไป ท่ามกลางความสงสัยของผู้สื่อข่าว
เนื่องจากก่อนหน้านี้นายสมชัยเคยให้สัมภาษณ์ ในทำนองว่าอยากให้บ้านเมือง เป็นประชาธิปไตย และไม่ชอบการปฏิวัติ แม้แต่คำ ๆ นี้ก็ไม่อยากให้มีการเอ่ยถึง แต่เมื่ออยู่ดีๆ นายสมชัย ออกมากล่าวว่าต้องให้กำลังใจพล.อ.สนธิ และเห็นถึงความ จำเป็นของการปฏิวัติ ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่สื่อว่า หรือเป็นเพราะขณะนี้ พล.อ.สนธิได้โทรไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทำความเข้าใจกันเพื่อความสมานฉันท์แล้ว