xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ให้เวลาพิสูจน์ “ทั่นยุทธ” จี้ “พลังแม้ว” เรียกความเชื่อมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้เวลาพิสูจน์การทำงานของ “ทั่นยุทธ ตู้เย็น” ว่ามีความเป็นกลางแค่ไหน ย้ำหากไม่ถูกครอบงำจากฝ่าบริหารและมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองก็ร่วมงานกันได้ดี จี้ “พลังแม้ว” สร้างความชัดเจนทางเศรษฐกิจเรียกความเชื่อมั่นก่อนแถลงนโยบาย

คลิกที่นี่เพื่อฟังเสียง "อภิสิทธิ์"พร้อมให้เวลาพิสูจน์การทำงานของ “ทั่นยุทธ ตู้เย็น”

วันนี้ (23 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำงานในสภาที่จะทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ได้หรือไม่ว่า ทั้งหมดอยู่ที่หลักคิดในการปฏิบัติหน้าที่คืองานฝ่ายนิติบัญญัติต้องทำงานให้เป็นไปตามเจตารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้น ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎรวางตัวเป็นกลาง และไม่ได้มีวาระทางการเมือง ไม่มีการครอบงำจากพรรคการเมืองหรือจากที่ไหนก็ตาม ตนคิดว่าโอกาสที่จะสร้างความสมานฉันท์ในการทำงานในสภาก็เป็นได้ แต่ถ้าหากยังถูกครอบงำอยู่ ยังกลัวการตรวจสอบ และยังคิดว่าต้องเป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารก็เกิดความสมานฉันท์ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จึงต้องติดตามดูต่อไปว่าการปฏิบัติหน้าที่ใช้หลักคิดอะไร และคงเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นตั้งแต่เรื่องการทำงานของกรรมาธิการว่าจะให้บทบาทกับฝ่ายต่างๆ อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมอย่างไรหรือไม่ ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวชี้วัดเป็นตัวแรก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประธานและรองประธานสภาฯ เมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องเข้าใจบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ และที่รัฐธรรมนูญให้ออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคก็เพราะต้องการให้วางตัวเป็นกลางอย่างแท้จริง และให้การทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติสมประโยชน์ และกระบวนการของการเริ่มต้นให้ยึดความถูกต้อง ซึ่งตนเห็นว่าบางเรื่องต้องทำความเข้าใจกัน เช่น หลายครั้งเราจะได้ยินฝ่ายเสียงข้างมากอ้างความรวดเร็ว แต่ความรวดเร็วนั้นถ้าพูดถึงว่าอะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วนต้องทำให้เสร็จ สมาชิกสภาฯ ก็ต้องทุ่มเท แต่ไม่ใช่จะบอกว่าเพื่อเป็นการประหยัดเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง

ส่วน การทำงานในกรรมาธิการชุดต่างๆ จะต้องทำให้เกิดความเรียบร้อย และเป็นธรรม ที่ผ่านมามีปัญหาเพราะฝ่ายบริหารเข้ามาแทรกแซงเนื่องจากกลัวการตรวจสอบ หากจัดสรรรกันตามสัดส่วน และมีวิธีการตกลงกันได้อยู่แล้ว ตนเชื่อว่าส.ส.ด้วยกันเองพูดกันรู้เรื่อง อย่าให้มีธงจากข้างนอกเข้ามาแทรกแซงก็แล้วกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการประชุมเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมามีการอ้างความปรองดองค่อนข้างมากเป็นห่วงหรือไม่ว่าจะนำความปรองดองมาอ้างหากถูกตรวจสอบ หัวหน้าพรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ถ้าอ้างให้ถูกก็ไม่เป็นไร การตรวจสอบไม่ได้แปลว่าไม่ปรองดอง แต่ต้องตรวจสอบบนเหตุผลและข้อเท็จจริง และทุกคนต้องเคารพข้อบังคับกติกากฎหมาย ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหากับความปรองดอง และตนเห็นว่าตัวอย่างที่ดีของการประชุมสภาเมื่อวันที่ 22 ม.ค.คือ เมื่อมีการทักท้วงในเรื่องของการลงคะแนนที่ไม่เป็นความลับ และฝ่ายเสียงข้างมากบอกว่ามีเหตุมีผลอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่าเราใช้เหตุใช้ผลกัน ไม่ใช่บอกว่าให้ลงมติโดยไม่คำนึงถึงเหตุและผล

เมื่อถามว่า มองการเทคะแนนมาให้พรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกประธานและรองประธานสภาฯ อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องของบุคคล อีกส่วนคิดว่าทางพรรครัฐบาลคงต้องไปพูดคุยกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในส่วนของเขาเอง ส่วนจะมีผลต่อการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าการลงคะแนนเลือกนายกฯ ถ้ามีก็เป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผย ไม่เหมือนกันการเลือกประธานและรองประธานสภาฯ ที่เป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งก็อยู่ที่สมาชิกแต่ละคน แต่แน่นอนว่าการลงคะแนนเปิดเผยใครที่ลงคะแนนไม่เหมือนกับเพื่อนก็คงจะถูกจับตาเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังเรียกร้องให้พรรคพลังประชาชนในฐานะแกนนำรัฐบาลมีท่าทีชัดเจนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เพราะประชาชนคาดหวังว่าจะมีรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่ยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ และไม่ช่วยเร่งความเชื่อมั่น

“อย่าคิดว่ารอจนถึงวันแถลงนโยบาย ผมคิดว่าทิศทางที่ชัดเจนอย่างน้อยในฐานะพรรคการเมือง เพราะพรรคแกนนำอย่างไรก็ต้องดูแลเศรษฐกิจอยู่พอสมควรอยู่แล้ว น่าจะแสดงท่าทีที่ชัดเจน และขอให้ดูในเรื่องของทิศทางนโยบาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อน อย่าเพิ่งไปพูดถึงตัวบุคคลว่าใครจะมาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เพราะตัวบุคคลเป็นที่แน่นอนว่าสังคมจับตาดูอยู่ก็ต้องพยายามทำให้เกิดความเชื่อมั่นให้ได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน มาเป็นรมว.คลัง จะสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ตัวบุคคลหากยังไม่เรียบร้อย

ส่วนที่ คมช.ออกมาระบุว่าคนที่จะเป็น รมว.กลาโหม ควรเป็นทหารเพราะพูดคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นความเห็น แต่คนที่จะจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องตัดสินใจ และต้อง จะเป็นคนกลางสังกัดพรรคหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับว่าปฏิบัติต่อกองทัพอย่างไร เพราะเป็นหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามนโยบาย สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นซ้ำซาก คือ ความพยายามที่จะใช้กองทัพ ตำรวจหรือข้าราชการมาเป็นฐานทางการเมืองคือ อย่าเอาการเมืองเข้าไปในกองทัพ ควรให้กองทัพปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นภารกิจสำคัญตามปกติ แต่ต้องสนองนโยบายรัฐบาลด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ออกมาวิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทั้งที่รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มทำงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรคพลังประชาชนต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนในเรื่องหลักๆ ในฐานะพรรคการเมือง เพราะเรื่องคตส.ต้องยอมรับว่า หัวหน้าพรรคพลังประชาชนไปหาเสียงไว้เองว่าจะยุบ ถ้าจะยุบก็ต้องบอกว่าเพราะอะไร ถ้าจะไม่ยุบก็ต้องบอกว่าเพราะอะไรก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งควรจะทำให้เกิดความชัดเจน ส่วนที่ล่าสุดรัฐบาลระบุว่าจะไม่ยุบ คตส.แต่ออกมาตำหนิการทำงานของ คตส.นั้น ตนคิดว่าถ้าจะไม่ยุบ คตส.ก็ต้องให้ คตส.ทำงานให้เต็มที่ และสนับสนุนการทำงาน เพราะถ้ามีไว้แต่ไม่สนับสนุนการทำงานก็เป็นปัญหาต่อทุกฝ่าย

/0110

กำลังโหลดความคิดเห็น