กกต.รับรอง ส.ส.เพิ่มอีก 3 คน จนครบทั้งสภา 480 คนแล้ว ขณะเดียวกัน “มัชฌิมาฯ” ลุ้นระทึกเตรียมเข้าสู่การพิจารณาหาข้อสรุปเรื่องยุบพรรคในสัปดาห์นี้ ขณะที่ชาติไทยคิวต่อไป “สุเมธ” สำทับชี้ขาดจะดูเรื่องข้อกฎหมายเป็นหลัก ส่วน “สดศรี” ไม่หวั่นรัฐบาลนอมินีแทรกแซง
วันนี้ (29 ม.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า กกต.มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ปราจีนบุรีที่ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ว่าที่ ส.ส.พรรคมัชฌิมาธิปไตยได้รับการเลือกตั้ง โดย กกต.จังหวัดปราจีนบุรี ระบุว่าได้รับแจ้งจากผู้ร้องคัดค้านขอถอนคำคัดค้านเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่สุจริต และเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชัยนาทที่ นางพรทิวา นาคาศัย ว่าที่ ส.ส.มัชฌิมาธิปไตย และนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้ง เนื่องจาก กกต.ชัยนาทมีมติยกคำร้องเรื่องร้องคัดค้าน เพราะเป็นการร้องซ้ำในประเด็นเดิม ดังนั้น เมื่อไม่มีเรื่องร้องเรียน กกต.จึงมีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 คน ใน 2 เขตเลือกตั้ง ทำให้ขณะนี้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ครบ 480 คนแล้ว
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการพิจารณาเสนอยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ที่กรรมการบริหารพรรคถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งว่า กกต.สามารถใช้ดุลพินิจตามกรอบของกฎหมายได้ เพราะกฎหมายเปิดช่องเอาไว้ ซึ่ง กกต.ก็จะยึดหลักนิติธรรมและความเป็นธรรมเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ตนได้รับบันทึกของด้านกิจการพรรคการเมือง กกต.ที่นำเสนอความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมือง กกต. เกี่ยวกับเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยตนกำลังตรวจสอบอยู่และจะนำเสนอประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนสำนวนทุจริตเลือกตั้ง จ.เชียงราย ทางอนุกรรมการสอบสวนที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ยังไม่ได้สรุปสำนวนเสนอ กกต. คาดว่าอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการโดยล่าสุดคณะอนุฯ ได้สอบปากคำพยานฝ่ายผู้ร้องคัดค้านครบหมดแล้ว แต่ยังสอบปากคำพยานฝ่ายนายยงยุทธไม่ครบ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายผู้ถูกร้องพยายามยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ นั้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นดุลพินิจของคณะอนุฯ ว่าจะทำอย่างไร แต่หากการสืบสวนล่าช้าจริงๆ ก็ต้องปรึกษากับ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เลขาธิการ กกต.ยังยืนยันด้วยว่า แม้พรรคพลังประชาชนจะได้เป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลและ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม กกต.ก็ไม่มีปัญหาในการทำงานแต่อย่างใด เพราะกกต.ยึดหลักการทำงานด้วยความเป็นอิสระ เช่นที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ กกต.ว่า กกต.กลัวคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่ กกต.ก็ฝ่าฟันมาจนได้ และตอนนี้ประเทศเรากลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว กกต.จะทำงานตามเดิม คือการยึดความเป็นอิสระและกรอบกติกาของกฎหมาย ซึ่ง กกต.คงไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้ และ กกต.คงต้องถูกตำหนิเช่นกัน เพราะ กกต.อยู่ตรงกลางและไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้ทั้งหมด
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ส.ส.ที่สังกัดพรรคดังกล่าวก็สามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 90 วัน แต่ทั้งนี้เรื่องการยุบพรรคไม่ใช่ว่าจะสามารถทำกันได้ง่ายๆ ต้องมีเหตุผลประกอบที่เพียงพอ ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะทำหนังสือขอให้ กกต.พิจารณาเรื่องยุบพรรคโดยยึดหลักรัฐศาสตร์มากกว่านิติศาสตร์ กกต.ก็พร้อมจะรับฟัง แต่ตามหลักการแล้ว กกต.ก็ต้องพิจารณาโดยยึดกฎหมายเป็นหลัก
ส่วน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการพิจารณากรณียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ว่า กกต.ยังไม่ได้นำทั้ง 2 เรื่องมารวมกัน โดยกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการที่ปรึกษา ด้านกิจการพรรคการเมืองแล้วว่า การที่กรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิอาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การยุบพรรค ตามมาตรา 103 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องนำมาพิจารณาต่อไป คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้
ส่วนจะสามารถนำกรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตยมาเทียบเคียงเพื่อดำเนินการกับพรรคชาติไทยได้หรือไม่นั้นก็ต้องดูข้อเท็จจริงว่าสามารถเทียบเคียงกันได้หรือไม่ หากได้ก็คงไม่จำเป็นต้องนำเรื่องพรรคชาติไทยไปสู่การพิจารณาคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมืองอีก
“กกต.เรายังไม่ได้พูดกันเลยสำหรับกรณีพรรคชาติไทย จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ กกต. 5 คน ว่า กรณีพรรคชาติไทยมีข้อเท็จจริงเหมือนกับกรณีพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งผู้ที่ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิก็คือกรรมการบริหารของพรรคชาติไทย เพราะฉะนั้น หากกรณีทั้ง 2 มีความคล้ายคลึงกัน อาจจะไม่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกิจการพรรคการเมือง”
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาสถานภาพการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ว่าคาดว่าจะสามารถสรุปเรื่องสถานภาพของนายประชัยได้เร็วกว่าการสรุปเรื่องการยุบพรรค เพราะว่าการพิจารณาเรื่องยุบพรรค กกต.ต้องพิจารณาให้ดีก่อน เนื่องจากต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป โดยคาดว่าเรื่องสถานภาพนายประชัยจะสามารถนำเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ได้ภายใน 1-2 วันนี้
นางสดศรี ยังกล่าวถึงกรณีพรรคชาติไทยจะมีหนังสือขอให้ กกต.พิจารณาเรื่องการยุบพรรคโดยยึดหลักรัฐศาสตร์มากว่านิติศาสตร์ว่า หลักนิติศาสตร์คือเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ที่ กกต.ดูอยู่ ส่วนหลักรัฐศาสตร์นี้ หากเป็นหลักรัฐศาสตร์เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแล้ว กกต.คงไม่ต้องนำมาวินิจฉัย แต่หากเป็นหลักรัฐศาสตร์เพื่อประเทศชาติ ก็คงอาจต้องนำมาวินิจฉัย
นางสดศรี ยังมั่นใจว่ารัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และกลุ่มอำนาจใหม่จะไม่เข้าแทรกแซงการทำงานของ กกต. และไม่อยากรู้สึกวิตกจริตไปก่อน ทั้งนี้ คิดว่านายสมัครเป็นนักการเมืองเก่า มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ มาก คงไม่มายุ่งกับการทำงานของ กกต. รวมทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยประกาศว่ารัฐบาลจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำงานของ กกต. และกกต.ไม่กลัวการเช็กบิล เพราะการที่เราเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว การที่จะกลับไปอยู่บ้านโดยที่ไม่เป็น กกต.ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนระยะยาว
/0110